Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทละครเรื่อง อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง - Coggle Diagram
บทละครเรื่อง อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง
ลักษณะคำประพันธ์
เป็นกลอนบทละคร
แต่ละวรรคจะขึ้นต้นด้วยคำว่า
แต่มีลักษณะบังคับเหมือนกลอนสี่สุภาพ
“เมื่อนั้น บัดนั้น มาจะกล่าวบทไป”
ตัวละครที่สำคัญ
3.ท้าวดาหา
4.นางบุษบา
2.ท้าวกุเรปัน
5.ท้าวกะหมังกุหนิง
1.อิเหนา
6.วิหยาสะกำ
ความสุนทรียของงานประพันธ์
บทประพันธ์ที่สำคัญบทอาขยาน“ชมดง”
เป็นบทนิราศที่มีการเดินทางการพรรณนาถึงนางอันเป็นที่รัก
เน้นการพรรณนาชมนก ทั้งหมด
8 ชนิด และชมพันธ์ไม้ 7 ชนิด
ความเป็นมา
มีเค้าเรื่องมาจากชวาที่เรียกว่า“นิทานปันหยี” ซึ่งไทยรับวรรณคดีเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยอยุธยา
จุดมุ่งหมายในการแต่ง
ละครใน เป็นละครรำ
ใช้ผู้หญิงแสดงล้วน
เพื่อใช้ในการแสดงละครใน
ผู้แต่ง
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (ร.2)
ค่านิยม
2.การทำศึกชิงนาง
3.การมีเมตตาธรรมของกษัตริย์
1.การเลือกคู่ครอง
ความรู้เสริม
กษัตริย์ในวงศ์เทวามีมเหสีได้5องค์ตำแหน่งมเหสี
3.มะโต
4.ลิกู
5.เหมาหราหงี
2.มะเดหวี
1.ประไหมสุหรี
สำนวนไทย “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง”
หมายถึง การต่อว่าผู้อื่นว่าทำในสิ่งผิดแต่ตนเองกลับประพฤติผิดแบบนั้นเสียเอง
นาย ธีรศักดิ์ จี้ฟู
ม.4/7 เลขที่ 10
วิเคราะห์คุณค่างานประพันธ์
คุณค่าด้านเนื้อหา
1.โครงเรื่อง
1.2.ฉาก เรื่องอิเหนาเป็นเรื่องของชวา ซึ่งผู้แต่งได้ดัดแปลงให้สอดคล้องกัขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมไทยอย่างกลมกลืน เช่นพระราชพิธีการพระเมรุที่เมืองหมันหยา พระราชพิธีรับแขกเมือง พระราชพิธีโสกันต์ เป็นต้น
1.3.ปมขัดแย้ง มีหลายข้อขัดแย้งแต่ละปมปัญหาเป็นเรื่องที่อาจเกิดได้ในชีวิตจริงและสมเหตุสมผล เช่น ปมแรก คือ ท้าวกุเรปันจะให้อิเหนาอภิเษกกับบุษบา แต่อิเหนาหลงรัก
จินตะหราไม่ยอมอภิเษกไม่ยอมอภิเษก
1.1.แนวคิดของ
เรื่อง เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงความรักของพ่อที่มีต่อลูก รักและตามใจลูกทุกอย่าง แม้กระทั่งตัวตายก็ยอม
2.กลวิธีในการแต่ง
จินตภาพ กวีใช้คำบรรยายได้ชัดเจนทำให้ผู้อ่านคิดภาพตามได้และได้อรรถรสในการอ่าน
3.ความรู้ความคิด
แสดงให้เห็นความเชื่อ ประเพณีและพิธีกรรมโบราณและการทำศึกสงคราม
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
การเล่นคำพ้องเสียง เบญจ
วรรณ
จับ
วัลย์
ชาลี เหมือน
วัน
พี่ไกลสามสุดามา
การเล่นคำพ้องรูป นาง
นวล
จับนาง
นวล
นอน เหมือนพี่แนบ
นวล
สมรจินตะหรา
สัมผัสอักษร
เอนองค์
ลงพิงเขนย
กรเกยก่าย
พักตร์ถ
วิลหวัง
การใช้คำศัพท์ภาษาชวา ตุนาหงัน หมายถึง หมั้นหมาย
สัมผัสสระ ความกลัวความ
รักสลัก
ทรวง ให้เป็น
ห่วงหลัง
กังวลหน้า
การใช้คำไวพจน์ คือ คำพ้องความหมาย
สัลลาปังคพิสัย เป็นลีลาที่กวีใช้ถ้อยคำหรือแสดงความโศกเศร้า
อุปมา การเปรียบเทียบให้เหมือนโดยใช้คำว่า ดุจ ดั่ง เหมือน ปาน ราวกับ ประหนึ่ง เฉก ฯลฯ
พิโรธวาทัง เป็นลีลากวีที่ใช้ถ้อยคำที่แสดงความโกรธขุ่น
อุปลักษณ์ เป็นโวหารเปรียบเทียบให้เป็นใช้คำว่า “เป็น เท่า คือ”
นารีปราโมทย์ เป็นลีลากวีที่ใช้ถ้อยคำแสดงความรักใคร่เกี้ยวพาราสีกัน
อติพจน์ คือการใช้คำกล่าวเกินจริง
เสาวรจนี เป็นลีลาที่กวีใช้ถ้อยคำชมความงาม เช่น ตอนกวีกล่าวชมความงามการแต่งกายของกะหรัดตะปาตี
คุณค่าด้านสังคม
3.การแต่งตัวตามวันและวันที่เป็นมงคลแก่ผู้สวมใส่
4.เรื่องบุพเพสันนิวาสและเทพอุ้มสม เช่น ตอนที่ท้าวกะหมังกุหนิงส่งราชทูตไปสู่ขอนางบุษบาว่าเป็นเพราะบุพเพสันนิวาสและเทพอุ้มสม
2.เรื่องบุญกรรม เช่น ตอนที่ท้าวกะหมังกุหนิงกล่าวว่าจะยกทัพไปรบที่เมืองดาหา สุดแต่บุญกรรม ไม่ฟังคำทัดทานของโหร
5.พิธีกรรม เช่น พิธีเบิกโขนทวาร พิธีฟันไม้ข่มนาม
1.เรื่องฤกษ์ยาม เช่น โหรทำนายดวงชะตาและดูฤกษ์ยามให้ท้าวกะหมังกุหนิงและวิหยาสะกำ