Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร, นางสาวจณิสตา สายคำ เลขที่11 ห้อง B -…
ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
ท้องเสีย
ร่างกายของผู้สูงอายุ ทนต่ออาการเสียน้ำได้ไม่ดีนัก แม้ท้องเสียเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ระดับเกลือแร่ในเลือดลดต่ำลงได้ ซึ่งมักมีอาการดังนี้คือ ริมฝีปากแห้ง คอแห้ง ตาโหล ซึม อาจมีความดันโลหิตต่ำหากเป็นมาก อาการเหล่านี้ต้องอาศัยการสังเกตจากคนใกล้ชิด
การปฏิบัติตนเมื่อท้องเสีย
ในผู้สูงอายุ หากมีท้องเสีย 1-2 ครั้ง ควรเริ่มทานผลเกลือแร่สำเร็จรูปได้แล้ว โดยดื่มแทนน้ำเปล่า เป็นการดูแลอาการเบื้องต้นที่ช่วยบรรเทาอาการได้เป็นอย่างดีแต่หากผู้สูงอายุมีอุจจาระมีเลือดปนควรรีบพบแพทย์
ไม่ควรดื่มน้ำเกลือแร่สำหรับการสูญเสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย เครื่องดื่มบำรุงกำลัง หรือน้ำอัดลมที่ผสมเกลือแทนการดื่มน้ำเกลือแร่ เพราะจะไม่ได้ปริมาณเกลือแร่ที่สูญเสียไปตามที่ร่างกายต้องการ
เมื่อหายท้องเสียใหม่ๆ ระบบย่อยอาหารในผู้สูงอายุมักไม่ค่อยดี อาจมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และย่อยอาหารบางอย่างไม่ได้ ดังนั้น หลังจากท้องเสีย 1 สัปดาห์ ควรงดอาหารรสจัด มีแก๊สเยอะ ถั่ว ผลิตภัณฑ์จากนม แต่ควรทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่ายแทน
ไม่จำเป็นต้องทานยาหยุดถ่าย ควรปล่อยให้ถ่ายไป เพราะร่างกายต้องขับของเสียออกมาจนหมดจึงจะหยุดถ่ายไปเองตามธรรมชาติ แต่หากอยู่ในระหว่างการเดินทาง หรือต้องนั่งรถหลายชั่วโมง ก็สามารถทานยาหยุดถ่ายได้ แต่ควรทานเพียง 1 เม็ดเท่านั้น และไม่ควรทานทันทีเมื่อท้องเสีย ควรทานในกรณีที่ท้องเสียติดต่อกันหลายครั้ง และยังไม่หยุดจริงๆ และเมื่อยาหมดฤทธิ์ ร่างกายจะขับของเสียออกมาจนหมดต่อเองตามธรรมชาติ
ไม่จำเป็นต้องทานผงคาร์บอนหรือผงถ่าน เพราะไม่ช่วยให้ดีขึ้น
หากผู้สูงอายุท้องเสียมากๆ จะเกิดอาการแสบก้นหรือก้นเปื่อย ให้ใช้ปิโตรเลียมเจลทาบริเวณดังกล่าว เพื่อช่วยลดอาการแสบ
หลังท้องเสีย 1 สัปดาห์ ควรระวังเรื่องอาหารการกินมากขึ้น เพราะอาจจะท้องเสียซ้ำอีกได้ หากทานอาหารที่ไม่สะอาด หรือรสจัด
การดูแลผู้สูงอายุที่ท้องเสีย
ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ เป็นต้น ในระยะแรกอาจงดอาหาร เพื่อไม่กระตุ้นลำไส้ให้เคลื่อนไหวมากทำให้เสียน้ำและเกลือแร่มาก ให้ดื่มสารละลายผงเกลือแร่ น้ำหวานหรือน้ำอัดลมโดยเขย่าฟองให้หมดก่อนแล้วเติมเกลือเล็กน้อย เมื่ออาการดีขึ้นไม่อาเจียนให้อาหารอ่อนย่อยง่ายกากน้อย รสอ่อน ไม่มีไขมัน ดื่มน้ำทดแทนการสูญเสียอย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร ถ้ายังอาเจียนหรือถ่ายเหลวมากควรพบแพทย์เพื่อพิจารณาให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ สังเกตภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ เช่น กระหายน้ำมาก ผิวขาดความตึงตัว ใจสั่น ปวดท้อง เป็นตะคริว ซึม สับสน เป็นต้น
