Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ, นางสาวจิราวรรณ บุญเต็ม เลขที่23…
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ
อัตราการหายใจของเด็กในแต่ละวัย
ต่ำกว่า 2 เดือน ไม่เกิน 60 ครั้ง/นาที
2-12 เดือน ไม่เกิน 50 ครั้ง/นาที
1-5 ปี ไม่เกิน 40 ครั้ง/นาที
ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดแดงมากกว่า 95-100 %
ศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ
หายใจช้ากว่าปกติ (bradypnea) หายใจลำบาก (dypnea)
อัตราการหายใจเร็วกว่าปกติ (tachypnea)
ลักษณะการหายใจ หายใจมีเสียงดังคล้ายเสียงคราง(stridor)
การหายใจมีปีกจมูกบาน (nasal flaring)
เป็นลกัษณะของการ หายใจลำบากขณะหายใจเข้ามีการบานออกของปีกจมูกทั้งสองข้าง
เพื่อช่วยขยายท่อทางเดินหายใจให้อากาศที่หายใจเข้าเพียงพอต่อความ ต้องการของร่างกาย
ขณะหายใจเข้ามีการยุบลง (retraction)
เสียงหายใจผดิปกติ
stridor sound
เกิดจากมีการตีบแคบของบริเวณกล่องเสียงหรือ หลอดลม ไดย้นิตอนหายใจเขา้และออก
ระดับเสียงสูง (high pitch) และมีลักษณะคล้ายเสียงคราง เป็นเสียงที่ได้ยินติดต่อกันและอาจได้ยิน โดยไม่ต้องใช้หูฟัง
พบได้บ่อยในกลุ่มอาการของเด็กที่เป็น croup
crepitation sound
เป็นเสียงแตกกระจายเป็นช่วงๆ
เกิดจากการที่ลมผ่านท่อทางเดินหายใจที่มีน้ำหรือเสมหะ
พบไดใ้นภาวะปอดอกัเสบ (pneumonia)
rhonchi sound
เป็นเสียงที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีการ ไหลวนของอากาศผ่านเข้าไปในส่วนของทางเดินหายใจที่ ตีบแคบกว่าปกติ
การตีบแคบอาจเกิดจากเสมหะอุดตัน เยอื่บุทางเดินหายใจบวม
หลอดลมบีบเกร็งจากภาวะภูมิแพ้
wheezing
เป็นเสียงที่มีความถี่สูงหรือเสียงหวดี
ไดย้นิชดั ในช่วงหายใจออกเกิดจากหลอดลมเล็ก ๆ หรือ หลอดลมฝอย เกิดการบีบเกร็ง
พบในผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด (bronchial asthma)
เสียงหายใจที่ผิดปกติเหล่านี้ เป็นเครื่องแสดงว่า ผู้ป่วยได้รับ ออกซิเจนไม่เพียงพอ
กลไกการสร้างเสมหะ
กระบวนการสร้างสารมูก Mucous
การพัดโบกของขนกวัด Cilia
กลไกการไอ Cough Reflex
เมื่อมีการติดเชื้อ
ต่อมสร้างสารคัดหลั่ง(mucus gland)
จะสร้าง mucous เพิ่มมากขึ้น ทำให้เสมหะมากขึ้น
มีการทำลายเซลลเ์ยอ่ืบุหลอดลมและทำลาย Cilia เพิ่มมากขึ้น
จำนวน Cilia ก็จะลดน้อยลง
ผลที่ตามมาจากการที่ cilia ลดลง คือ เสมหะมีปริมาณมากและ เหนียวข้นจะไม่ถูกพัดพาออกจากทางเดินหายใจ
ทำให้เกิดการคั่งค้างของเสมหะในหลอดลมเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังพบว่าอากาศเย็น การพัดโพกของ cilia จะไม่มี ประสิทธิภาพ
ลักษณะของเสมหะ
เสมหะเหนียว
เสมหะเป็นมูกคล้ายแป้งเปียก อยู่ติดรวมกันเป็นก้อน
มีความยืดและความหนืดมาก ทำให้ผู้ป่วยไอขับ ออกมาไดย้ากผปู้่วยมีเสมหะเหนียว
