Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 9 อาหารที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ - Coggle Diagram
บทที่ 9 อาหารที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ
โรคเบาหวาน :<3:
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
1.เรียนรู้และนับคาร์บกับอาหารแลกเปลี่ยน
การนับปริมาณสารอาหารคาร์โบไฮเดรทในอาหารที่กินเข้าไปทําให้มีผลต่อระดับน้ำตาลในกระแสเลือด กลุ่มอาหารที่ให้สารคาร์โบไฮเดรท
เลือกกินเนื้อสัตว์อย่างฉลาด
กินโปรตีน 0.8 กรัม/น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) เพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ
กินเนื้อสัตว์ที่มีไขมันตํ่า และมีแคลเซียม เหล็ก สังกะสี เช่น ปลา
หลีกเลี่ยงเนื้อสัตวที่ไขมันสูง
หมูสามชั้น
กุนเชียง
หนังหมู
หมยูอ
ไส้กรอก
การปรุงอาหารโดยใช้น้ำมันมาก
รู้จักเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์
3.1. เลือกคาร์โบไฮเดรตชนิดดีกิน
3.2. เลือกกินชนิดไขมันที่ช่วยลดคอเรสเตอรอลที่ไม่ดี(LDL)
น้ำมันรําข้าว
น้ำมันมะกอก
น้ำมันคาโนลา
น้ำมันถั่วลิสง
3.3. รู้จักเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์
กินอาหารที่มีแอนตี้ออกซิเดนซ์
กินอาหารที่มีจุลินทรีย์สุขภาพ
เช่น โยเกิร์ตสูตรไขมันตํ่า นํ้าตาลน้อย
รู้จักเลือก รู้จักลด และงดอาหารที่เสี่ยงต่อสุขภาพ
4.1. ลดและงดคาร์โบไฮเดรตชนิดไม่ดี
4.2. ลดและงดไขมันที่ได้จากผลิตภัณฑ์สัตว์ และไขมันทรานซ์
หมูสามชั้น
หนังหมู/ไก่
4.3.ลดอาหารหมักดองและอาหารเค็มจัด
กินโดยควบคุมปริมาณอาหารจากพลังงานที่ต้องการในแต่ละวัน
โรคตับ ตับอ่อนผิดปกติ :<3:
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคตับ ตับอ่อนผิดปกติ
1.อาหารบําบัดโรคตับอักเสบ
ขณะที่ผู้ป่ วยเบื่ออาหารอาจช่วยได้โดยให้
อาหารเหลวแต่มีคุณค่ามาก
อาหารที่ทําจากไข่
นม
นํ้าตาล
ไอศครีม
อาหารผู้ป่วยโรคตับอักเสบ
พลังงาน
ควรได้พลังงานสูงกว่าปกติเพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่น้ำหนักจะลดควรได้พลังงานวันละประมาณ 2500 – 3500 แคลอรี
โปรตีน
เพื่อรักษาเนื้อเยื่อของตับที่ถูกทําลาย ผู้ป่วยควรได้รับโปรตีนวันละ 75 – 100 กรัมและควรเป็นโปรตีนที่ได้จากสัตว์เป็นส่วนใหญ่
คาร์โบไฮเดรต
เป็นสารอาหารที่ให้พลังงาน ผู้ป่วยควรได้รับวันละ 300 – 400 กรัม
ไขมัน
อาหารไขมันจะจํากัดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความรุนแรงของโรคส่วนใหญ่ก็จะรับประทานได้ปกติ คือ ประมาณร้อยละ 25 - 30 ของพลังงานที่ควรได้ทั้งวัน
2.อาหารบําบัดโรคตับแข็ง
แพทย์จะสั่งเพิ่มหรือลดปริมาณโปรตีนให้เหมาะ กับผู้ป่วยแต่ละคน
ระยะแรกของการเป็นตับแข็งที่ยังไม่มีผลทางสมอง สามารถได้รับปริมาณโปรตีนหรือเนื้อสัตว์ไม่แตกต่างจากคนทั่วไปประมาณวันละ 6-12 ช้อนโต๊ะ
นม
ไข่ทั้งฟอง
เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
เนื้อปลา
เนื้อไก่
เนื้อหมู
แต่ถ้าเป็นตับแข็งที่มีอาการทางสมองร่วมด้วย จะลดให้มาเหลือประมาณวันละ 2-3 ช้อนโต๊ะ หรืองดโปรตีนไประยะหนึ่ง เลือกรับประทานอาหารจําพวกคาร์โบไฮเดรตที่มีโปรตีนตํ่า
