Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ, นางสาว สโรชา ยาวิใจ เลขที่35…

- - - - เพื่อช่วยขยายท่อทางเดินหายใจให้อากาศเพียงพอต่อร่างกาย
  - - - (sternal retraction)
    - - (costal retraction)
    - - (subcostal retraction)
        
        ส่วนใหญ่จะเจอ
- - - - croup
      - acute laryngitis
      - laryngotracheitis
      - laryngotrachebronchitis
  - - - อาจเกิดจากเสมหะอุดตัน
      - เยื่อบุทางเดินหายใจบวม
      - หลอดลมบีบเกร็งจากภาวะภูมิแพ้
- - - - เสมหะมากขึ้น
        
        มีการทำลายเซลล์เยื่อบุหลอดลมและทำลาย Cilia
        
        เสมหะมีปริมาณมากและเหนียวข้น
        
        อากาศเย็น การพัดโพกของ cilia จะไม่มี
        ประสิทธิภาพ
        
        การไออย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นกลไกที่จะช่วยป้องกันไม่ให้มีการคั่งค้างของเสมหะ
        
        ทำไมด้องเพิ่มน้ำในผู้ป่วยที่มีเสมหะ
        
        ให้ความชุ่มชื้นต่อทางเดินหายใจ
        
        ทำให้เสมหะเหนียวน้อยลงขับออกได้
        
        Cilia ทำหน้ที่ในการพัดโบกได้ดีขึ้น
- - - - virus
      - Bacteria
        
        H.influenzae
        
        S.pneumoniae
        
        gr.A Streptococus
  - - - ส่วนใหญ่จะพ่น Adrenaline
        ต้องใส่ Endotracheal tube
  - - - จากมีการอุดกลั้นทางเดินหายใจ
- - - - Beta Hemolytic
      - streptococcus gr. A
  - - - สาเหตุจะเกิคจาก Coxsackie
        Virus
        
        Herpangina
  - - - ป้องกันหัวใจรูห์มาติด หรือ กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน AGN
  - - - เป็นๆหายๆ (recurrent acute tonsillitis)
        
        รบกวนคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ต้องหยุดเรียนบ่อยๆ
    - - กรน (snoring)
      - ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (obstructive sleep apnea)
    - - ควรให้เด็กนอนตะแดงไปด้านใดด้านหนึ่ง
        
        ระบายเสมหะ น้ำลายหรือโลหิตอาจมีคั่งอยู่ในปากและในคอ
      - สังเกตอาการและการปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
        
        ถ้าชีพจร 120 ครั้งนาทีเป็นเวลาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเด็กเงียบ
        
        ซีด และมีการกลืนติดต่อกันเป็นข้อบ้งชี้มีเลือดออก
        
        ทั่วไปเกิด6-8 ชั่วโมงแรก
      - เมื่อเต็กรู้ตัวดี จัดให้เด็กอยู่ในท่านั่ง 1-2 ชั่วโมง
        
        ให้อมน้ำแข็งก้อนเล็กๆ
        
        อมประมาณ 10 นาที แล้วจึง
        เอาออกประมาณ 10 นาที แล้วอมใหม่
        
        รับประทานของหลว
        
        กระเป๋าน้ำแข็งวางรอบคอ
      - ส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้หลังผ่าตัด 24-48 ชั่วโมง
        
        ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อน
        
        มีแผลที่ผนังในคอทั้งสองข้ง อาจเห็นเป็นฝ้าสีขาว
        
        บริเวณของต่อมทอนซิลทั้งสองข้างหายเองภายใน 7-14 วัน
        
        เลี่ยงการแปรงฟื้นเข้าไปในช่องปากลึกเกินไป
        
        การเล่นกีพาที่หักโหม
      - หลังการผ่าตัด 1-2 วันแรก
        
        ผนังในคออาจบวมมาก
        
        ควรนอนศีรษะสูง โดยใช้
        หมอนหนุน
- - - - ทำให้กิดการบวมของเยื่อบุในโพรงอากาศ
        
        ส่งผลทำให้เกิดภาวะอุดตันช่องระบายของโพรงอากาศข้งจมูก
        
        (osteomeatal complex)
        
