Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ, นางสาวรัตน์ศิการ์ ยิ้มใหญ่ เลขที่…

- - - - ใต้ซี่โครง(subcostal retraction)
- - - - อาจเกิดจากเสมหะอุดตันเยื่อบุทางเดินหายใจบวม
- - - - สีของปัสสาวะ
        
        ขาดน้ำปัสสาวะจะเข้ม
        
        ขาดน้ำจะมีอาการปากแห้ง
- - - - H.influenzae
      - S.pneumoniae
      - gr.A Streptococus
- - - - สาเหตุเกิดจากCoxsackie Virus เรียกว่า Herpangina
  - - - ป้องกันไขรูห์มาติคและหัวใจรูห์มาติคกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน AGN
  - - - ระยะแรกหลังผ่าตัด
        
        ชีพจร 120 ครั้ง/นาที
        
        เด็กเงียบซีด มีการกลืนติดต่อกันเป็นข้อบ่งชี้ว่ามีเลือดออก
        
        เกิดภายใน 6-8 ชั่วโมง
    - - มีฝาขาวอยู่ในช่องคอ จะหายเองภายใน 7-14 วัน
        
        อาจมีอาการเจ็บคอ กลืนอาหารหรือน้ำลายลำบากจากการผ่าตัด น้ำหนักลด
    - - ควรนอนศีรษะสูง โดยใช้หมอนหนุน อมและประคบน้ำแข็งบ่อยๆ
        
        ช่วงสัปดาห์แรก ลดอาการบวม
    - - หลังผ่าตัด 24-48 ชั่วโมงแรก
      - การประคบหรืออมน้ำแข็ง ควรทำสลับกันทุก 10 นาทีแล้วเอาออก
    - - ไม่ควรรับประทานอาหารที่แข็งหรือร้อน เผ็ดหรือรสจัดเกินไป อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
      - อาหารที่ควรรับประทาน อาหารเหลว อาหารอ่อนที่เย็นหรือไอศกรีม
      - ควรกลั้วคอ ทำความสะอาดบ่อยๆ แปรงฟันหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง
      - หลังผ่าตัด 2-4สัปดาห์ แผลจะหายปกติ
- - - - ทำให้ความดันโพรงอากาศเป็นลบ เมื่อจาม สูดหรือสั่งน้ำมูก ทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าในโพรงจมูกได้ง่าย
        
        การติดเชื้อทำให้การทำงานของcilia ผิดปกติ มีสารคัดหลั่งออกมามาก หนืดมากขึ้น
  - - - ระยะของโรคไม่เกิน 12 สัปดาห์
    - - อาจจะต่อเนื่องเกิน12 สัปดาห์
  - - - มีน้ำมูกใสหรือเขียวข้นเป็นหนอง ไอ ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
  - - - เพราะถ้าทำในเด็กที่มีอายุน้อย ไซนัสบางแห่งยังไม่เจริญเต็มที่ ทำให้การแปลผลผิดพลาด
  - - - เพื่อลดอาการจาม น้ำมูกไหล และเยื่อบุจมูกบาน
      - ไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ป่วยเฉียบพลันเพราะจะทำให้จมูกและไซนัสแห้ง
    - - เพื่อป้องกันการลุกลามของเชื้อโรคจากจมูกและไซนัสไปสู่ปอด
      - เพื่อลดจำนวนเชื้อโรค เพิ่มความชุ่มชื้น บรรเทาอาการคัดแน่น หายใจโล่งบรรเทาอาการระคายเคือง
      - ล้างจมูกก่อนพ่นยาจะเพิ่มประสิทธิภาพดีขึ้น
      - ล้างจมูกวันละ 2-3 ครั้ง
      - ล้างด้วยน้ำเกลือ 0.9% NSS ลดความเหนียวของน้ำมูก เชื้อโรคไม่เจริญเติบโต
- - - - เกิดพยาธิ 3 อย่าง
        
        1.ทำให้หลอดลมหดเกร็งตัว(Brochospasm)
        
        ทำให้หลอดลมตีบแคบลง (Stenosis)เยื่อบุภายในหลอดลมบวมขึ้น
        
        สร้างเมือกเหนียวจำนวนมาก (Hypersecretion)ทำให้ช่องทางเดินอากาศในหลอดลมแคบลง
        
        เมื่อพยาธิสภาพที่ 3อย่างเกิดขึ้น
        
        มีอาการหอบเหนื่อย
        
        การดูแล
        
        รับยาขยายหลอดลม
        
        ได้รับออกซิเจน
        
        ให้พักเพื่อลด activity
        
        ได้รับบาลดการบวมDexa ซึ่งเป็นยา Steroid
        
        ในรายที่มีเสมหะ จะไม่ใช่วิธีเคาะปอด ที่กำลังหอบ
        
        เพราะจะทำให้หลอดลมเกิดการหดเกร็งมากขึ้น
  - - - เมื่อร่างกายขาดออกซิเจนมาก เกิดการหอบมาก ปากซีดเขียว ใจสั่น
        