วุ้นเส้น
แป้งซาหริ่ม
เส้นเซี่ยงไฮ้
แป้งสาคู
แป้งมัน
3.อาหารบําบัดโรคมะเร็งตับ
ช่วงแรกของการเกิดโรคควรได้รับโปรตีนเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 กรัมต่อนํ้าหนักตัว 1 กิโลกรัม
จากเนื้อปลา
ไข่ไก่
บริโภคไขมันแต่น้อย เพื่อป้องกันภาวะแน่นท้อง ท้องอืด เกิดแก๊สในทางเดินอาหาร
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ :<3:
สาเหตุ
กรดยูริก เป็นสารชนิดหนึ่งในร่างกายที่สร้างขึ้นที่ตับ ซึ่งเกิดจากการสลายตัวของสารชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า “พิวรีน” สารนี้ในร่างกายได้มาจากแหล่ง
อาหารที่รับประทาน
เครื่องในสัตว์และเนื้อสัตว์ต่างๆ
และผักบางชนิด
การสลายตัวของเซลล์ในร่างกาย
การปฏิบัติตัว
ควบคุม หรือ จํากัดอาหารประเภทที่มีกรดยูริกสูง ได้แก่พวกเครื่องในสัตว์เนื้อสัตว์ และผักบางชนิด
งดดื่มเหล้า ไวน์ เบียร์ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ทําให้มีการขับกรดยูริกออกได้น้อยลง
ควรดื่มน้ำมากๆจะช่วยขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
ในรายที่อ้วนและมีน้ำหนักมากต้องลดนํ้าหนักตัวลง
หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพรินและยาขับปัสสาวะ เพราะจะทําให้ไตขับกรดยูริกได้น้อยลง
ออกกําลัง กาย เช่นว่ายน้ำ ขี่จักรยาน วิ่งเบาๆอย่างสมํ่าเสมอ หลีกเลี่ยงการออกกําลังกายที่มีการกระทบกระเทือนข้อ
ปรึกษาแพทย์ และมาพบแพทย์ตามนัดสมํ่าเสมอ กินยาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยควบคุมระดับกรดยูริกในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
อาหารที่มีปริมาณ
พิวรีนมาก
ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ควร
งดเว้นหรือหลีกเลี่ยง
ตับอ่อน
หัวใจ
ตับกึ๋นของไก่
เนื้อไก่ เป็ด ห่าน
มันสมองวัว
ไข่ปลา
ปลาอินทรีย์ ปลาดุก ปลาไส้ตัน
อาหารที่ มีปริมาณ
พิวรีนปานกลาง
ผู้ป่วยโรคเก๊าท์
รับประทานได้ปริมาณจํากัด
เนื้อ หมู วัว
ปลากะพง
ปลาหมึก
ปู
ถั่วลิสง
ใบขี้เหล็ก
สะตอ
ผักโขม
อาหารที่มีปริมาณ
พิวรีนน้อย
ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ทาน
ได้ปกติ
นมและผลิตภัณฑ์
จากนมไข่
ธัญพืชต่างๆ
โรคไต :<3:
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไต
พลังงานผู้ป่วยโรคไตควรได้รับ 25-40 KCal/IBWหรือ 1.1-1.4 เท่าของ BEE ข้อควรระวังคือ พลังงานยังขึ้นกับกิจกรรมต่างๆและจากการล้างไตทางหน้าท้องอาจให้พลังงานเพิ่ม 500-1000 KCal/day
ประเภทของอาหารที่ใช้ควบคุมโรคไต
อาหารจํากัดโปรตีน
เป็นอาหารที่จํากัดปริมาณโปรตีนให้เหมาะสมกับการทํางานของไต มักกําหนดให้ประมาณ 20 – 40 กรัมต่อวัน
หลักในการคํานวณและกําหนดอาหารจํากัดโปรตีนควรปฏิบัติดังนี้
โปรตีนที่ใช้ในอาหารจํากัดโปรตีน ควรเป็ นโปรตีนที่มีคุณภาพสูง
สําหรับผู้ป่ วยโรคไตวายเรื้อรัง ถ้ามีระดับฟอสเฟตในเลือดสูงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มี
ฟอสเฟตมาก
เมื่อจํากัดโปรตีนในอาหาร ควรให้อาหารที่มีพลังงานมาก
อาหารเพิ่มโปรตีน
