Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การบำบัดโดยหัตถการ เรื่อง CPR, นางสาวพนิตนันท์ รัตนกุสุมภ์ เลขที่ 39 -…
การบำบัดโดยหัตถการ
เรื่อง CPR
CPR หรือ Cardiopulmonary resuscitation
คือ
การปฏิบัติการเพื่อช่วยฟื้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดที่หยุดทำงานอย่างกระทันหัน เพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นเองได้ตามปกติโดยไม่เกิดความพิการของสมอง
จะทำ CPR เมื่อ ?
เมื่อพบ Cardiopulmonary Arrest
คือ
หมดสติ เรียกไม่ตอบสนอง เกิดขึ้นหลังจากหัวใจหยุดทำงาน 3-6 วินาที
ไม่หายใจ หรือหายใจกระตุกนานๆครั้ง
คลำชีพจรที่คอ หรือที่ขาหนีบไม่ได้ และฟังเสียงหายใจไม่ได้
ผิวหนังซีด เขียวคล้ำ
ม่านตาขยาย (หลังหัวใจหยุดเต้น 45 วินาที)
แบ่งเป็น 2 ระดับ
การช่วยชีวิตขั้นสูง Advanced Cardiovascular Life Support (ACLS.)
การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน Basic life Support (BLS.)
เกณฑ์การประเมิน ABCDE
เป็นการตรวจระดับปฐมภูมิ (primary assesment)
A (Airway) ประเมินทางเดินหายใจโล่งหรือไม่ มีข้อบ่งชี้ในการใส่ท่อช่วยหายใจหรือไม่ ตรวจสอบท่อหายใจได้รับการผูกหรือยืดตรึงและอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมบ่อยๆ
B (Breating) การช่วยการหายใจและการให้ออกซิเจนเพียงพอหรือไม่ มีการประเมินค่า SpO2 & Quantitative waveform coronagraph อย่างต่อเนื่องหรือไม่
C (Circulation) การยกตัวของหน้าอกมีประสิทธิภาพหรือไม่ จังหวะของคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นอย่างไร เปิดหลอดเลือดคาแล้วหรือไม่ มีข้อบ่งชี้ในการช็อกไฟฟ้า หรือไม่ มี ROSE แล้วหรือไม่ถ้าผู้ป่วยมีชีพจรแล้ว Unstable หรือไม่ มีการใช้ยาเพื่อควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจหรือความดันโลหิตหรือไม่ ผู้ป่วยต้องการสารนำ้มากน้อยเพียงใด
D (Disability) มีการตรวจสอบและประเมินการทำงานของระบบประสาทอย่างไร Neuro Sign
E (Exposure) มีการตรวจสอบรอยโรคหรือการบาดเจ็บที่เห็นได้ทั่วร่างกาย การประเมินระดับทุติยภูมิ (secondary assesment)
หลักการช่วยเหลือฟื้นคืนชีพ
ขั้นพื้นฐาน Basic Life Support (BLS.)
C : Circulation
Chest compression
คือ
การกดหน้าอก
A : Airway
Head till, Chin lift, Jaw thrust
คือ
การเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง
B : Breathing
Mouth to mouth ventilation , pocket face mask , bag-valve mask
คือ
การช่วยหายใจ ใช้อัตราการกดหน้าอก 30 ครั้งต่อการช่วยหายใจ 2 ครั้ง (30:2)
ตามลำดับขั้นตอนเป็น C-A-B (Chest compression-Airway-Breathing)
เนื่องจากการกดหน้าอกก่อนจะทำให้มีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนสำคัญ เช่น หัวใจและสมอง โดยวิธีปฏิบัติคือ กดหน้าอก (C) 30 ครั้ง >> เปิดทางเดินหายใจ (A) >> ช่วยหายใจ (B) 2 ครั้ง = 30:2 ทำ CPR จนกว่ากู้ชีพจะมาถึง หรือจนกว่าผู้ป่วยจะรู้สึกตัว
ข้อบ่งชี้ในการทำ CPR
ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจ โดยที่หัวใจยังคงเต้นอยู่ประมาณ 2-3 นาที ให้ผายปอดทันที จะช่วยป้องกันภาวะหัวใจหยุดเต้นได้ และช่วยป้องกันการเกิดภาวะเนื้อเยื่อสมองขาดออกซิเจนอย่างถาวร
ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นพร้อมกัน ซึ่งเรียกว่า Clinical death การช่วยฟื้นคืนชีพทันทีจะช่วยป้องกันการเกิด biological death คือ เนื้อเยื่อโดยเฉพาะเนื้อเยื่อสมองขาดออกซิเจน ระยะเวลาของการเกิด biological death หลังจาก Clinical death ยังไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่โดยทั่วไป มักจะเกิดช่วง 4-6 นาที หลังเกิด Clinical death ดังนั้นการปฎิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพจึงควรทำภายใน 4 นาที
ข้อควรระวังในการทำ CPR
ต้องวางมือให้อยู่ตรงกลางหน้าอก ไม่ต้องค่อนไปทางซ้าย หรือใกล้หัวใจ เพราะอาจทำให้กระดูกซี่โครงหักได้
ต้องกดหน้าอกให้เร็วและแรง แต่อย่ากระแทก ด้วยอัตราความเร็วอย่างน้อย 100 ครั้งต่อนาที
กดลึกอย่างน้อย 2 นิ้ว หรือ 5 เซนติเมตร สำหรับผู้ใหญ่
หลังการกดแต่ละครั้งต้องปล่อยให้อกคืนตัวจนสุด เพื่อให้หัวใจรับเลือดสำหรับสูบฉีดครั้งต่อไป หากไม่ปล่อยให้หน้าอกคืนตัวจนสุด จะทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายลดลง
กดหน้าอกให้ต่อเนื่องให้ได้มากที่สุด โดยสามารถหยุดการกดหน้าอกได้ไม่เกิน 10 วินาที ในกรณีคลำหาชีพจร , มีการช็อกไฟฟ้าหัวใจ , ต้องการหยุดเพื่อใส่อุปกรณ์เปิดทางเดินหายใจขั้นสูง (ในกรณีที่ใส่ในขณะกดหน้าอกไม่ได้)
ไม่ควรใช้วิธีช่วยหายใจมากเกินไป การเปิดทางเดินหายใจไม่เต็มที่ เป่าลมมากเกินไป ทำให้ลมเข้ากระเพาะอาหาร เกิดท้องอืด อาเจียน ลมเข้าปอดไม่สะดวก ปอดขยายตัวไม่เต็มที่
ถ้ามีอาการอาเจียนเกิดขึ้นก่อน หรือ ระหว่างการทำ CPR ต้องล้วงเอาเศษอาหารออกก่อน มิฉะนั้นจะเป็นสาเหตุของ การอุดตันของทางเดินหายใจ (airway obstruction) การช่วยหายใจไม่ได้ผล เกิดการขาดออกซิเจน
นางสาวพนิตนันท์ รัตนกุสุมภ์ เลขที่ 39