Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
คางทูม (Mumps) w644 - Coggle Diagram
คางทูม (Mumps)
-
อาการและอาการแสดง
-
มีอาการปวดบริเวณข้างแก้มและใบหู อาการปวดเป็นมากขึ้นเวลาขยับขากรรไกร ต่อมน้ำลายจะบวมมากขึ้นในเวลา 1-3 วัน
-
สาเหตุ
โรคคางทูมเกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า มัมส์ (Mumps) เป็นไวรัสที่อยู่ในอากาศ สามารถแพร่กระจายได้โดยการไอ จาม เหมือนโรคหวัด หรือสัมผัสละอองของเหลวทั้งน้ำลายและน้ำมูกจากผู้ป่วยที่อาจแฝงอยู่ตามวัตถุต่าง ๆ เช่น ลูกบิดประตู โต๊ะ หรือแม้แต่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้เป็นโรคนี้ ผู้ป่วยส่วนมากจะแพร่เชื้อก่อนมีอาการบวมของต่อมน้ำลายบริเวณข้างหู 2-3 วัน โดยเชื้อไวรัสนี้จะเคลื่อนจากระบบทางเดินหายใจตั้งแต่จมูก ปาก ลำคอ ไปยังต่อมน้ำลายบริเวณข้างหูข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้าง โดยปกติแล้วโรคนี้จะมีระยะฟักตัวอยู่ที่ประมาณ 16-18 วัน แต่ในบางรายอาจมีระยะฟักตัวนานถึง 25 วัน พบมากในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยเด็กที่มีอายุ 5-9 ปี จะมีอัตราการป่วยสูงที่สุด หรือกลุ่มผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน
-
การรักษา
-
-
หลีกเลี่ยงอาหารหรือน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว เพราะกรดในน้ำผลไม้จะทำให้ต่อมน้ำลายเกิดการระคายเคือง และทำให้ปวดบวมมากขึ้นได้
รับประทานยาลดไข้จำพวกพาราเซตามอลหรือไอบูโปรเฟน และไม่ควรใช้ยาแอสไพรินกับเด็ก และบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เพราะอาจเกิดกลุ่มอาการไรย์ซินโดรม ซึ่งจะทำให้ตับและสมองบวม อาเจียน อ่อนเพลีย ชัก และหมดสติได้
-
-
ภาวะแทรกซ้อน
-
เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากไวรัส สามารถเกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสคางทูมแพร่กระจายเข้าสู่เยื่อหุ้มสมองซึ่งจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย 1 ใน 7 คน แต่จะไม่รุนแรงเท่าเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
ลูกอัณฑะอักเสบ 25% ของผู้ป่วยคางทูมในเพศชาย มักจะมีอาการบวมของลูกอัณฑะเพียงข้างเดียว ทำให้การผลิตสเปิร์มลดลง อาจส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ แต่มักไม่ถึงกับทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากในผู้ป่วย อาการนี้จะเกิดขึ้นหลังเป็นโรคคางทูมตั้งแต่ 4-8 วัน หรือบางรายอาจนานถึง 6 สัปดาห์ สามารถบรรเทาอาการลงได้ด้วยตนเองโดยการประคบร้อนหรือประคบเย็น หรือสวมใส่กางเกงชั้นในที่กระชับ
-