เสมหะไม่เหนียว
เสมหะมีลักษณะเป็นเมือกเหลว
มีความยืดและความหนืดน้อยไม่รวมตัวกันเป็นก้อน
ผู้ป่วยไอขับออกมาได้ง่าย
Croup
เป็นกลุ่มอาการอุดกลั้นทางเดินหายใจส่วนบนบริเวณกล่องเสียง (larynx)และส่วนที่อยู่ใต้ลงมา
สาเหตุเนื่องมาจากมีการอักเสบที่บริเวณ
ฝาปิดกล่องเสียง(acute epiglottitis)
กล่องเสียง (acute laryngitis)
กล่องเสียง หลอดลมใหญ่ และหลอดลมฝอยในปอด (Laryngotracheobronchitis)
อาการ
inspiratory stridor หายใจเข้ามีเสียงฮืด
ไอเสียงก้อง Barking cough
ไข้เจ็บคอ หายใจลำบาก Dyspnea
อาการน้ำลายไหล (drooling)
อาการจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไม่ตอบสนองต่อการพ่นยาทั่วไป
ส่วนใหญ่จะพ่น Adrenaline ต้องใส่ Endotracheal tube
สาเหตุ Croup เกิดจากการติดเชื้อ
virus
Bacteri
H.influenzae
S.pneumoniae
Tonsilitis / Pharyngitis
สาเหตุ การติดเชื้อ แบคที่เรีย ไวรัส
Beta Hemolytic
streptococcus gr. A
อาการ
ไข้ ปวดศีรษะ ไอ เจ็บคอ
ในรายที่มีตุ่มใสหรือแผลตื้นที่ คอหอย หรือเพดานปาก สาเหตุจะเกิดจาก Coxsackie Virus เรียกว่า Herpangina
การผ่าตัดต่อมทอนซิล (tonsillectomy)
จะทำเมื่อมีข้อบ่งชี้ในเรื่อง ของการติดเชื้อเรื้อรัง (chronic tonsillitis)
เป็นๆหายๆ (recurrent acute tonsillitis)
มีไข้, เจ็บคอ, เจ็บคอมากเวลากลืนหรือกลืนลำบากอย่างเรื้อรัง
มีการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้เกิดอาการนอนกรน (snoring)
มีภาวะหยดุหายใจขณะหลับ (obstructive sleep apnea)
สงสัยว่าเป็นมะเร็งของต่อมทอนซิล (carcinoma of tonsils)
การดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัด Tonsillectomy
หลังผ่าตัดควรให้เด็กนอนตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อสะดวกต่อการ ระบายเสมหะ
สังเกตอาการและการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะระยะแรกหลังผ่าตัด
เมื่อเด็กรู้ตัวดี จัดให้เด็กอยู่ในท่านั่ง 1-2 ชั่วโมง
ไซนัสอักเสบ(Sinusitis)
เป็นอาการอักเสบของโพรงอากาศข้างจมูก
สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
เมื่อเกิดการติดเชื้อจะทำให้เกิดการบวมของเยื้อบุในโพรงอากาศ
ส่งผลทำให้เกิดภาวะอุดตันช่องระบายของโพรงอากาศข้างจมูก (osteomeatal complex)ทำให้เกิดการคั่งของสารคัดหลั่ง
ส่งผลทำให้ความดันโพรงอากาศเป็นลบ เมื่อมีอาการจาม สูดหรือสั่ง น้ำมูกจะทำให้เชื้อแบคทีเรียที่บริเวณ nasopharynx
ระยะของโรค
Acute sinusitis ระยะของโรคไม่เกิน 12 สัปดาห์
Chronic sinusitis อาการจะต่อเนื่องเกิน 12 สัปดาห์
อาการ มีไข้สูงมากกว่า 39 ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว มีน้ำมูกไหล ไอ ในรายที่ติดเชื้อแบคทีเรีย อาการมักจะนานมากกว่า 10 วัน