ดูแลความสุขสบาย ช่วยเหลือให้ไปห้องน้ำได้ทัน เพราะส่วนมากจะกลั้นอุจจาระไม่ได้ จัดท่าให้สุขสบายขณะขับถ่าย ควรให้นั่งถ่ายบนโถส้วม ไม่ควรนั่งยอง ๆ ช่วยเหลือทำความสะอาดหลังการขับถ่ายด้วยการชำระด้วยน้ำและซับให้แห้งทุกครั้ง ดูแลผิวหนังบริเวณทวารหนักและฝีเย็บให้สะอาดแห้งอยู่เสมอ ให้นอนพักบนเตียง ให้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ (ถ้ามี)
ความหมาย ท้องเสีย
ท้องเสีย หรือ อุจจาระร่วง (Diarrhea) เป็นอาการถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำมากกว่าปกติ หรือในบางครั้งถ่ายเป็นมูกปนเลือด มักเกิดจากการติดเชื้อหรือภาวะอาหารเป็นพิษ หลังจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไป โดยอาการจะเกิดขึ้นในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ในบางรายอาจอาการเรื้อรังเป็นเวลานาน ซึ่งอาจเกิดจากโรคอื่น ๆ ได้ เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Inflammatory Bowel Disease: IBD) หรือโรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome: IBS)
อาการท้องเสีย
อาการของโรคที่พบได้บ่อย จะมีการถ่ายอุจจาระเหลว ถ่ายเป็นน้ำมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป ถ่ายบ่อยกว่าปกติของแต่ละคน หรือถ่ายเป็นมูกปนเลือด 1 ครั้งหรือมากกว่านั้นภายใน 24 ชั่วโมง ในบางรายอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ อ่อนเพลีย รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว และมีไข้
สาเหตุ
ท้องร่วงชนิดเฉียบพลัน เกิดจาก
การติดเชื้อ ซึ่งพบได้บ่อยกว่าสาเหตุอื่นๆ อาจเกิดจากเชื้อไวรัส บิด ไทฟอยก์ อหิวาต์ มาลาเรีย พยาธิบางชนิด เช่น ไทอาร์เดีย พยาธิแส้ม้า
อาหารเป็นพิษ โดยการปะปนของเชื้อโรคที่อยู่ในอาหาร
สารเคมี เช่น สารตะกั่ว สารหนูไนเตรท ยาฆ่าแมลง ทำให้อาเจียน ปวดท้องรุนแรง และชักร่วมด้วย
ยา เช่น ยาถ่าย ยาระบาย ยาปฏิชีวนะ
พืชพิษ เช่น เห็ดพิษ กลอย
ท้องร่วงเรื้อรัง
หมายถึง การที่มีอาการท้องร่วงติดต่อกันเกิน 3 สัปดาห์ หรือเป็นๆ หายๆ นานหลายๆ เดือน หรือเกือบทั้งปี ทั้งที่ร่างกายยังแข็งแรงดี อาจเกิดจากปัจจัย ดังนี้
อารมณ์ ความเครียด
การติดเชื้อ เช่น บิด อะมีบา วัณโรคลำไส้ และพยาธิแส้ม้า
โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน คอพอกเป็นพิษ
ขาดน้ำย่อย สำหรับย่อยน้ำตาลที่อยู่ในนม จึงทำให้เกิดอาการท้องเสียหลังดื่มนม
ความผิดปกติของการดูดซึมอาหารที่ลำไส้
เนื้องอก มะเร็งลำไส้ หรือมะเร็งตับอ่อน
ยา เช่น รับประทานยาถ่าย หรือยาลดกรดเป็นประจำ
สาเหตุอื่นๆ เช่น ผ่าตัดกระเพาะอาหาร ทำให้การย่อยอาหารผิดปกติ การฝังแร่อาจทำให้เกิดอาการท้องเดินเรื้อรังได้
อาการแทรกซ้อน
อาการที่สำคัญคือ ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการช็อก ภาวะเลือดเป็นกรด ภาวะเกลือแร่ในร่างกายต่ำ
ภาวะขาดน้ำแบ่งได้ 3 ระดับ ดังนี้
ภาวะขาดน้ำเล็กน้อย ผู้ป่วยจะกระหายน้ำ และอ่อนเพลียเล็กน้อย ชีพจรและความดันโลหิตปกติ
ภาวะขาดน้ำปานกลาง ผู้ป่วยจะอ่อนเพลียมาก ตาลึก ปากแห้ง ผิวหนังเหี่ยว ชีพจรเบาแต่เร็ว ความดันโลหิตต่ำ
ภาวะขาดน้ำรุนแรง ผู้ป่วยจะอ่อนเพลียมาก ลุกนั่งไม่ได้ ไม่ค่อยรู้สึกตัว กระสับกระส่าย ตัวเย็น มือเย็น เท้าเย็น ความดันต่ำมาก ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย ปากแห้ง ลิ้นแห้ง หายใจเร็ว
แนวทางการรักษา
