Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ระบบประสาท (Nervous System), นางสาวสีตีไอซะห์ อุเซ็ง รหัสนักศึกษา…

- - - - การบาดเจ็บที่เกิดขณะศีรษะอยู่นิ่ง ( static head injury ) คือ บาดเจ็บที่เกิดแก่ศีรษะขณะอยู่นิ่งหรือเคลื่อนไหวเล็กน้อยเช่น การถูกตี ถูกยิง เป็นต้น
      - การบาดเจ็บที่เกิดขณะศีรษะเคลื่อนที่( dynamic head injury ) คือ บาดเจ็บที่เกิดแก่ศีรษะขณะที่ ศีรษะมีความเร็วไปกระทบกับวัตถุที่อยู่นิ่งหรือกาลังเคลื่อนที่ เช่นขับรถไปชนต้นไม้ ขับรถไปชนกับรถที่วิ่งสวนทาง เป็นต้น
- - - - อาการที่เป็นพื้นฐานคือคอแข็ง (nuchal rigidity)
        มี Brudzinski’s sign และ Kernig’s sign
      - กลัวแสง (Photophobia)
      - จะมีอาการหงุดหงิด แต่เมื่อการดาเนินของโรคมากขึ้นผู้ปุวยจะสับสน ซึม และกึ่งหมดสติ อาจมี ชักด้วยหรืออาจมีรอยช้าหรือผื่นแดงๆ (petechial or hemorrhagic rash) เกิดขึ้น
      - ตรวจน้ำไขสันหลังเป็นสีขุ่น
      - อาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อก็จะพบด้วย เช่น มีไข้ หัวใจเต้นเร็ว ปวดศีรษะ หมดเรี่ยวแรง หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน
    - - การรับความรู้สึกและการรับรู้เปลี่ยนแปลง เนื่องจากระดับความรู้สติลดลง
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินความรู้สึกตัวของผู้ป่วยโดยประเมินผ่าน Glass glow coma score และ Motor power เพื่อทราบระดับความรู้สึกตัวและการรับรู้ต่างๆของผู้ป่วยเพื่อให้การพยาบาลได้ถูกต้อง
        
        แนะนาผู้ป่วยเกี่ยวเกี่ยวกับการรับรู้ที่เปลี่ยนแปลง เช่น วัน เวลา สถานที่ และกระตุ้นโดยการเรียกชื่อผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอเมื่อสังเกตเห็นว่าผู้ป่วยเริ่มมีระดับความรู้สึกตัวลดลง
        
        แนะนำให้ญาติดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน เช่น การทำความสะอาดร่างกาย การรับประทานอาหาร การขับถ่าย เป็นต้น เนื่องจากผู้ป่วยมีระดับความรู้สึกตัวลดลงจึงต้องการความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
        
        ประเมิน V/S โดยเฉพาะอัตราการเต้นของหัวใจ ค่าความดันโลหิต และอัตราการหายใจ ทุก 4 hr เพื่อสังเกตอาการของผู้ป่วย
  - - - ไข้สูงเนื่องจากการติดเชื้อ และการควบคุมอุณหภูมิของไฮโปธาลามัสผิดปกติจากความดันใน กะโหลก
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ดูแลเช็ดตัวลดไข้ Tepid sponge เพื่อระบายความร้อน
        
        วาง Ice Bag หรือผ้าเย็นที่หน้าผาก เพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกาย
        
        ให้ผู้ป่วยดื่มน้าวันละ2000 – 3000 ซีซีเพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายทางปัสสาวะ และป้องกันภาวะขาดน้า
        
        ดูแลทำความสะอาดร่างกาย ช่องปากและฟัน เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
        
        แนะนาให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ และไม่ขัดกับการรักษา และรับประทาน อาหารที่สะอาด สุก ใหม่ๆ
        
        จัดสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วยให้สะอาด ไม่จัดให้ผู้ป่วยอยู่ใกล้ชิดดกับผู้ป่วยอื่นที่มีการติดเชื้อ
        
        ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง และจัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ ถ่ายเทได้สะดวก
        
        ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
        
        ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินอาการและความก้าวหน้าของไข้
- - - - ชักเฉพาะที่และไม่มีอาการหมดสติ แบ่งเป็น 4 ชนิด
        
        อาการผิดปกติเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว (motor manifestations)
        
        อาการผิดปกติเกี่ยวกับความรู้สึก (somatosensory or special sense manifestations)
        
        อาการผิดปกติเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ (autonomic manifestations)
        