เป็นอาหารที่กําหนดให้โปรตีนสูง เพื่อชดเชยโปรตีนที่สูญเสียไปในปัสสาวะในผู้ป่วยที่มีการสูญเสียโปรตีนออกทางปัสสาวะและผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ที่ได้รับการรักษาด้วยการล้างท้องแบบ CAPD ควรได้รับโปรตีนวันละ1.2 – 1.5 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เพื่อทดแทน โปรตีนที่เสียไปในการล้างช่องท้อง
อาหารจํากัดโซเดียม
อาหารลดเกลือ (Low salt diet) เป็นอาหารที่มีโซเดียมน้อยใช้สําหรับผู้ป่วยที่มีอาการบวม ความดันโลหิตสูงหรือหัวใจวาย เพื่อช่วยลดอาการคั่งของโซเดียม และ น้ำในร่างกายการจํากัดโซเดียม
อาหารจํากัดโซเดียมอย่างเบาที่สุด
มีปริมาณโซเดียม 2500 มิลลิกรัม
อาหารจํากัดโซเดียมเพียงเล็กน้อย
มีปริมาณโซเดียม 1500 – 2000 มิลลิกรัม
อาหารจํากัดโซเดียมปานกลาง
มีปริมาณโซเดียม 1000 - 1200 มิลลิกรัม
อาหารจํากัดโซเดียมอย่างมาก
มีปริมาณโซเดียม 500 – 600 มิลลิกรัม
อาหารจํากัดโซเดียมอย่างเข้มงวด
มีปริมาณโซเดียม 250 มิลลิกรัม
อาหารเพิ่มโซเดียม
ใช้ในผู้ป่วยที่มีการขับถ่ายโซเดียมออกทางไตมาก
ใช้เครื่องปรุงรสเค็มในการปรุงอาหาร
ใช้อาหารที่มีรสเค็มในการประกอบอาหาร
กินเนื้อสัตว์ที่ปรุงเค็มให้มากขึ้น
กินอาหารที่มีโซเดียมมากตามธรรมชาติเพิ่มขึ้น
อาหารจํากัดโปตัสเซียม
ใช้ในผู้ป่วยที่ไตขับถ่ายของเสียได้น้อย มักมีการคั่งของโปตัสเซียมทําให้มีโปตัสเซียมสูง จึงจําเป็นต้องจํากัดอาหารที่มีโปตัสเซียมมาก ตามปกติโปตัสเซียม จะมีในอาหารทุกชนิด แต่มีมากในสัตว์ ไข่ นํ้านม ผัก และผลไม้
อาหารจํากัดฟอสเฟต
ใช้ในผู้ป่วยที่ไตขับถ่ายของเสียได้น้อย และมีฟอสเฟตในเลือดสูง ฟอสเฟตจะมีมากในไข่แดง นม ถัวเม็ดแห้ง ผลไม้แห้ง
อาหารที่เพิ่มโปตัสเซียม
ช้ในผู้ป่วยโรคไตระยะปัสสาวะมาก มักมีการสูญเสียโปตัสเซียมทางปัสสาวะมาก หรือในผู้ป่ วยที่ใช้ยาขับปัสสาวะบางชนิดซึ่งมีฤทธิ์ ขับโปตัสเซียมด้วย ทําให้ร่างกายสูญเสียโปตัสเซียมไป จึงต้องได้รับอาหารที่มีโปตัสเซียมมาชดเชย ผู้ป่วยควรเลือกกินเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ที่มีโปตัสเซียมมากโดยเฉพาะ นํ้าส้มและผลไม้แห้ง
โรคหัวใจ :<3:
อาหารที่ทําให้ระดับไขมันตัวร้ายในเลือดสูง
อาหารที่มีกรดไขมันอิ่มตัว
พบมากในอาหารและน้ำมันจากพืชบางชนิด
1.1 ผลิตภัณฑ์จําพวกนม
1.2 เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง
1.3 ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว
1.4 นํ้ามันปาล์ม นํ้ามันมะพร้าว
อาหารที่มีไขมันทรานส์
พบได้ในอาหารที่มีการใช้น้ำมันที่มีการเติมไฮโดรเจนลงในน้ำมันทีทีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ทําให้น้ำมันที่อยู่ในสภาพของเหลวเปลี่ยนเป็นไขมันที่แข็งขึ้น หรือเป็นของกึ่งเหลว
เนยเทียม หรือเนยขาว
ขนมอบต่างๆ
เบเกอรี่
คุกกี้
แครกเกอร์
อาหารที่มีคอเลสเตอรอล
พบได้ในผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์เท่านั้น
3.1 ไข่แดง เนื้อสัตว์ไขมันสูงและผลิตภัณฑ์นมที่มีไขมันสูง
3.2 เครื่องในสัตว์ เช ่น ตับ
3.3 สัตว์ปี ก เช ่น ไก ่ เป็ ด
3.4 สัตว์นํ้าประเภทที่มีเปลือก เช ่น หอย กุ ้ง ปู
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคหัวใจ
1.หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ไขมันสัตว์หนังเป็ด/ไก่ สมองสัตว์ เครื่องในสัตว์ ตับ ไตสมองและอาหาร ที่ปรุงด้วยกะทิและอาหาร แปรรูปจําพวกกุนเชียง หมูยอ เบคอน แฮม
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง เช่น เครื่องในสัตว์ ไข่แดง หอยนางลม ปลาหมึก กุ้ง ฯลฯ
งดนํ้ามันมะพร้าว นํ้ามันปาล์ม
หลีกเลี่ยงอาหารทอด และผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ เช่น ปาท่องโก๋ ไก่ทอด พาย คุกกี้
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทําจากไข่แดง และไขมันอิ่มตัว เช่น ทองหยิบ ฝอยทอง
ใช้นํ้ามันใน การปรุงอาหาร แต่พอควร และเลือกใช้นํ้ามันที่มีสัดส่วนของกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น นํ้ามันรําข้าว และเลือกนํ้ามันที่มีกรดไขมัน จําเป็น เช่น นํ้ามันถัวเหลือง
หากดื่มนมเป็นประจําควรเลือกดื่มนมประเภทไขมันตํ่า
ลดการกินอาหารเค็ม และอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูง
กินผัก ผลไม้ เป็นประจํา เพื่อให้ได้รับวิตะมินซี และเบต้าแคโรทีน ทําให้ได้รับกากใยและขัดขวางการดูดซึมไขมันได้อีกด้วย
หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา กาแฟ และงดการสูบบุหรี่
ออกกําลังกายสมํ่าเสมอ ให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
พักผ่อนให้เพียงพอ ควบคุมให้เกิดความเครียดทั้งทางอารมณ์และจิตใจ
ควบคุมไขมันในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
1.ควบคุมระดับโคเลสเตอรอลในเลือดให้น้อยกว่า 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
ควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดให้ตํ่ากว่า 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
ลดปริมาณไขมันให้น้อยลง วันหนึ่งไม่ควรเกินร้อยละ 30 ของพลังงานทั้งหมด
ลดปริมาณไขมันให้น้อยลง วันหนึ่งไม่ควรเกินร้อยละ 30 ของพลังงานทั้งหมด
เพิ่มกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ควรเป็นไขมันจากนํ้ามันถัวเหลือง น้ำมันข้าวโพด นํ้ามันรําขาว
โรคความดันโลหิตสูง :<3:
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
ควบคุมนํ้าหนัก
ลดการบริโภคโซเดียม
2.1 ลดความเค็มในอาหาร
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารหมักดองรสเค็ม
ไข่เค็ม
ปลาร้า
ปลาเจ่าปูเค็ม
ผักดอง
เต้าหู้ยี้
ตั้งฉ่าย
ลดการใช้เครื่องปรุงในอาหาร
ผงปรุงรส
นํ้าปลา
ซีอิ้ว
เกลือ
2.2 หลีกเลี่ยงอาหารสําเร็จรูป
อาหารกระป๋อง
ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ที่ผ่านกระบวนการแปรรูป
2.3 ลดความถี่และปริมาณการกินอาหารที่มีนํ้าจิ้ม
น้ำจิ้มไก่
น้ำจิ้มสุกี้
หมูกระทะ
2.4 หลีกเลี่ยงอาหารที่ใส่ สารกันเสียที่มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ
โซเดียมเบนโซเอต
2.5 ปรุงอาหารด้วยเครื่องเทศ หรือสมุนไพร
ต้มยํา
แกงเลียง
แกงส้ม
2.6 งดหรือลดอาหารที่มีไขมันมาก
เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
อาหารทอด
อาหารที่มีกะทิ
2.7 งดบุหรี่ และเครื่องแอลกอฮอล์
2.8 ควรออกกําลังกายอย่างสมํ่าเสมอ ให้เหมาะสมกับวัย
โรคระบบทางเดินอาหาร :<3:
สาเหตุ
การติดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร เป็ นเชื้อที่ติดต่อโดยการรับประทานอาหารหรือดื่มนํ้าที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ติดเชื้อนี้ทําให้ผนังกระเพาะอ่อนแอและมีความทนต่อกรดลดลง
รับประทานอาหารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะและลําไส้ เช่น ดื่มชา กาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ นํ้าอัดลม และการรับประทานยาบางชนิด
มีอุปนิสัยการรับประทานที่ไม่ถูกต้อง เช่น การรับประทานอาหารอย่างเร่งรีบ รับประทานไม่เป็นเวลา หรืออดอาหารบางมื้อ เป็นต้น
-การสูบบุหรี่ เพิมโอกาสเสี่ยงของการเป็ นที่แผลที่ลําไว้เล็กส่วนต้น
อื่นๆ เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล คิดมาก นอนไม่หลับ เครียด อารมณ์หงุดหงิด พักผ่อนไม่เพียงพอ เห็นต้น
ข้อควรปฏิบัติสําหรับผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหาร
รับประทานอาหารให้ตรงเวลา
รับประทานอาหารอ่อนที่ย่อยง่าย และควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียด
งดสูบบุหรี่
อาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อไม่ควรมีปริมาณมากเกินไป
หลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร
ถ้าเครียดพยายามลดความเครียด
หมันออกกําลังกาย
รับประทานยาลดกรอ ยาน้ำ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือยาเม็ด 1-2เม็ด วันละ 4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็นหลังอาหาร 1 ชั่วโมง และก่อนนอน
รับประทานยาสมํ่าเสมอถามที่แพทย์สั่ง
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหาร
ลักษณะอาหาร
1.อ่อนนุ่ม ไม่มีกากาหรือใย ไม่มีเม็ด และเปื่อยนุ่ม
2.อาหารมีรสอ่อน อาจใส่เครื่องปรุงต่างๆ ได้ที่ไม่ทําให้อาการของ โรคกําเริบขึ้น
3.ช่วยให้ความเป็ นกรดในกระเพาะลดลง อาหารจําพวกโปรตีน เช่น ไข่ นม
4.เป็นอาหารที่อยู่ในกระเพาะได้นานพอสมควร เพื่อทําให้ฤทธิ์ของกรด ในกระเพาะอาหารลดลง
อาหารไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหาร
• เครื่องเทศต่างๆ
• เครื่องดื่ม เครื่องดื่มจําพวก ชา กาแฟ
• ผัก ผลไม้ดิบ
• ผักที่มีก๊าซมาก
ผักกระถิน
ผักกระเฉด
กระเทียมดอกกะหลํ่า
• ผลไม้ที่ก๊าซมาก
แตงโม
แตงไทย
ทุเรียน
โรคถุงนํ้าดีอักเสบ
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคถุงนํ้าดีอักเสบ
ระยะที่ยังไม่มีการผ่าตัด ควรให้สารอาหารที่มีไขมันน้อยและไม่ควรเกินร้อยละ 25 ของพลังงานทั้งหมด และผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงอาหารไขมันมาก
อาหารที่ไม่เหมาะกับผู้ป่ วยโรคถุงนํ้าดีอักเสบ
อาหารที่ผู้ป่วยโรคถุงนํ้าดีอักเสบควรงด
อาหารที่มีไขมันมาก
อาหารทอด
แกงกะทิ
ขนมใส่กะทิเนื้อสามชั้น
หนังไก่
อาหารที่มีก๊าซมาก
กระถิน
ชะอม
ผักกระเฉด
ดอกกะหลํ่า
ผลไม้ที่มีก๊าซมาก
ทุเรียน
ขนุน
พุทรา
น้อยหน่า
โรคเอดส์ :<3:
ภาวะโภชนาการของผู้ป่วยโรคเอดส์
อาการท้องเสีย