        เกิดการคั่งของสารดัคหลั่ง
        
        ความดันโพรงอากาศเป็นลบ
        
        เมื่อมีอาการจาม สูดหรือสั่ง
        
        น้ำมูกจะทำให้เชื้อแบคที่เรียที่บริเวณ nasopharynx มีโอกาสเข้าไปในโพรงอากาศข้งจมูกได้ง่าย
      - ทำให้การทำงานของเซลล์ขนกวัด cilia ผิดปกติ
      - มีสารคัดหลั่งออกมามาก และมีความหนืดมากขึ้น
  - - - น้ำมูกใสหรือขั้นเขียวเป็นหนอง
      - หายใจมีกลิ่นเหม็นปวดบริเวณหน้ำผากและหัวคิ้วมาก
      - อาการ Acute
        จะรุนแรงกว่า Chronic
  - - - เฉพาะเรื้อรังมีสาเหตุนำมาจากโรคยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้
      - เยื่อบุจมูกบวม ไม่แนะนำให้ใช้
    - - การทำความสะอาดโพรงจมูก
        
        ป้องกันการลุกลามของเชื้อโรคจากจมูกและไซนัสไปสู่ปอด
        
        ลดจำนวนเชื้อโรค
        
        ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
        
        บรรเทาอาการคัดแน่นจมูก
      - ล้างด้วยน้ำเกลือ0.9% NSS
        
        ลดความหนียวของน้ำมูกและทำให้เชื้อโรคไม่เจริญเติบโต
- - - - มีปฏิกริยาตอบสนองต่อสารภูมิเพ้มากกว่าปกติ
        
        การมีความไวต่อสิ่ง
        กระตุ้น Bronchial hyper-reactivity
        
        ทำให้เกิดพยาธิสภาพ 3 อย่างคือ
        
        ทำให้หลอดลมหดเกร็งตัว(Brochospasm)
        
        ทำให้หลอดลมตีบแคบลง (Stenosis) เยื่อบุภายในหลอคลม บวม ขึ้น
        
        สร้างเมือกเหนียวจำนวนมาก (Hypersecretion)
        
        การดูแล
        
        ให้ยาขยายหลอดลม
        
        ได้รับออกซิเจน ให้พักเพื่อลด activity
        
        ได้ยาลดอาการบวม เช่น Dexa ซึ่งเป็นยา Steroid
        ในรายที่มีเสมหะ
        
        จะไม่ใช้วิธีการเคาะปอดทำให้หลอดลมเกิดการหดเกร็งมากขึ้น
  - - - ร่างกายขาดออกซิเจนมาก
        ขึ้น ก็เกิดอาการหอบมาก ปากซีดเขียว ใจสั่น
  - - - เริ่มไอ และหรือ มีเสียงวี้ด
        
        แต่ยังเล่นชนได้ตามปกดิ
        
        และทานอาหารได้ตามปกติ การนอนยังปกติ
    - - ตื่นกลางคืนบ่อย
        
        วิ่งล่นชนไม่ค่อยได้
        
        ขณะเล่นมักไอ มีเสียงWheezing ไปด้วย
    - - กระสับกระส่ายจนนอนไม่ได้เล่นซนไม่ได้
        
        เหนื่อยหอบจนพูดหรือกินอาหารไม่ได้
      - รอบริมฝีปากเป็นสีเขียว กรณี
        อย่างนี้ต้องส่งโรงพยาบาล
  - - - ยาขยายหลอดลม ( Relievers )
        
        ชนิดพ่น
        
        ให้ผลได้เร็ว
        
        หายใจโล่งขึ้น เพราะไปขยายกล้ามเนื้อเล็กๆ หายใจโล่งขึ้นภายในหลอดลมที่หดเกร็ง
        
        ใช้เมื่อปรากฏอาการหอบ ได้แก่ ventolin
        
        บางรายอาจได้รับยาพ่นกลุ่ม Corticosteroids
        
        Flixotide Evohaler
        
        Serotide
        
        ชนิดรับประทาน
      - ยาลดการบวม (Steroid)
        
        ใช้เพียงระยะสั้นๆ คือ 3-5 วัน
        
        ป้องกันไม่ให้
        โรครุนแรงขึ้น
        
        ระยะสั้นจะไม่มีผลข้างเคียงในเด็ก
        
        Dexa , Hydrocortisone
        
        ภายใต้แผนการรักษาของแพทย์เท่านั้น
  - - - อันตรายต่อปอดที่กำลังเจริญเติบโตของเด็ก
        
        เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืดได้
    - - ผึ่งแดดบ่อยๆ
        
        ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
    - - ไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้าห้องนอน
    - - ถ้าควบคุมได้ดีจะไม่มีปัญหา
    - - มีผลต่อการ
        พัดโบกของ Cilia
  - - - ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดถูเพราะจะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตที่ผนังของ Spacer
        
        เวลาพ่นขา ยาจะไปเกาะกับผนัง
        ของ Spacer ส่งผลให้ยาจะเข้าผู้ป่วยน้อยลง
      - ต้องสอนผู้ป่วยให้พ่นยาทิ้ง 1 ครั้ง เพื่อให้ยาจับผนังของ Spacer ก่อน
- - - - เกิดอาการ
        อักเสบ บวม และมีการคั่งของเสมหะ
        
        เกิดการอุดกั้นของหลอดลมฝอย
        
        เกิด Atelectasis
  - - - น้ำมูกใส จาม เบื่ออาหาร
      - ต่อมาเริ่ม ไอเป็นชุดๆ ร้องกวน หายใจเร็ว หอบ
        
        ปีกจมูกบาน ดูดนมหรือน้ำได้น้อย หรือไม่ได้เลย
  - - - ยาต้านการอักเสบ
        (Corticosteroid )
      - ยาขยายหลอดลม
    - - ดูแลเสริมสร้างภูมิต้านทานให้อาหารที่มีประโยชน์
- - - - เสมหะอ่อนตัว
      - ขับออกได้ง่าย
      - ช่วยลดไข้
    - - แลกเปลี่ยน
        ออกซิเจนเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - - ยาขยายหลอดลม ยาขับเสมหะ ยาฆ่าเชื้อ
  - - - เป็นปัญหาสำคัญจำเป็นต้องดูแลแก้ไข
        
        เด็กโต
        
        สอนการไออย่างถูกวิธี
        
        กระตุ้นให้ดื่มน้ำมากๆ
        
        เสมหะอยู่ลึกให้ Postural drainage
        
        โดยการเคาะปอดและ Suction เพื่อป้องกันภาวะปอดแฟบ (Atelectasis)
        
        เสมหะถูกดูดออก
        จากหลอดลมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
        
        จัดให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง
        
        นอนทับข้างที่มีพยาธิสภาพเพื่อให้ปอด
        ข้างที่ดีขขายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- - - - จัดให้ส่วนของปอดที่ต้องการระบาย อยู่
        เหนือกว่าหลอดลม และปาก
        
        ทำให้เสมหะไหลออกจากหลอคลมเล็กสู่
        หลอดลมใหญ่
        
        ขับออกโคยกระตุ้นให้ผู้ป่วยไอ suction
  - - - cupped hand
    - - เพื่อป้องกันการสำลักและอาเจียน
  - - - จังหวะการหายใจเข้าเต็มที่ และกำลังหายใจออก
- - - - ง่ายต่อการระบายออกจากปอด
  - - - ปริมาณยาจะเข้าสู่ปอดน้อยลง
    - - particle อุุณหภูมิคงที่
    - - เพื่อไม่ให้ยาตกค้างในกระเปาะมาก
        
        พ่นจนกว่ายาจะหมด ใช้เวลา 10 นาที
  - - - เปิดออกซิเจน
        flow rate 5-10 lit/min ไม่ควรให้น้อยกว่า 5 lit/min
        
        ป้องกันการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ในmask
  - - - ไม่ควรปรับการไหลของออกซิเจนที่สูงเกินไป
        
        จะทำให้เยื่อจมูกแห้ง และเกิดการระคายเคืองได้
  - - - วางครอบศีรษะเด็กเหมาะกับทารกแรก
        เกิดและเด็กเล็ก
    - - ควรเปิดออกซิเจนอย่างน้อย 7
        lit/min
        
        ถ้าเป็นของทารกที่ใช้ Hood เล็ก การเปิดออกซิเจนไม่จำเป็นต้องมาก
        
        สามารถปิค 3-5 lit/min ไม่ควรลด flow rate ลงเหลือน้อยกว่า 3 lit/min
        
        เพื่อป้องกันการคั่งของกาซคาร์บอนไดออกไซค์