Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลแบบองค์รวมในทารกแรกเกิดที่มีภาวะเสี่ยงและปัญหาสุขภาพ, นายอนุพงศ์…
การพยาบาลแบบองค์รวมในทารกแรกเกิดที่มีภาวะเสี่ยงและปัญหาสุขภาพ
ก้อนบวมโนที่ศีรษะ (Caput succedaneum)
สาเหตุ
เกิดจากการคั่งของของเหลวระหว่างชั้นหนังศีรษะกับเยื่อหุ้มกะโหลก ก้อนบวมข้ามรอยต่อ ขอบเขตไม่ชัดเจน
แรงดันที่กดลงบนศีรษะขณะคลอด ทำให้ของเหลวซึมออกมา
V/E
วินิจฉัย
คลำศีรษะทารกแรกเกิด พบก้อนบวมนุ่ม กดบุ่ม ไม่เจ็บ เคลื่อนไหวได้ พบทันทีหลังคลอด
อาการและอาการแสดง
พบได้บริเวณด้านข้างของศีรษะ
ศีรษะยาวกว่าปกติ
แนวทางการรักษา
หายได้เอง ประมาณ 3 วัน ขึ้นอยู่กับขนาด
ก้อนโนเลือดที่ศีรษะ
(Cephalhematoma )
คั่งใต้เยื่อหุ้มกะโหลกศีรษะ มีขอบเขต ไม่ข้ามรอยต่อ
สาเหตุ
คลอดยาวนาน
ศีรษะทารกถูกกดจากช่องคลอด
V/E
ภาวะแทรกซ้อน
ก้อนใหญ่อาจเกิดการติดเชื้อจากการดูดเลือดออกจากก้อน
วินิจฉัย
ซักประวัติเคยใช้ V/E หรือคลอดนาน
ตรวจร่างกายพบก้อน
อาการและอาการแสดง
เห็นชัดเจนใน 24 ชม.
ขอบเขตชัดเจน
ก้อนสีคล้ำ หรือสีดำ
แนวทางการรักษา
ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนก้อนหายเอง
ก้อนใหญ่ดูดออก
เลือดออกใต้เยื่อบุนัยน์ตา
( Subconjunctival hemorrhage )
สาเหตุ
มารดาคลอดยาก
ศีรษะถูกกด
วินิจฉัย
พบมีเลือดออกใต้เยื่อบุนัยน์ตาทารก
แนวทางการรักษา
หายไปได้เองโดยไม่ต้องการการรักษา ใช้ระยะเวลา 2 –3 สัปดาห์
เส้นประสาทที่มาเลี้ยงใบหน้า บาดเจ็บ (Facial nerve palsy )
สาเหตุ
ได้รับบาดเจ็บจากการคลอด โดยเฉพาะในรายที่คลอดยาก
พยาธิสรีรภาพ
มารดามีภาวะคลอดยากหรือทารกได้รับบาดเจ็บจากการ คลอด ทําให้เนื้อเยื่อเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ของใบหน้าทารกถูกทําลาย กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าและรอบดวงตาทํางานผิดปกติ
ภาวะแทรกซ้อน
กระจกตาเป็นแผล ( corneal ulcer ) ที่ตาของทารกข้างที่ กล้ามเนื้อหน้าเป็นอัมพาต
การวินิจฉัย
การซักประวัติ ได้ประวัติการคลอดว่า มารดามี ระยะที่ 2 ของการคลอดยาวนานหรือมารดาคลอด โดยใช้คีมช่วยคลอด
การตรวจร่างกาย พบอาการและอาการแสดง ของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ได้รับบาดเจ็บ
อาการและอาการแสดง
กล้ามเนื้อใบหน้าข้างที่เส้นประสาทเป็นอัมพาตจะอ่อนแรงไม่สามารถเคลื่อนไหวหน้าผากข้างที่เป็น อัมพาตให้ย่นได้
ไม่สามารถปิดตาได้
มุมปากจะเบี้ยว ไม่สามารถเคลื่อนไหว
กล้ามเนื้อจมูกแบนราบ
ใบหน้าสองข้างของทารกไม่สมมาตรกัน
แนวทางการรักษา
•ไม่มีการรักษาเฉพาะ
•ส่วนใหญ่อาการจะหายไปได้เอง
•แต่ควรหยอดนํ้าตาเทียมให้เพื่อป้องกันจอตาถูกทําลาย
อัมพาตที่แขน
(Brachial plexus palsy)
สาเหตุ
ทําคลอดไหล่ที่รุนแรง
ทําคลอดท่าศีรษะผิดวิธี เช่น ทําคลอดโดย การเหยียดศีรษะและคอของทารกอย่างรุนแรง
1.Erb–Duchenneparalysis
เส้นประสาทคู่ที่ได้รับบาดเจ็บ คือเส้นประสาทคอคู่ที่ 5 และ 6 (cervical nerve 5 –6) กล้ามเนื้อที่ได้รับการกระทบกระเทือน คือกล้ามเนื้อ ต้นแขน (deltoid) biceps และ brachioradialis