        อาการผิดปกติเกี่ยวกับจิตใจ (psychic manifestations)
      - ภาวะชักทั้งตัว
  - - - Craniotomy คือ การผ่าตัดเปิดเข้าไปในกะโหลก แล้วเอาสิ่งที่เป็นพยาธิสภาพออก แล้วปิด กะโหลกศีรษะไว้เหมือนเดิม
      - Craniectomy คือ การผ่าตัดโดยตัดแผ่นกะโหลกออกไปเลย เพื่อเป็นการลดแรงกดสมอง
    - - การรับความรู้สึกและการรับรู้เปลี่ยนแปลงเนื่องจากมีก้อนที่สมอง
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        1.จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ
        2.ให้การพยาบาลแก่ผู้ป่วยด้วยความนุ่มนวล
        3.หลีกเลี่ยงการผูกมัดผู้ป่วยเมื่อผู้ป่วยมีอาการ
        4.พยาบาลทำโปรแกรมฟื้นฟูสมองด้วยวิธีต่างๆ เช่น การฟังวิทยุ ข่าวสาร
        5.เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยและครอบครัวได้ซักถามข้อสงสัยและได้โอกาสในการวางแผนการพยาบาลร่วมกัน
  - - - การรับความรู้สึกและการรับรู้เปลี่ยนแปลง เนื่องจากระดับความรู้สติลดลง
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินความรู้สึกตัวของผู้ป่วยโดยประเมินผ่าน Glass glow coma score และ Motor power เพื่อทราบระดับความรู้สึกตัวและการรับรู้ต่างๆของผู้ป่วยเพื่อให้การพยาบาลได้ถูกต้อง
        
        แนะนาผู้ป่วยเกี่ยวเกี่ยวกับการรับรู้ที่เปลี่ยนแปลง เช่น วัน เวลา สถานที่ และกระตุ้นโดยการเรียกชื่อผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอเมื่อสังเกตเห็นว่าผู้ป่วยเริ่มมีระดับความรู้สึกตัวลดลง
        
        แนะนำให้ญาติดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน เช่น การทำความสะอาดร่างกาย การรับประทานอาหาร การขับถ่าย เป็นต้น เนื่องจากผู้ป่วยมีระดับความรู้สึกตัวลดลงจึงต้องการความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
        
        ประเมิน V/S โดยเฉพาะอัตราการเต้นของหัวใจ ค่าความดันโลหิต และอัตราการหายใจ ทุก 4 hr เพื่อสังเกตอาการของผู้ป่วย
  - - - สมองและเนื้อเยื่อได้รับเลือดไม่เพียงพอเนื่องจากมีเลือดออกในสมอง/มีลิ่มเลือดอุดตัน
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        จัดท่านอนศีรษะสูง15-30 องศา จัดศีรษะให้อยู่ตรงกลางเพื่อให้การไหลเวียนโลหิตได้ดี
        
        ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง
        
        ประเมินภาวะขาดออกซิเจน การกำซาบของสมองโดยดูจากความดันในสมอง (ICP) ต่ากว่า 15 มม.ปรอท
        
        ดูแลให้ได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษา
        
        ดูแลให้ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือยาต้านเกล็ดเลือด Nimodipine ซึ่งเป็นยายับยั้งแคลเซียม ใช้รักษาเส้นเลือดหดเกร็งที่เกิดจากภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองตามแผนการรักษา
        
        ลดการเคลื่อนไหวและการกระตุ้นที่ไม่จาเป็นรวมทั้งรบกวนผู้ป่วยให้น้อยที่สุด
  - - - การขับถ่ายปัสสาวะบกพร่องเนื่องจากการไม่ทาหน้าที่ของกระเพาะปัสสาวะ
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        แนะนาให้ดื่มน้ำ 2000 ซีซี/วัน หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหลังอาหารเย็นเพื่อลดการเกิดกระเพาะปัสสาวะว่างในตอนกลางคืน
        
        แนะนำให้ถ่ายปัสสาวะทุก 3 ชั่วโมง หากถ่ายไม่ออกอาจต้องพิจารณาสวนปัสสาวะทิ้ง ถ้าจำนวนมากกว่า 500 ซีซี ควรต้องคาสายสวนปัสสาวะ
  - - - Acute motor axonal neuropathy ; โรคชนิดนี้อาจจะเกิดตามฤดูกาลและฟื้นตัวได้รวดเร็ว
      - Acute motor sensory axonal neuropathy (AMSAN) ; ฟื้นตัวช้าและมักจะไม่สมบูรณ์
      - Miller Fisher syndrome (MFS) ; มักจะมีผลต่อกล้ามเนื้อตา โดยมีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง,เดินเซ
      - Acute neuropathy panautonomic ; มีอัตราการตายสูง
      - Acute inflammatory demyelinating polyneuropathy (AIDP) ; เป็นรูปแบบที่พบมากที่สุดของ GBS
      - Bickerstaff’s brainstem encephalitis (BBE) ; ความผิดปกติส่วนใหญ่อยู่ใน brainstem โดยเฉพาะในไขสันหลัง
    - - Plasmapheresis
      - Immunoglobulin
      - ให้ steroid พบว่าไม่มีผล เนื่องจากว่าโรค GBS เป็นโรคที่ฉุกเฉิน ส่วนใหญ่จาเป็นต้องนอน โรงพยาบาล และอยู่ในห้อง ICU ภายหลังการวินิจฉัย
      - การใช้ยา ถ้ามีอาการปวดก็อาจใช้ยาแก้ปวดได้
      - ให้ Immunoglobulins ขนาดสูงทางเส้นเลือดเป็นเวลา 5วัน หรือทา Plasma Exchange
      - การทำกายภาพบ้าบัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อติด
    - - เสี่ยงต่อภาวะร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอเนื่องจากกล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรง
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ดูดเสมหะให้อย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมงและเมื่อได้ยินเสียงเสมหะในปอดหรือลำคอในผู้ที่มีปัญหาการไอขับเสมหะออก
        
