Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การบําบัดโดยหัตถกาการเย็บแผล, suturing, how-to-suture-a-wound, 1375274688…
การบําบัดโดยหัตถกาการเย็บแผล
หลักการเย็บแผล
เตรียมอุปกรณ์เย็บแผลเลือกขนาดของเข็ม และเส้นไหมให้เหมาะกับแผลที่จะเย็บ
ใส่ถุงมือ sterile
3.ปูผ้าสี่เหลี่ยมปราศจากเชื้อใต้แผล และปูสี่เหลี่ยมเจาะกลางคลุมบริเวณเเผล
4.ตรวจดูแผลอีกครั้ง หากมีเนื้อตายขอบแผลกระรุ่งกระริ่งให้ใช้กรรไกรตัดเนื้อเล็มเศษเนื้อตาย และตัดเล็มขอบแผลให้เรียบ (แผลที่ใบหน้าห้ามตัดเนื้อเยื้อ)
ทําการเย็บแผล
5.1 การจับ Needle holder ควรจับให้อยู่ในอุ้งมือ
5.2 การจับเข็มจับทีประมาณ 13 ก่อนมาทางหัวเข็มหรือโดนเข็ม
5.3 การสนด้าย /ไหมเย็บ สนเข้าที่รูเข็ม (ในกรณีที่ไม่มีไหมติดเข็ม)
5.4 การปักเข็ม ปักลงไปตรงๆให้ตั้งฉากกับผิวหนังและห่างจากปากแผลพอสมควร
5.5 หมุนเข็มให้ปลาเสยขึ้นโดยใช้ข้อมือดันตรงๆเพราะเข็มโค้งอาจหักได้
5.6 ปล่อย needle holder จากโคนเข็ม มาจับที่ปลายที่โผล่พื้น skin ออกมา (ถ้าจับปลายแหลม เข็มจะทื่อและงอได้) แล้วหมุนเข็มตามโค้งของเข็ม จนกระทั่งโดนเข็มหลุดจากผิวหนัง
5.7 ใช้มือที่ไม่ถนัดจับโคนเชือกไว้มืออีกข้างจับด้ายรูดออกไปแล้วใช้ needle holder ผูกเงื่อน
วัตถุประสงค์การเย็บแผล
ห้ามเลือด
ช่วยในการ healing ของแผล
เป้าหมาย
ไม่ติดเชื้อ
ใช้งานได้ตามปกติ
มีแผลเปนน้อยทีสุด คงความสวยงานไว้
อุปกรณ์ในการเย็บแผล
เข็มเย็บแผล (Needle)
เข็ม Cutting มีความคมด้านข้าง เย็บเนื้อเยื่อที่หนา เหนียว
เข็ม round/ taper ใช้เย็บเนื้อเยื่อที่อ่อน
เข็มโค้งมาก เย็บแผลที่แคบ
เข็มโค้งน้อย เย็บแผลที่กว้าง
Needle holder Tooth/ non tooth forceps
ผ้าสีเหลียมเจาะกลาง
กรรไกรตัดไหม
Povidone iodineหรือ Betadine
สําลี, Gauze
NSS, ยาชาเฉพาะที่, Syringe
เข็มเบอร์18 หรือ20 และเบอร์ 24หรือ 25 เพื่อ draw และฉีดยาชา
ไหมเย็บแผล
เย็บเนื้อเยื่อนิยมใช้ไหมละลาย เช่น Dexon,Chromic catgut หรือ Plain catgut
เย็บผิวหนัง นิยมใช้ Silk, Dermalon, Nylon, Ethilon
การพยาบาลหลังเย็บแผล
นัดมาทําแผลในวันรุ่งขึ้น ถ้าแผลแห้งดี รอบแผลไม่บวมแดงอาจนัดวันเว้นวันจนกว่าจะครบตัดไหม ถ้าแผลมี discharge บวม แดง นัดมาทำแผลทุกวัน
รักษาแผลให้สะอาดอยู่สมอโดยเฉพาะใน 24ชมแรก ห้ามแผลเปียกน้ำ
ยกอวัยวะที่มีแผลให้สูงกว่าหัวใจ
ไม่ให้เปลี่ยนผ้าปิดแผลหรือแกะแผลเอง
รับประทานอาหารที่มีโปรตีน แร่ธาตุ และวิตามินสูง
การสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องมารพทันที เช่น มีไข้ ปวดแผลมากกว่าปกติ แผลบวมแดง แสบร้อน มี discharge ซึมมาก
ข้อปฏิบัติหลังเย็บแผล
ตรวจความเรียบร้อยของแผล ดูตําแหน่งที่มีเลือดออกผิดปกติเพื่อป้องกันการเกิด Hematoma ในภายหลัง ตรวจสอบได้โดยใช้สําลีชุบ NSS เช็ดคราบเลือดออกให้หมด แล้วสังเกตดูว่ามีเลือดออกอยู่หรือไม่
ใช้ก๊อซซับแผลให้แห้ง
ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซ
ปิดด้วยพลาสเตอร์ไล่ตามแนวขวางของกล้ามเนื้อ ผู้ปวยเเพ้พลาสเตอร์ใส่ให้เปลี่ยนชนิดพลาสเตอร์
วิธีเย็บแผล
การเย็บแบบธรรมดา (Simple suture หรือ Plain interrupted suture) เย็บแผลทั่วไปที่ไม่ดึงรั้งมาก แผลมีขนาดเล็กไม่เกิน 3 ซมลึกไม่เกิน 0.5ซม
การเย็บแบบสองชั้น (Mattress suture หรือ Mattress interrupted suture)เป็นการเย็บแผลแบบผูกเป็นเปราะ 2 ชั้น ใช้ในบาดแผลที่ต้องการความแข็งแรง ลึก และยาว บาดแผลที่ไม่ต้องการให้ขอบแผลซ้อนกัน เย็บบาดแผลที่มีการดึงรังมากๆ หรือมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา แผลมีขนาดใหญ่ แผลบริเวณผิวหนังมีการม้วนง่าย แผลลึกกว่า0.5 ซม และแผลขาวตังเเต่ 3 ซมขึ้นไป