การวินิจฉัย X-ray paranasal sinus ควรทำในเด็กที่อายุเกิน 6 ปี
CT scan ได้ผลดีกว่าวิธีอื่น
การดูแลรักษา ไซนสัอกัเสบ sinusitis
ให้ยา antibiotic ตามแผนการรักษา
ให้ยาแก้ปวด ลดไข้ เพื่อลดไข้ และบรรเทาอาการปวดศีรษะ
ให้ยาแก้แพ้ ให้ใช้เฉพาะในรายที่ไซนัสอักเสบเรื้อรังที่มีสาเหตุชัก นำมาจากโรคเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เท่านั้น
เพื่อลดอาการจาม น้ำมูกไหล และเยื่อบุจมูกบวม
ให้ยาSteroid เพื่อลดอาการบวม ลดการคั่งของเลือดที่จมูก
การล้างจมูก
ล้างจมูกวันละ 2-3 ครั้ง ปวด
ล้างด้วยน้ำเกลือความเข้มข้น 0.9% NSS
หลักการให้คำแนะนำในการดูแลเด็ก
การดูแลเด็กที่มีปัญหาพร่องออกซิเจน หลักสำคัญคือต้องแก้ไขเส้นทาง ผ่านของออกซิเจน
ถ้าบวมก็ให้ยาลดบวม ถ้าอักเสบติดเชื้อก็ให้ยา ATB ถ้าตีบก็ให้ยา ขยาย ถ้ามีเสมหะ ก็เอาเสมหะออก
การให้ออกซิเจนก็เลือกตามความเหมาะสมกับเด็ก ตามแผนการรักษา ของแพทย์ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
Oxygen hood/Box
มีลักษณะเป็นกล่องพลาสติก วางครอบศีรษะเด็ก
เหมาะกับทารกแรก เกิดและเด็กเล็ก
ความเข้มข้นของออกซีเจนประมาณ 30%-70%
ถา้เป็นของทารกที่ใช ้Hood เล็ก การเปิดออกซิเจนไม่จ าเป็นต้องมาก สามารถเปิด 3-5 lit/min
Nasal cannula
ให้ออกซิเจนที่ต้องการความเข้มข้นไม่สูงมาก
ในเด็กเล็กจะปรับอัตรา การไหลไม่เกิน 2 lit/mim ส่วนในเด็กโตจะปรับที่ 2 lit/mim
ข้อดีของออกซิเจนแบบนี้คือ ประหยัด ยึดติดกับผู้ป่วยง่าย
แต่มีข้อจำกัดในผู้ป่วยที่มีน้ำมูกมาก เยื่อบุจมูกบวม หรือผนังจมูกเอียง
face mask
เป็นออกซิเจนแบบหนา้กากครอบบริเวณจมูกและปาก
มี สายรัดศีรษะเพื่อให้หน้ากากยึดและแนบสนิทกับใบหน้า
เหมาะกับผู้ป่วยที่ต้องการออกซิเจนในระดับปานกลาง
ความเข้มข้นของ ออกซิเจนประมาณ 35%-50%
เปิดออกซิเจน flow rate 5-10 lit/min ไม่ควรให้น้อยกว่า 5 lit/min
ข้อปฏิบัตใินการพ่นยาแบบละออง Neubulizer
ไม่ควรให้เด็กร้อง เพราะปริมาณยาจะเข้าสู่ปอดน้อยลง
ใช้มือประคองกระเปาะพ่นยาไว้ เพื่อให้อุณหภูมิคงที่ ทำให้ขนาด particle สม่ำเสมอ
เคาะกระเปาะพ่นยาเป็นระยะๆเพื่อไม่ให้ยาตกค้างในกระเปาะมาก เกินไป พ่นจนกว่ายาจะหมด ใช้เวลา 10 นาที
ถ้าไม่เห็นละอองยา หรือละอองยาออกไม่หนาแน่นเท่าที่ควร จะต้องสำรวจเครื่องพ่นยาทำงานหรือไม่
ออกซิเจนเปิด 6 – 8 ลติรต่อนาที หรือไม่
ประโยชน์ที่ผู้ป่วยได้รับ
ทำให้เสมหะที่เหนียวอ่อนตัวลง
ง่ายต่อการระบายออกจากปอด
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการไอขับเสมหะได้ง่ายขึ้น
ให้ความชุ่มชื้นแก่อากาศหรือก๊าซที่หายใจเข้า
เป็นหนทางในการบริหารยาทางระบบหายใจ
หอบหืด Asthma
เป็นภาวะที่มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม (Chronic airway inflammation
การมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นทำให้เกิดพยาธิสภาพ
ทำ ให้หลอดลมหดเกร็งตัว(Brochospasm)
ทำให้หลอดลมตีบแคบลง (Stenosis) เยอื่บุภายในหลอดลม บวม ขึ้น
สร้างเมือกเหนียวจำนวนมาก (Hypersecretion) ทำให้ช่องทางเดินอากาศในหลอดลมแคบลง ทำให้เกิดอาการหอบหืดขึ้น
เมื่อพยาธิสภาพที่ 3 อย่างเกิดขึ้น ผู้ป่วยจึงมีอาการหายใจเหนื่อยหอบ
การดูแลจึงตอ้งใหผ้ปู้่วยได้ร้บยาขยายหลอดลม ได้รับออกซิเจนให้พักเพื่อลด activity
ได้ยาลดอาการบวม เช่น Dexa ซึ่งเป็นยา Steroid
ในรายที่มีเสมหะ จะไม่ใช้วิธีการเคาะปอดในเด็กที่เป็น Asthma ที่กำลังหอบเพราะจะทำให้หลอดลมเกิดการหดเกร็งมากขึ้น
อาการโรคหอบหืด Asthma
มักเริ่มต้นด้วยอาการ หวัด ไอ มีเสมหะ
ถ้าไอมากขึ้นเรื่อยๆ ก็มักจะมี เสียง Wheezing
บางครั้งการเกร็งตัวของหลอดลมเกิดขึ้นไม่มากนัก ผู้ป่วยจะมีอาการไม่ มาก แต่ก็เป็นอยู่เรื่อยๆ
ผู้ป่วยเด็กบางคนจะมีอาการไออย่างเดียว
ความรุนแรงของหอบหืด
ขั้นเล็กน้อย
เริ่มไอ และ/หรือ มีเสียงวี้ด
ยังเล่นซนได้ตามปกติ และทานอาหารได้ตามปกติ
ขั้นปานกลาง
ตื่นกลางคืนบ่อยๆ วิ่งเล่นซนไม่ค่อยได้
ขณะเล่นมักไอหรือมีเสียง Wheezing ไปด้วย
ขั้นรุนแรง
กระสับกระส่ายจนนอนไม่ได้ เล่นซนไม่ได้
หนื่อย หอบจนพูดหรือกินอาหารไม่ได้
รอบริมฝีปากเป็นสีเขียว กรณีอย่างนี้ต้องส่งโรงพยาบาล
การรักษาหอบหืด
การลดอาการของเด็ก ให้เด็กมี กิจกรรมได้ตามปกติ
พยายามหลีกเลี่ยงจากสิ่งกระตุ้นและ การใช้ยาอย่างถูกต้อง
ยาขยายหลอดลม
มีทั้งชนิดพ่น และ ชนิดรับประทาน
ยาลดการบวม
การอักเสบของหลอดลม (Steroid ) ควร ใช้ เพียงระยะสั้นๆ คือ 3 - 5 วัน
เพื่อการรักษา และป้องกันไม่ให้ โรครุนแรงขึ้น
สิ่งที่ควรหลกีเลยี่งได้แก่
ควันบุหรี
ตัวไรฝุ่น
ไม่ควรมีตุ๊กตาที่มีขนในห้องนอน
หมอน ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
การออกกำลังกาย
อากาศเย็นเด็กบางคนกระทบอากาศเย็น มักจะไอ
การใช้ baby haler
Baby haler ต้องล้างทำความสะอาดบ่อยๆ แต่ไม่จำเป็นต้องทุกครั้ง หลังใช้
หลังล้างทำความสะอาด ต้องสอนผู้ป่วย
ให้พ่นยาทิ้ง 1 ครั้ง เพื่อให้ยาจับผนัง
หลอดลมอักเสบ( Bronchitis) หลอดลมฝอยอักเสบ(Bronchiolitis)
เป็นปัญหาติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างที่พบบ่อยในเดก็เล้ก
เกิดขึ้นเนื่องจากมีการอักเสบและอุดกลั้นของหลอดลม
เชื้อที่เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด Respiratory syncytial virus : RSV
เด็กที่ไม่กินนมแม่จะพบได้ค่อนข้างสูงกว่าเด็กทั่วไป
พบในเด็กเล็กมากกว่าเด็กโต อายุประมาณ 6 เดือนเป็นช่วงอายุที่พบบ่อยที่สุด
อาการ เริ่มจาก ไข้หวัดเพียงเล็กน้อย มี น้ำมูกใส จาม เบื่ออาหาร
ต่อมาเริ่มไอเป็น ชุดๆ ร้องกวนหายใจเร็ว หอบ หายใจมีปีกจมูกบาน ดูดนมหรือน้ำได้น้อยหรือไม่ได้เลย