        จัดท่าให้นอนศีรษะสูง ในผู้ที่มีปัญหาในการเคลื่อนไหวควรดูแลเปลี่ยนท่าให้ทุก 1-2 ชั่วโมงเพื่อให้ ปอดขยายตัวได้ดี
        
        วัดสัญญาณชีพอย่างน้อยทุก 2-4 ชั่วโมงและบ่อยขึ้นในช่วงระยะวิกฤต
        
        ประเมินสมรรถภาพของปอด
        
        เตรียมความพร้อมในการใช้เครื่องช่วยหายใจ
        
        ดูแลผู้ปุวยให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
        
        สนับสนุนให้ผู้ปjวยลดความวิตกกังวล และมีความมั่นใจในการดูแลของแพทย์และพยาบาล
  - - - ยาออกฤทธิ์ระยะสั้นกลุ่มแอนติโคลีนเอสเทอเรส
      - ยาคอร์ติโคสเตอร์รอยด์ ยาต้านโคลีนเอสเทอเรส (anticholinesterase) เช่น pyridostigmine
        (mestinon) และยา neostigmine (prostigmin)
    - - มีการเปลี่ยนแปลงระดับการรับรู้และลดระดับการตอบสนอง
        
        กิจกรรมพยาบาล
        
        ประเมินความรู้สึกตัวของผู้ป่วยโดยประเมินผ่าน Glass glow coma score และ Motor power เพื่อทราบระดับความรู้สึกตัวและการรับรู้ต่างๆของผู้ป่วยเพื่อให้การพยาบาลได้ถูกต้อง
        
        แนะนาผู้ป่วยเกี่ยวเกี่ยวกับการรับรู้ที่เปลี่ยนแปลง เช่น วัน เวลา สถานที่ และกระตุ้นโดยการเรียกชื่อผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอเมื่อสังเกตเห็นว่าผู้ป่วยเริ่มมีระดับความรู้สึกตัวลดลง
        
        แนะนำให้ญาติดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน เช่น การทำความสะอาดร่างกาย การรับประทานอาหาร การขับถ่าย เป็นต้น เนื่องจากผู้ป่วยมีระดับความรู้สึกตัวลดลงจึงต้องการความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
        
        ประเมิน V/S โดยเฉพาะอัตราการเต้นของหัวใจ ค่าความดันโลหิต และอัตราการหายใจ ทุก 4 hr เพื่อสังเกตอาการของผู้ป่วย
- - - - Posterior cord syndrome มีการบาดเจ็บบริเวณส่วนหลังของไขสันหลัง ทำให้สูญเสียการรับความรู้สึกการเคลื่อนไหวของข้อ การบาดเจ็บชนิดนี้พบได้น้อยมาก
      - Conus medullaris syndrome (sacral cord injury) มีการบาดเจ็บของไขสันหลัง ระดับกระเบนเหน็บและรากประสาทระดับเอว
      - Brown-Sequard syndrome (Hemicord lesion) พยาธิสภาพเกิดจากการได้รับบาดเจ็บแบบบิดหรือหมุนอย่างรุนแรง ทำให้มีการเคลื่อนของกระดูก pedicle และ lamina ที่หักในข้างเดียวกัน ทำให้ไขสันหลังได้รับบาดเจ็บในซีกเดียว
      - Cauda equina syndrome รากประสาทระดับเอวและกระเบนเหน็บได้รับบาดเจ็บ
      - Central spinal cord syndrome เกิดจากการได้รับบาดเจ็บในท่าที่แอ่นมากเกินไป มีผลทำให้ไขสันหลังระดับคอส่วนกลางถูกทำลาย
      - Spinal cord injury without radiographic abnormality (SCIWORA) การพบความผิดปกติทางระบบประสาทหลังได้รับบาดเจ็บ แต่จากภาพถ่ายทางรังสีไม่พบความผิดปกติของกระดูกสันหลัง
      - Anterior spinal cord syndrome เกิดจากไขสันหลังส่วนหน้าถูกทำลาย กระดูกสันหลังเคลื่อนมากดทับไขสันหลังและหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงไขสันหลังส่วนหน้า
      - Sacral sparing กลุ่มอาการที่มีการทำลายของไขสันหลังเป็นบริเวณกว้าง แต่แขนงของหลอดเลือดบริเวณไขสันหลังยังดีอยู่
      - Spinal concussion ภาวะที่ไขสันหลังได้รับการกระทบกระเทือน ทาให้เกิดการหยุด ทางานไปชั่วคราว