ข้อห้าม
ห้ามตัดหนังทิ้งในบริเวณใบหน้าและฝาเททิ้งโดยเด็ดขาด
ห้ามเย็บแผลโดยไม่ remove FB ออกก่อน
ห้ามใช้ Xylocaine with adrenaline โดยเด็ดขาด ถ้าใช้ต้องเเพทย์สัง และห้ามเด็ดขาดคือ บริเวณนิ้วมือเท้า ใบหู อวัยวะเพศชาย nipple
ถ้าเย็บศีรษะควรตรวจสอบ hematoma ถ้าพบ pressure จนยุบ ทําหมอนรองศีรษะ
ประเภทของบาดแผลจากอุบัติเหตุ
บาดแผลฟกช้ำ(Contusion wound/Bruise)เป็นการฉีกขาดของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังไม่ชัดเจน มีรอยฟกช้ำมีเส้นเลือดแตก
บาดแผลถลอก(Abrasions) แผลตื้นๆมีเลือดอกจากเส้นเลือดฝอย
บาดแผลตัด(Cut wound) เป็นบาดแผลจากของมีคม มักมีเลือดออกมาก
บาดแผลฉีกขาด(Lacerations wound) เป็นแผลที่เกิดจากของไม่มีคมหรือเฉี่ยว เส้นเลือดมักถูกหนีบ เลือดจึงไม่ออกมากแต่ติดเชื้อได้
บาดแผลทะลุหรือบาดแผลถูกแทง(Punctures or penetrating wound) เกิดจากถูกแทงด้วยของแหลม หรือถูกกระสุนปน มีทางเข้าเล็กแต่ลึก
บาดแผลถูกบีบหรือบด (Crushed wound) มักเกิดจากอุบัติเหตุรุนแรง
บาดแผลถลก(Avulsion wound) เป็นบาดแผลที่มีเนื้อเยื่อขาด หรือทะลุออกจากร่างกาย มีส่วนของผิวหนังแยกจากชั้น Subcutaneous ที่อยู่ข้างล่างชันต่างของ Dermis, subcutaneous, fascia, muscle สามารถแยกจากกันด้วยแรงฉีกเนื้อเยื่อออก
ยาชาเฉพาะที่(Local anesthetics)
Lignocaine hydrochloride หรือ Lidocaine หรือ Xylocaine
ยาชาที่นิยมใช้คือ 0.5%, 1%, 2% และมีชนิดผสม Adrenaline เพือให้ออกฤทธิ์นาน
นิยมใช้เนื่องจากออกฤทธิ์ต่อประสาทส่งความรู้สึกมากกว่าประสาทสั่งการ
Pontocaine hydrochloride
ใช้ในการทําหัตถการที่ลูกตา จมูก ปาก คอ
มีประโยชน์ในการทาบนเยื่อเมือกต่างๆเพื่อให้หมดความรู้สึก
ระงับความรู้สึกดี แต่มีพิษมาก
Procaine Hydrochloride หรือ Novocaine
อาการแพ้ อย่างอ่อน ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ
แพ้มาก ได้แก่ หน้ามืด ตามองไม่เห็น ว้าวุ่น ชักหมดสติ
ราคาถูก ออกฤทธิ์เร็ว มีฤทธิ์นาน 30นาที - 2ชม
การแก้ไขการแพ้ยาชา
1.ดูแลทางเดินหายให้โล่ง + รายงานเเพทย์
2.ให้นอนพักศีรษะสูง ให้ออกซิเจน
วัดสัญญาณชีพ บันทึกอาการเปลี่ยนแปลงใกล้ชิด ถ้าBPต่ำแสดงว่ามีแนวโน้มช็อกควรให้ 5%DNss IV. Drip อย่างเร็วระหว่างรอเพทย์
หากผู้ปวยชักให้ Valium 10 mg. IV. push ช้าๆตามเผนการรักษา
5.หากหัวใจหยุดเต้นอาจให้ Adrenaline 1:1,000 IV.
ให้การพยาบาลช่วยหายใจ เตรียมอุปกรณ์ใส่ ETT. เตรียมช่วย CPR.
วิธีการใช้ยาชา
การใช้ทาหรือหยอด (Topical)
การฉีดเฉพาะที่(Infiltration)
การสกัดบริเวณ (Field block)
การฉีดยาสกัดเส้นประสาท (Nerve block)
การทําให้ชาโดยฉีดที่ไขสันหลัง (Spinal block)
Antiseptic solution ที่ใช้ในการล้างแผล
Hydrogen peroxide
ช่วยชะล้างแผลทําให้แผลสะอาดขึ้น ลดการเกิดBleedingขณะทําหัตถการ
0.9% NSS
ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเซลล์ ไม่ทําลายเนื้อเยื่อ ไม่ฆ่าเชื้อ
4 % Chlorhexidine (Hibiscrub)
มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกได้ดีกว่า แกรมลบ
Providone iodine หรือ Betadine
ไม่ควรใช้ในแผล สามารถดูดซึมเข้ากระแสเลือด
70% Alcohol
เช็ดบริเวณรอบแผล
แผลฟกช้ำ
แผลฉีกขาด
แผลถลอก
นางสาวศุภาลัย สร้อยทรัพย์ เลขที่60 รุ่น35