Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

โรคระบบทางเดินหายใจ - Coggle Diagram

- - - - 1.การตดเชื้อที่จมูก
      - 2โรคภูมิแพ้
      - 3.ภาวะอื่นๆได้แก่ ความผิดปกติของ mucopolysaccharide (เช่น cystic firosis), การแพ้ยา (เช่น Aspirin), การอุดตัน (mechanical ostruction)
  - - - เป็นหนอง เรียก empyema
      - เป็น mucous เรียก mucocele
    - - 1.การติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจตอนบน
        -ระยะแรกเกิดจากเชื้อไวรัสโรคหวัดทำให้เยื่อบุจมูกอักเสบ และอาจอักเสบต่อเนื่องเข้าไปถึงในไซนัส โดยทั่วไปจะหายได้เป็นปกติ ถ้าติดเชื้อรุนแรง อาจมีการทำลายของเยื่อบุจมูกและเยื่อบุไซนัส เกิดการอุดตันของรูเปิดระหว่างไซนัสกับโพรงจมูก ทำให้อักเสบเรื้อรังได้
      - 2.การติดเชื้อของฟันโดยเฉพาะฟันกรามน้อยและฟันกรามแถวบน บางรายแสดงอาการชัดเจนภายหลังที่ไปถอนฟันแล้วเกิดรูทะลุระหว่าง Maxillary sinus และเหงือกขึ้น
      - 3.โรคติดเชื้ออื่น เช่น ไข้หวัดใหญ่ โรคหัด โรคไอกรน
      - 4.การว่ายน้ำ ดำน้ำ เกิดการสำลักน้ำเข้าไปในจมูกและในไซนัสได้ อาจมีเชื้อโรคเข้าไปด้วย ทำให้เกิดการอักเสบได้
      - 5.การกระทบกระแทกอย่างแรงบริเวณใบหน้า ทำให้โพรงไซนัสแตกหัก ช้ำ บวม หรือมีเลือดออกภายในโพรง ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้
      - 6.มีสิ่งแปลกปลอมในจมูก เช่น เมล็ดผลไม้ ก่อการอุดตันโพรงจมูก เป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อทั้งในโพรงจมูก และไซนัส
- - - - 1.เป็นทางเดินของอากาศ
        2.ให้ความชื้นแก่อากาศที่ผ่านเข้าปอด
        3.อุ่นอากาศที่จะผ่านเข้าสู่ปอด
        4.ทำความสะอาดอากาศ
- - - - 1.การติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรีย
        2.โรคภูมิแพ้
        3.การได้รับสารเคมี หรือสารพิษบางอย่าง เช่น ควันบุหรี่
        4.การใช้เสียงมากเกินไป เช่น คนที่ร้องเพลง หรือตะโกนดังๆหรือใช้เสียงติดต่อกันเป็นเวลานาน
        5.การเกิดกรดไหลย้อนในกระเพาะอาหาร
    - - Laryngoepiglottitis พบในเด็กเล็ก เกิดจากเชื้อ Hemophilus
        influenza
        
        เยื่อบุ Epiglottis และ vocal cord อาจบวมมาก จนหายใจไม่ออก
        
        Croup หรือ Laryngotracheobronchitis มักพบในเด็ก เกิดจากเชื้อไวรัส การอักเสบ ทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบ เวลาหายใจมีเสียงดัง เรียก Stridor
        
        หายใจเสียงดังครุ๊ป ขณะหายใจเข้าเกิดจาก upper airway obstruction
- - - - เป็นภาวะถุงลมแฟบโดยไม่เคยขยายตัวเลยหรือเคยขยายตัวแล้วกลับมาแฟบภายหลัง
      - ถ้าเกิดขึ้นกับเนื้อปอดปริมาณมากจะทำให้ขาดออกซิเจน
      - ทำให้การตดเชื้อได้ง่ายเนื่องจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ เช่น เสมหะ สิ่งแปลกปลอม
    - - ภาวะที่มีการคั่งของสารน้ำในถุงลมของเนื้อปอดทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซได้ตามปกติ เกิดภาวะการหายใจล้มเหลว
      - สาเหตุ
        