        การหดเกร็งตัวของหลอดลมเกิดขึ้นไม่มากนัก ผู้ป่วยจะมีอาการไม่มาก แต่เป็นอยู่เรื่อยๆ
    - - หลังจากไอเอาเสมหะเหนียวออกมา
  - - - เริ่มไอ และมีเสียงวี้ด แต่ยังซนได้ตามปกติ
    - - วิ่งเล่นซนไม่ค่อยได้ ขณะเล่นมักไอ มีเสียงWheezing
    - - กระสับกระส่ายจนนอนไม่หลับ เล่นซนไม่ได้ เหนื่อยหอบจนพูดหรือกินอาหารไม่ได้ ริมฝีปากเริ่มเขียว
  - - - ชนิดพ่นและชนิดรับประทาน
        
        ยาชนิดพ่นได้ผลเร็ว ช่วยให้หายใจโล่งขึ้น
        
        เพราะไปขยายกล้ามเนื้อเล็กๆ ภายในหลอดลมที่หดเกร็ง จะใช้ปรากฎอาการหอบ
        
        ่ventolin
    - - ต้องดูแลให้บ้วนปากหลังพ่นยาทุกครั้งเพื่อป้องกันเชื้อราในปาก
    - - ่Dexa , Hydrocortisone
        
        ต้องให้ภายใต้แผนการรักษาของแพทย์เท่านั้น
  - - - อันตรายต่อปอดและเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืด
    - - มักอยู่บนที่นอน หมอน พรม ควรนำไปผึ่งแดดบ่อยๆ
      - ไม่ควรมีตุ๊กตามนห้องนอน พรม ควรเช็ดฝุ่นทุกวัน
      - ควรซักสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
      - ไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงเข้าห้องน้ำ
    - - ถ้าควบคุมหอบหืดได้ดีจะไม่มีปัญหาในการออกกำลังกาย
    - - เด็กบางคนกระทบอากาศเย็นมักจะไอ หรือหายใจมีเสียงี Wheezing เพราะอากาศเย็นจะมีผลต่อCilia
  - - - ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดถู
        
        เพราะจะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตที่ผนังของSpacerเวลาพ่นยา ยาจะไปเกาะกับผนังของSpacerส่งผลให้ยาเข้าผู้ป่วยน้อยลง
    - - เพื่อให้การพ่นครั้งต่อไปยาจะเข้าผู้ป่วย
- - - - Atelectasis
      - ทำให้เกิดอาการอักเสบ บวมและมีการคั่งของเสมหะ เกิดการอุดกั้นของหลอดลมฝอย
- - - - อัตราการหายใจที่มากกว่า 60 ครั้งต่อนาที
    - - อัตราการหายใจที่มากกว่า 50 ครั้งต่อนาที
    - - อัตราการหายใจที่มากกว่า 40 ครั้งต่อนาที
  - - - ช่วยทำให้เสมหะที่อยู่ส่วนปลายถูกกระตุ้นให้เลื่อนขึ้นมาปลายของสายดูดเสมหะ
      - จัดท่านอนศีรษะสูงหรือนอนทับข้างที่มีพยาธิสภาพ เพื่อให้เปิดข้างที่ดีขยายตัวได้เต็มที่
  - - - อาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก จัดส่วนที่ต้องระบายอยู่เหนือหลอดลม ปาก
      - เสมหะไหลออกจากหลอดลมเล็กสู่หลอดลมใหญ่ โดยกระตุ้นให้ผู้ป่วยไอ suction ออกมา
      - อยู่ส่วนหน้า Anterior นอนหงาย
      - อยุส่วนหลัง Posterior นอนคว่ำ
      - อยุ่ซ้ายให้นอนตะแคงขวา อยู่ขวาตะแครงซ้าย
      - อยู่ส่วนบนนอนหัวสูง อยู่ส่วนล่างนอนหัวต่ำ
    - - ใช้อุ้งมือ
      - ลักษณะคุ้ม cupped hand
      - เคาะบริเวณผ้ารองบนส่วนที่จะเคาะ
      - ถ้าผู้ป่วยไอ ควรหยุดเคาะ ใช้การสั่นสะเทือนแทน
      - ควรรับประทานอาหารก่อนเคาะอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
        
        เพื่อป้องกันการสำลักหรืออาเจียน
    - - ใช้มือวางราบ หดเกร็งกล้ามเนื้อต้นแขน หัวไหล่
      - การทำมือเป็นรูปถ้วย ตวัดข้อมือ เพื่อเคาะ
    - - โดยให้ผู้ป่วยหายใจเข้าเต็มที่ช้าๆ กลั้นไว้สักครู่ และไอออกมาโดยเร็วและแรง
- - - - ใช้เวลา 10 นาที
  - - - ในช่วงระยะสั้นๆ เปิดออกซิเจนflow rate 5-10 lit/min
        
        ไม่ควรน้อยกว่า5 lit/min
        
        เพื่อป้องกันการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ใน mask
  - - - เพื่อป้องกันการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์
    - - เพื่อป้องกันการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์