การรักษา ตามอาการ ให้ยาลดไข้ ยาปฏิชีวนะ ยาตา้นการอักเสบ (Corticosteroid ) ยาขยายหลอดลม
การดูแลให้เด็กได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ได้รับน้ำ ดูแลไข้
ดูแลปัญหาการติดเชื้อ ดูแลเสริมสร้างภูมิต้านทานให้อาหารที่มี ประโยชน์
ปอดบวม Pneumonia
สาเหตุ สำลักสิ่งแปลกปลอม ติดเชื้อ แบคทีเรีย ไวรัส
อาการ ไข้ ไอ หอบ ดูดน้ำ ดูดนมน้อยลง ซึม
เกณฑ์ที่องคก์ารอนามัยโลกใช้ตัดสิน Pneumonia
เด็กแรกเกิด อัตราการหายใจที่มากกว่า 60 ครั้งต่อนาที
เดก็อายุ2 เดือนถึง 1 ปี อัตราการหายใจที่มากกว่า 50 ครั้งต่อนาที
เดก็อายุ1-5 ปีอัตราการหายใจที่มากกว่า 40 ครั้งต่อนาที
การรักษา
ดูแลให้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ เป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้เสมหะอ่อนตัว ขับออกได้ง่าย ช่วยลดไข้
ดูแลเรื่องไข้ Clear airway suction เพื่อให้การแลกเปลี่ยน ออกซิเจนเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดูแลแก้ไขปัญหาพร่องออกซิเจน ให้ยาขยายหลอดลม ยาขับเสมหะ ยาฆ่าเชื้อ
การพยาบาลผู้ป่วยเด็ก Pneumonia
ปัญหาการอุดกั้นทางเดินหายใจเป็นปัญหาสำคัญจำเป็นต้องดูแลแก้ไข
เด็กโตต้องสอนการไออย่างถูกวิธี กระตุ้นให้ดื่มน้ำมากๆ
การทา Postural drainage จะช่วยท าให้เสมหะที่อยู่ส่วนปลายถูก กระตุ้นให้เลื่อนขึ้นมาถึงปลายสายดูดเสมหะ
จดัใหผู้ป่วยนอนศีรษะสูง หรือนอนทบัขา้งที่มีพยาธิสภาพเพื่อให้ปอด ข้างที่ดีขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอตามแผนการรักษา
การระบายเสมหะ
การจัดท่าผู้ป่วย (Postural drainage)
ป็นวิธีการที่อาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก (gravity) เป็นหลัก
อยู่ส่วนหน้า Anterior ให้จัดท่านอนหงาย
อยู่ส่วนหลัง Posterior ใหจ้ดันอนคว่ำ
อยู่ด้านซ้ายให้จัดท่านอนตะแคงขวา ถ้าอยู่ด้านขวาให้นอนตะแคงซ้าย
อยู่ส่วนบนนอนหัวสูง อยู่ส่วนล่างนอนหัวต่ำ
การเคาะ (Percussion)
ใช้อุ้งมือไม่ควรใช้ฝ่ามือ โดยทำมือให้เป็นลักษณะคุ้ม นิ้วแต่ละนิ้วชิดกัน ที่เรียกว่า cupped hand
ใช้ผ้ารองบนส่วนที่จะเคาะ การเคาะแต่ละท่าควรใช้เวลาประมาณ 1 นาที
ขณะเคาะหากผู้ป่วยไอควรหยุดเคาะ ให้ใช้การสั่นสะเทือนแทน
ควรเคาะก่อนรับประทานอาหาร หรือขณะท้องว่าง หรือหลังรับประทาน อาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
การสั่นสะเทือน (Vibration)
ใช้มือวางราบพร้อมทั้งเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณต้นแขน และหัวไหล่ ใน จังหวะการหายใจเข้าเต็มที่ และกำลังหายใจออก
การสอนการไออย่างมีประสิทธิภาพ (Effective cough)
ฝึกการไอให้มีประสิทธิภาพ โดยให้ผู้ป่วยหายใจเข้าเต็มที่ช้าๆ กลั้นไว้ สักครู่ และไอออกมาโดยเร็วและแรง
นางสาวจิราวรรณ บุญเต็ม เลขที่23 รุ่น36/1 612001024