        เกิดจากหัวใจซีกซ้ายล้มเหลว ทำให้ไม่สามารถบีบไล่เลือดออกจากระบบไหลเวียนในปอดได้ทีน
        
        เกิดการบาดเจ็บต่อเนื้อปอดหรือระบบหลอดเลือของปอด
    - - เป็นโรคที่เนื้อปอดค่อยๆเสื่อมสมรรถภาพจากการได้รับควันบุหรี่
        สารไนโตรเจนไดออกไซด์ในควันบุหรี่จะทำลายเนื้อเยื่อในปอดและในถุงลมให้ฉีกขาดทีละน้อยและรวมตัวกลายเป็นถุงลมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น จนเกิดเป็นโรคถุงลมโป่งพอง ทำให้พื้นผิวเนื้อเยื่อที่รับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายมีขนาดเล็กลง จึงต้องหายใจเร็วขึ้น เพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายเพียงพอ
    - - เกิดจากการติดเชื้อเรื้อรัง ถูมิแพ้ ฝุ่นละอองและการสูบบุหรี่เป็นเวลานาน เยื่อบุหลอดลมจะหนา มีmucos secreting gland จำนวนมากขึ้น
      - มีการหลั่งเมือก (เสมหะ) ออกมามากกว่าปกติ เป็นเหตุให้หลอดลมมีลักษณะตีบแคบลง ทำให้ลมหายใจเข้าออกได้ยากลำบากขึ้น
      - วินิจฉัยผู้ป่วยว่าเป็ฯหลอดลมอักเสบเรื้อรังต่อเมื่อผู้ป่วยมีอาการไอมีเสมหะติดต่อกันทุกวันนานกว่า 6เดือนขึ้นไป หรือเป็นอยู่อย่างน้อยปีละ 3 เดือน ติดต่อกัน 2 ปีขึ้นไป
    - - สาเหตุ
        
        1.Extrinsic asthma
        
        เกิดจากการแพ้สารภายนอก เช่นฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ อาหารต่างๆ
        
        antigenจะกระตุ้นให้มีการสร้าง IgEมาเกาะติดที่Mast cellเมื่อ Maet cell แตกออก จะหลั่งสารเคมีออกมา ทำให้หลอดลมบวม หดเกร็ง และมีสารคัดหลั่ง
        
        2.Intrinsic asthma
        
        เกิดจากองค์ประกอบที่เป็นสาเหตุอยู่ภายในร่างกาย ปริมาณ IgE ไม่สูง
        
        มักเกิดจากการตดเชื้อของทางเดินหายใจ หรือสาเหตุอื่นๆ เช่น การออกกำลังกาย สารสูบบุหรี่ อากาศเย็น อากาศเป็นพิษ และการมีออกซิเจนในกระแสเลือดน้อย
      - หลอดเลือดจะมีการตีบลงเนื่องจาก
        
        1.มีการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบทางหลอดลมในระยะแรกการหดตัวจะเกิดในส่วนของหลอดลมใหญ่ก่อน ถ้าเป็นนานๆและรุนแรงจะมีการหดตัวในส่วนของ หลอดลมเล็ก และ bronchiole
        
        2.เยื่อบุหลอดลมจะหนาขึ้นกว่าปกติ เนื่องจากมี inflammatory cell ส่วนใหญ่เป็น Eosinophil และ Neutrophil นอกจากนี้ยังพบว่า มีจะนวนของ mucous glandและ globlet cell เพิ่มขึ้น
        
        มีเสมหะเป็นมูกเหนียว และมี Eosinophil จำนวนเสมหะเหล่านี้จะจับติดอยู่ตามผนังหลอดลมหรืออุดอยู่ในแขนงหลอดลมเล็ก
    - - สาเหตุ
        
        1.มักเกิดจากการติดเชื้อของปอด
        
        2.การอุดกั้นของหลอดลม
      - อาการ
        
        มีไอเรื้อรัง เสมหะเป็นหนองจำนวนมากมีกลิ่นเหม็น ถ้าตั้งทิ้งไว้ จะแยกออกเป็น 3 ชั้น ชั้นล่างสุดเป็นชั้นหนองข้น ชั้นกลางเป็นของเหลวใส และชั้นบนสุดเป็นฟอง
        