•ทารกที่มีภาวะ Erb–Duchenneparalysis •แขนข้างที่ได้รับบาดเจ็บอ่อนแรงทั้งแขน •ไม่สามารถขยับหรือยกแขนพ้นที่นอน •ต้นแขนอยู่ในท่าชิดลําตัว(adduction)บิดเข้าด้านใน ข้อศอก เหยียด แขนส่วนล่างอยู่ในท่าควํ่า ข้อมืองอ •ไม่มีอาการผวา (mororeflex)เมื่อตกใจ ทารกสูญเสีย biceps และ radial reflex •ยังกํามือ(grasp reflex)ได้
2.Klumpke’ s paralysis
เส้นประสาทคู่ที่ได้รับบาดเจ็บ คือเส้นประสาทคอคู่ที่ 7,8 และ เส้นประสาทที่มาเลี้ยงทรวงอกคู่ที่ 1 (C7,8 –T1)
ทําให้ทารกมีข้อมืองอ
มือบิดเข้าใน
Horner’s syndrome
•Klumpke’sparalysis •กล้ามเนื้อด้านใน (intrinsic muscles) ของมือข้างที่ ประสาทได้รับบาดเจ็บอ่อนแรง ทําให้ไม่สามารถกํามือได้ •แต่ยังมีอาการผวา biceps และ radial •มีปฏิกิริยาสะท้อนกลับ (reflex) ได้ •ทารกอาจมี Horner’s syndrome ถ้า sympathetic fiber ของเส้นประสาทคู่ที่มาเลี้ยง กล้ามเนื้อหน้าอกคู่ที่ 1 ได้รับบาดเจ็บ
3.Combined หรือ Total brachial plexus injury
ส้นประสาทคู่ที่ได้รับบาดเจ็บ คือเส้นประสาทคอคู่ที่ 5 เส้นประสาทที่มาเลี้ยงทรวงอกคู่ที่ 1 (C5 –T1) ถ้าเส้นประสาทคอคู่ที่ 3 และ 4(C3 –C4) ถูกทําลายร่วมด้วย ทําให้มีอัมพาตกระบังลม (paralysis of diaphragm)
การรักษา
ให้เริ่มทํา passive movement รอจนกว่าทารกอายุ 7 –10 วัน
ให้แขนอยู่นิ่ง (partial immobilization)
ยึดแขนไว้ในท่าหัวไหล่ทํามุม 90 องศากับลําตัว หมุนแขนออกด้านนอก แขนส่วนล่างอยู่ในท่าหงาย และฝ่ามือหันเข้าหาใบหน้า
อัมพาตของแขนส่วนล่างหรือมือต้อง ดามแขนส่วนนั้นในท่าปกติและให้กําผ้านุ่ม ๆ
อัมพาตทั้งแขนให้การรักษาเช่นเดียวกัน แต่ควร นวดเบา ๆ และให้ออกกําลังแขน
กระดูกไหปลาร้าหัก
(Fracture clavicle)
กระดูกไหปลาร้าหัก
•มีอัมพาตเทียม (pseudoparalysis)
•ไม่เคลื่อนไหวแขนข้างที่กระดูกไหปลาร้าหัก(ไม่มี mororeflex)
•คลําบริเวณที่หักได้ยินเสียงกรอบแกรบ (crepitus) และไม่เรียบ
•กล้ามเนื้ออก กล้ามเนื้อไหปลาร้าและกล้ามเนื้อกกหู (sternocleidomastiodmuscle) หดเกร็ง
ข้อสะโพกเคลื่อน (hip dislocation)
•หัวกระดูกขาหลุดออกจากเบ้ากระดูกสะโพก
•เส้นเอ็นถูกยืดออกเป็นผลทําให้หัวกระดูกต้นขา ถูกดึงรั้งสูงขึ้น
อาการและอาการแสดง
ทารกมีขาบวม ขายาวไม่เท่ากัน มีข้อจํากัดในการเคลื่อนไหวหรือไม่มีการ เคลื่อนไหวขาข้างที่มีการเคลื่อนของข้อสะโพก และเมื่อจับ ให้เคลื่อนไหวหรือหมุนขาทารกจะร้อง
การรักษา
อยู่นิ่ง อย่างน้อย 2 –4 สัปดาห์
กระดูกไหปลาร้าหัก โดยให้แขนและไหล่ด้านที่กระดูกไหปลา ร้าหักอยู่นิ่ง พยายามไม่ให้เคลื่อนไหว
กระดูกต้นแขนเดาะใช้ผ้าตรึงแขนติดลําตัว
ถ้าหักแยกจากกัน (complete fracture) รักษาด้วยวิธีการใช้แรงดึง กระทําบนผิวหนังโดยตรง (skin fracture) โดยการดึงให้ขาเหยียดตรง ห้อยขาให้ก้นและสะโพกลอยจากพื้นเตียง (Bryant’ traction) นาน 2 –3 สัปดาห์
จับให้ทารกนอนในท่างอข้อสะโพกและกางออก (human position) อย่างน้อย 1 –2 เดือน
นายอนุพงศ์ วิชัยวุฒิ เลขที่ 87 ชั้นปี 3