ยาแก้ท้องเสีย
คุณสามารถรับประทานยาแก้ท้องเสียเหล่านี้เพื่อบรรเทาอาการ หรือแก้ท้องเสียแบบฉับพลันได้ หากมีอาการท้องเสียไม่รุนแรง และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
Bismuth subsalicylate (Pepto-Bismol และ Kaopectate)
Loperamide (Imodium)
สมุนไพรแก้ท้องเสีย
ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออันเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย เช่น เชื้ออีโคไล อหิวาตกโรค แก้ท้องร่วง เป็นยาธาตุ บำรุงกำลัง เมื่อเกิดอาการท้องเสียจะทำให้ลำไส้บีบตัว ซึ่งสารในฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ลดการบีบหรือหดเกร็งตัวของทางเดินอาหาร
กล้วยน้ำว้าดิบมีสารแทนนินซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เพียงนำผงกล้วยน้ำว้าดิบมาชงดื่มก็จะช่วยแก้อาการท้องร่วง แก้ท้องเสียได้
หญ้าหวาน ผู้ที่มีอาการท้องเสีย ท้องร่วง ถ่ายเหลว สามารถดื่มชาหญ้าหวานเพื่อทดแทนเกลือแร่ในผู้ที่ขาดน้ำเพื่อรักษาอาการท้องร่วง อีกทั้งยังช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลียจากภาวะขาดน้ำ
น้ำมะพร้าวมีเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายค่อนข้างสูง ดื่มน้ำมะพร้าวแล้วร่างกายสามารถดูดซึมเอาเกลือแร่ และกลูโคสในน้ำมะพร้าวไปใช้ได้ทันที น้ำมะพร้าวจึงช่วยลดอาการอ่อนเพลียจากการสูญเสียน้ำไปกับการขับถ่ายได้ นอกจากนี้ในน้ำมะพร้าวยังมีสารที่มีคุณสมบัติขับสารพิษออกจากร่างกาย
ท้องผูก
ปัญหาของท้องผูก
มิใชปัญหาที่พบเฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้นแต่เป็นปัญหาที่อยูใ่นระดับกว้าง พบได้ในคนทุกเพศ ทุกวัส่วนใหญ่มักมีอาการผู้ที่ไม่รุนแรงผู้ที่มีปัญหาท้องผูกมักจะดําเนินวิธีการแก้ไขในรูปแบบที.แตกต่างกันไปเช่น การหาอาหารหรือผลไม้บางชนิดมารับประทาส่วนใหญ่มักมีอาการผู้ที่ไม่รุนแรงผู้ที่มีปัญหาท้องผูกมักจะดําเนินวิธีการแก้ไขในรูปแบบที.แตกต่างกันไปเช่น การหาอาหารหรือผลไม้บางชนิดมารับประทานแล้วทำให้อุจจาระออกมา
ความหมาย
การถ่ายอุจจาระเป็นเรื่องยาก ต้องเบ่งและใช้เวลานาน อุจจาระมีลักษณะแข็งมาก รวมถึงหลังจากถ่ายเสร็จแล้วยังปวดท้องและมีความรู้สึกว่าถ่ายไม่หมด นอกจากนี้การถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็ถือว่ามีอาการท้องผูกเช่นกัน เนื่องจากกระบวนการย่อยอาหารตั้งแต่ต้นจนถึงการถ่ายอุจจาระ ใช้เวลาประมาณ 1–3 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของอาหาร การดื่มน้ำ ออกกำลังกาย และร่างกายของแต่ละคน ส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 1 วัน ถ้าไม่ถ่าย อุจจาระจะถูกเก็บไว้ในลำไส้ใหญ่ เมื่อสะสมมากขึ้น ทำให้อุจจาระแข็งและถ่ายด้วยความลำบาก
สาเหตุ ผู้สูงวัยจึงท้องผูก
นอกจากระบวนการย่อยทำหน้าที่ลดลง ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ที่มีปัญหาท้องผูกมักเกิดจากปัจจัยร่วมหลายอย่าง ดังนี้
ปัญหาเรื่องฟันและช่องปาก หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอาจสร้างปัญหาการเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียด ส่งผลให้ท้องอืดเฟ้อหลังอาหาร จนทำให้ไม่อยากรับประทานอาหารเพื่อเลี่ยงปัญหาดังกล่าว