        มักจะได้ยินเสียง cerpitation และเสียง rhonchi อาจพบนิ้วปุ้ม
        
        ภาวะนิ้วปุ้ม
        
        เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเจริญเติบโตและสร้างเนื้อเยื่อเล็บจากการที่ในร่งกายมีสารที่ชื่อว่า Vascular Endothelial Growth Factor (VEGF)เพิ่มมากกว่าปกติ
        
        ทำให้หลอดเลือดฝอยส่วนปลายของร่างกาย เกิดการขยายตัวและเพิ่มจพนวน เมื่อเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ในการสร้างเล็บ ข้อและกระดูกบริเวณนั้นมีเลือดมากขึ้น ก็จะมีการขยายตัวมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้ปลายนิ้วนั้นพองขยายออกดูเหมือนกระบอง
    - - Lobar pneumonia เป็นปอดบวมที่ปอดกลีบใดกลีบหนึ่ง มักเกิดจากเชื้อ Pneumococci
        
        Bronchopneumonia เป็นรอบๆ หลอดลมส่วนปลายและกระจัดกระจายไปมากกว่ากลีบใดกลีบหนึ่งของปอด
      - สาเหตุ
        
        1.เชื้อไวรัส.
        พบมากกว่ร้อยละ 42 เชื้อที่ทำให้เกิดโรค ได้แก่ เรสไปราทอรี ซินไซเทียไวรัส พาราอนฟลูเอนซาไวรัส อินฟลูเอนซา และอะดีโนไวรัส
        
        2.เชื้อแบคทีเรีย
        พบร้อยละ 60 ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อ Streptococcus pneumoniae และเชื้อ enteric bacilli
        
        3.ปอดบวมจากการสำลัก
        เกิดจากการสำลักอาหารหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในปอด จนทำให้เกิดอาการปอดบวมอย่างรุนแรง
        
        4.ปอดบวมจากสาเหตุอื่น เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยรังสีจนทำให้เกิดอาการปอดบวมากรังสีและปอดบวมจากสารพิษและสารเคมี
    - - Primary Pulmonary Tuberculosis
        
        เกิดขึ้นในรายที่รับเชื้อวัณโรคในครั้งแรก ตำแหน่งที่เชื้อเข้าสู่ทำให้เกิดรอยโรคครั้งแรกมักจะพบที่ขั้วปอดที่อากาศถ่ายเทได้มากที่สุด
        
        เมื่อเชื้อเข้าไปจะถูกจับกินโดย alveolar macrophare แต่ถ้าเชื้อไม่ตายและเพ่มจำนวนมากขึ้นอาจกระตุ้นให้มีการอักเสบเฉียบพลัน
        จะมี macrophage เข้าทำปฎิกิริยารวมเกิดเป็น Tubercle เรียกรอยโรคที่เกิดขึ้นว่า Primary focus หรือ Ghon focus มักมีขนาดเล็กกว่า 1 ซ.ม.
      - Post Primary Pulmonary Tuberculisis
        
        เกิดโรคหลังจากได้รับเชื้อมาก่อนส่วนใหญ่จะเกิดจากเชื้อที่สงบอยู่ในอวัยวะต่างๆ จากการแพร่กระจายครั้งแรก
        
        รอยโรคที่เนื้อปอดมักเป็นที่บริเวณ Apex หรือ subapical ของปอดกลีบบนเนื่องจากบริเวณนี้มีความดันออกซิเจนสูง
        
        ลักษณะของรอยโรคเป็น tubercle และ caseation
- - - - เกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย ต่อมามีเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ส่วนใหญ่ได้แก่ Beta Streptococcus A เยื่อบุ pharynx จะอักเสบมากขึ้นและถูกคลุ่มด้วย exudate
    - - ไม่มีน้ำมูก ไอ หรือน้ำตาไหล
      - มีไข้สูง เจ็บคอ รั้นเนื้อครั่นตัว
      - ตรวจพบคอแดง ต่อมทอนซิลจะมีหนอง ลิ้นไก่บวม ต่อมน้ำเหลืองโต