พบได้บ่อยในผู้ติดเชื้อ HIV ทั้งนี้มีสาเหตุจากผลข้างเคียงของการใช้ยาต้านไวรัสเอดส์ หรือยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษา ในผู้ป่วยที่มีระดับ CD4 ตํ่า อาการท้องเสียอาจเกิดได้จากการติดเชื้อฉวยโอกาสโดยตรง ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ อาหารรสจัด อาหารที่มีไขมันปริมาณสูง และอาจรับประทานเครื่องดื่มที่ช่วยทดแทนการสูญเสียเกลือแร่และนํ้า กล้วย มันฝรั่ง เนื้อไก่ปลา สามารถทดแทนการสูญเสียโปแตสเซียมได้ดี
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเอดส์
อาหารกลุ่มแป้ง
ข้าว
ขนมปัง
ธัญพืช
เผือก
ผู้ป่วยควรทานอาหารกลุ่มนี้ในทุกมื้ออาหาร โดยทานวันละ 4-6 ส่วน
ผักและผลไม้
ให้วิตามิน เกลือแร่ และ กากใยอาหาร ควรรับประทานทุกวัน วันละ 5 ส่วน (1 ส่วน ประมาณเท่ากับผลไม้ 1 ผล หรือผักสดชามใหญ่ หรือผลไม้แห้ง 1 ถ้วย หรือน้ำผลไม้คั้นสด 1 แก้ว)
เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว
ให้ทั้งโปรตีน เกลือแร่ และวิตามิน ทานวันละ 2-3 ส่วนทุกวัน (1 ส่วนประมาณเท่ากับไข่ 2 ฟองเล็ก หรือเนื้อหมู ไก่ 100กรัม หรือ เนื้อปลา 150 กรัม)
ผลิตภัณฑ์จากนม
เช่น นมสด โยเกิร์ต เนยแข็ง ซึ่ งเป็ นแหล่งของวิตามิน เกลือแร่ และแคลเซียม ควรทานวันละ 3 ส่วน (1 ส่วน ประมาณเท่ากับนม 1 แก้ว หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย หรือเนยแข็ง 1แผ่น)
ไขมัน
จากน้ำมันพืชที่ใช้ปรุงอาหาร เนย เนยเทียม รวมถึงไขมันที่อยู่ในเนื้อสัตว์ซึ่งจะให้พลังงาน กรดไขมันที่จําเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน
สุขลักษณะอนามัยด้านอาหารของผู้ป่วยโรคเอดส์
หลีกเลี่ยงการทานอาหารดิบ เช่น ปลาดิบ เนื้อที่ยังปรุงไม่สุกเต็มที่
หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากนมที่ยังไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ
หลีกเลี่ยงโยเกิร์ตหรืออาหารเสริมที่ประกอบด้วยเชื้อจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิอยู่ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของ Probiotic
อาหารที่สุกแล้วตั้งทิ้งไว้นาน ควรนํามาอุ่นใหม่ก่อนทาน ไม่ควรทานอาหารที่ไม่ได้แช่เย็นค้างเกิน 1 วัน
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีราขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย รวมถึงอาหารที่เลยวันหมดอายุแล้ว
ล้างผักและผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน
เก็บแยกอาหารที่ยังไม่ได้ทําให้สุกกับอาหารที่สุกแล้วออกจากกันเป็นสัดส่วนเพื่อกันการปนเปื้อนเชื้อจากอาหารดิบไปสู่อาหารสุก รวมทั้งดูแลความสะอาดของภาชนะ และอุปกรณ์ทําอาหาร
โรคมะเร็ง :<3:
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ปัญหาการกิน
กินครั้งละน้อย แต่บ่อยขึ้นเป็น 5-6 มื้อ
กินอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ได้แก่ ปลา ไก่ หมู ไข่ นม เต้าหู้ ถั่ว
ไข่ กินได้ทั้งไข่แดง ไข่ขาว วันละ 1-2 ฟอง
นม เลือกนมวัวไขมันตํ่า
5.สามารถปรุงรสด้วยมะนาวหรือผักสมุนไพรจะช่วยชูรสชาติให้ดีขึ้นได้
กินอาหารแช่เย็น เช่น ไอศครีม หรืออมนํ้าแข็ง จะช่วยบรรเทาให้อาการเจ็บแสบลดลง หรือดื่มนํ้าเพิ่มขึ้น ก็ช่วยได้เหมือนกัน
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
อาหารเผ็ด
อาหารที่เพิ่งปรุงรสเสร็จกําลังร้อนจัด