ดื่มน้ำน้อย ผู้สูงอายุกับปัญหาปัสสาวะเล็ดหรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เป็นของคู่กัน หลายท่านจึงเลือกที่จะดื่มน้ำน้อยหรือไม่ดื่มระหว่างวันเลย อาการท้องผูกจึงเป็นปัญหาที่ตามมา
ขาดการออกกำลังกาย การเคลื่อนไหวร่างกายในผู้สูงอายุเป็นเรื่องยาก อาจเนื่องด้วยกลัวการพลัดตกหกล้ม หรือบางกรณีที่มีอาการป่วยจากโรคเรื้อรัง รวมถึงไม่เห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย
อาการป่วยเรื้อรัง และได้รับยาบางชนิด ส่งผลให้มีอาการท้องผูก
มีความเครียด หรือมีนิสัยกลั้นอุจจาระ
รับประทานอาหารที่มีใยอาหารไม่เพียงพอ เนื่องจากกากใยอาหารมักเคี้ยวยาก มีความเหนียว ยากต่อการเคี้ยวบด ผู้สูงอายุจึงมักเลือกรับประทานอาหารนิ่มที่ขาดใยอาหาร
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมช่วยให้ถ่ายคล่อง
หากมีปัญหาช่องปากและฟัน ผู้สูงอายุควรได้รับการรักษาเพื่อช่วยให้การเคี้ยวอาหารง่ายขึ้น และช่วยให้การรับประทานอาหารมีรสชาติมากขึ้น
ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว โดยแบ่งดื่มทั้งวัน
รับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เพื่อเพิ่มกากใยให้อุจจาระคล่องขึ้น
ออกกำลังกายเบาๆ เหมาะสมกับสภาพร่างกาย เช่น เดินเล่นหลังรับประทานอาหาร หรือแกว่งแขนยามเช้า จะช่วยให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว ช่วยในเรื่องการขับถ่ายได้ดีขึ้น
ทำจิตใจให้แจ่มใส ฝึกขับถ่ายเป็นเวลาทุกวัน และไม่ควรใช้ยาระบายในผู้สูงวัยนานจนติดเป็นนิสัยทำให้ไม่สามารถขับถ่ายด้วยตัวเอง
ปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนยาที่อาจมีผลทำให้ท้องผูก
อาการแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อน
1.ท้องผูกอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดความไม่สุขสบายในกระเพาะอาหาร ทวารหนัก
2.อาจทำให้เกิดภาวะลำไส้อุดตัน เกิดโรคริดสีดวงทวารได้
3.มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
4.ทานอาหารได้น้อย
5.อาหารไม่ย่อยเกิน มีอาเจียนในผู้สูงอายุที่ให้อาหารทางสายยาง
การดูแลรักษา
การรับประทานยาระบาย หรือการสวนทวารด้วยน้ำหรือน้ำยาเป็นประจำนั้น ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสม แต่เราควรจะพยายามมองลักษณะการดำเนินชีวิตของเรา ว่ามีอะไรที่ควรจะแก้ไข ทำให้อาการท้องผูกดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้ยา ดังนี้
ปรับเปลี่ยนลักษณะการรับประทานอาหาร ควรมีการปรับแต่งอาหารของผู้สูงอายุให้ประกอบด้วยผัก และผลไม้มากขึ้น ถ้าผู้สูงอายุมีปัญหาเรื่องฟัน ควรเลือกผักที่นิ่ม เช่น ตำลึง ถั่วงอก ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง ผักกาดขาว และปรุงให้นิ่ม ผักที่เป็นหัวหรือเป็นผล เช่น ไชเท้า ฟักเขียว น้ำเต้า ก็สามารถนำมาปรุงอาหารให้นิ่มได้โดยง่าย
ดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ประมาณ 6 - 8 แก้วต่อวัน
ฝึกการขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา และอย่ากลั้นอุจจาระ
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน
นางสาวจณิสตา สายคำ เลขที่11 ห้อง B