อาหารหรือผลไม้รสเปรี้ยวจัด
อาหารที่มีลักษณะแข็งที่จะทําให้เจ็บเวลาเคี้ยว
พฤติกรรมป้องกันโรคมะเร็ง
ไม่รับประทานอาหารที่มีราขึ้น
ลดอาหารไขมัน
ลดอาหารดองเค็ม อาหารปิ้งย่าง รมควัน
ไม่รับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารประเภทนี้
หยุดหรือลดการสูบบุหรี่
หยุดการเคี้ยวหมาก ยาสูบ เพราะจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งช่องปาก และคอ
ลดการดื่มแอลกอฮอล์
ผู้ป่วยหลังผ่าตัด :<3:
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยหลังผ่าตัด
โปรตีน
สารโปรตีนจําเป็นต่อการซ่อมแซมและเสริมสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ ช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้น
พลังงาน
หลังจากผ่าตัดแล้วร่างกายมีการสลายไกลโคเจน ไขมันและโปรตีนเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยจึงจําเป็นต้องได้รับอาหารที่ให้พลังงานให้เพียงพอ สําหรับใช้เป็นพลังงานในการเสริมสร้างร่างกายและเพื่อป้องกันการนําโปรตีนไปใช้เป็พลังงาน
3.วิตามินและเกลือแร่
การได้รับวิตามินอย่างเพียงพอจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
นํ้า
อาหารที่ไม่เหมาะกับผู้ป่วยหลังผ่าตัด
ผู้ป่วยหลังผ่าตัดควรหลีกเลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ และอาหารประเภทหมักดอง เพราะเป็นอาหารที่ส่งผลร้ายต่อร่างกาย และอาจทําให้ติดเชื้อ เกิดอาการแทรกซ้อนได้
ไฟไหม้ นํ้าร้อนลวก :<3:
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยไฟไหม้ นํ้าร้อนลวก
พลังงาน
ผู้ป่วยจําเป็นต้องได้รับพลังงานให้เพียงพอประมาณ 50 – 70 แคลอรี่ต่อน้ำหนักตัว 1กิโลกรัม
โปรตีน
ผู้ป่วยควรได้โปรตีนวันละ 2-3กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1กิโลกรัมและควรเป็นโปรตีนที่ได้จาก เนื้อสัตว์ ไข่ นม
วิตามิน เกลือแร่
ผู้ป่วยถูกความร้อนลวกและสูญเสียวิตามิน เกลือแร่มากระยะนี้จําเป็นต้องได้อาหารที่มีวิตามินและเกลือแร่ให้พอ
นํ้า
โรคขาดสารอาหาร :<3:
โรคขาดโปรตีนและแคลอรี
ควาชิออร์กอร์ (kwashiorkor)
เป็นโรคขาดโปรตีน และแคลอรี ประเภทที่มีการขาดโปรตีนอย่างมากเด็กมีอาการบวมเห็นได้ชัดที่ขา ๒ ข้าง เส้นผมมีลักษณะบางเปราะ และร่วงหลุดง่าย ตับโต มีอาการซึม และดูเศร้า ไม่สนใจต่อสิ่งแวดล้อม ผิวหนังบางและลอกหลุด
มาราสมัส (marasmus)
เป็นโรคขาดโปรตีน และแคลอรี ประเภทที่ขาดทั้งกําลังงาน และโปรตีน เด็กมีแขนขาลีบเล็ก เพราะทั้งไขมัน และกล้ามเนื้อ ถูกเผาผลาญมาใช้เป็นกําลังงาน เพื่อการอยู่รอด ลักษณะที่พบเห็น เป็นแบบหนังหุ้มกระดูก ผิวหนังเหี่ยวย่นเหมือนหนังคนแก่ ไม่มีอาการบวม และตับไม่โต
อาการและอาการแสดงทงคลินิก
หงุดหงิดง่ายน้าหนักลด ผอมแห้ง ในผู้ป่วย marasmus
ภาวะบวมกดบุ๋มในผู้ป่วย kwashiorkorผิวบางหลุดลอกออกเป็นแผ่นเล็กๆ คล้ายสีทาบ้านที่หลุดลอกออกจากผนัง (flaky paint dermatosis)ผมร่วงหลุดง่ายเล็บ บางเปราะ แตกหักง่าย
เล็บงอเป็ นรูปช้อนในผู้ป่ วยที่ขาดธาตุเหล็ก
เกล็ดกระดี่บริเวณหางตา (Bitot’s spots) ในผู้ป่ วยที่ขาดวิตามินเอ
มีเลือดออกตามไรฟันในผู้ป่ วยที่ขาดวิตามินซี