Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
BIRTH ASPHYXIA และการกู้ชีพ, นางสาวอมรรัตน์ ฟ้าแลบ ชั้นปีที่ 3 เลขที่ 89…
BIRTH ASPHYXIA และการกู้ชีพ
ภาวะขาดออกซิเจนในทารก
( PERINATAL ASPHYXIA)
ความหมาย
ภาวะที่สมองและส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกายขาดออกซิเจน เกิดจากปริมาณออกซิเจนในเลือดลดลง (hypoxemia) เกิดขึ้นในทารกแรกเกิดที่ไม่ร้องหรือ มีคะแนน Apgar ตํ่า รวมถึงทารกที่มีภาวะ asphyxia ด้วย
ทารกที่มี fetal distress
ภาวะ late deceleration- นํ้าครํ่ามีขี้เทา
อาการทางคลินิก
การหายใจไม่สมํ่าเสมอ /ไม่มีแรงในการหายใจ (หยุดหายใจ)/หายใจเร็ว
อัตราการหายใจช้า (bradicardia)/เร็ว (tachycardia)
ความตึงตัวของกล้ามเนื้อลดลง
ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนตํ่า
ความดันเลือดตํ่า
การวินิจฉัยภาวะ ASPHYXIA
Fetal heart rate (FHR) ที่สูงกว่าปกติหรือตํ่ากว่าปกติ
PH umbilical artery (UA pH) ในทารกแรกเกิดที่ < 7.102 เป็นสิ่งที่บอกว่าทารกอาจมีภาวะ asphyxia
Apgar scores
ภาวะที่มีขี้เทา (meconium) ในนํ้าครํ่า
การวินิจฉัยภาวะ
PERINATAL ASPHYXIA
Fetal monitoring
การประเมินลักษณะของนํ้าครํ่าจากการเจาะถุง นํ้าครํ่า
Apgar score น้อยกว่า 6
ตรวจเลือดจากสายสะดือพบ การมีภาวะ hypoxemia, hypercarbiaและ acidosis
พยาธิสรีรวิทยาเมื่อทารกมีภาวะ
ASPHYXIA
ขาดออกซิเจน
การหายใจเร็ว
การหายใจจะหยุดเรียกว่า primary apnea ส่งผล กระตุ้นการหายใจ
การเต้นของหัวใจจะลดลง
การหายใจเป็นเฮือก ๆ ไม่สมํ่าเสมอประมาณ 4-5 นาที
หายใจเบาลงและหายใจครั้งสุดท้าย (last gasp)
หยุดหายใจ+หัวใจเต้นช้าลง+ความดันโลหิตตํ่าลงระยะนี้ เรียกว่า secondary apnea ส่งผล PPV
การกู้ชีพ ทารกแรกเกิดของ NRP
แบ่งเป็น 5 ขั้นตอน
การประเมินเบื้องต้น (initial assessment)
ทางเดินหายใจ (Airway, A)
การหายใจ (Breathing, B)
การไหลเวียนเลือด (Circulation, C)
การให้ยา (Drug, D)
การกดหน้าอกเพื่อนวดหัวใจ
(CHEST COMPRESSION)
ควรประเมินการหายใจ
อัตราการเต้นของหัวใจ
ระดับออกซิเจน
ทําการกดหน้าอกเพื่อนวดหัวใจควบคู่ไปกับการช่วย หายใจต่อเนื่องไป
จนกว่าอัตราการเต้นของหัวใจจะมากกว่า 60 ครั้งต่อ นาที
ควรหลีกเลี่ยงเหตุใดๆที่อาจขัดขวางการกด หน้าอกเพื่อนวดหัวใจ
อัตราของการกดต่อการช่วยหายใจเท่ากับ 3:1
กดหน้าอกได้ 90 ครั้ง และช่วยหายใจได้ 30 ครั้ง รวมเป็น 120 ครั้ง ใน 1 นาที
ใช้เวลาห่างของแต่ละครั้งประมาณครึ่งวินาที ผู้กดต้องพูด “หนึ่ง-และสอง-และสาม-และ บีบ-และหนึ่ง-และสอง-และสาม-และ บีบ........” โดยช่วงที่นับให้กดหน้าอกไปพร้อมกัน เมื่อพูด “บีบ” ให้บีบ bag ช่วยหายใจ 1 ครั้ง ทําต่อเนื่องกันไป
อัตราการเต้นของหัวใจที่น้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที ภายหลังได้รับการช่วยหายใจด้วยออกซิเจนที่เหมาะสม นาน 30 วินาที
ตําแหน่งที่กด
กดบนกระดูกสันอกที่ 1 ส่วน 3 ทางล่างสุดของกระดูกสันอก
แรงกด
กระดูกสันอกยุบลง 1-1.5 ซม.
อัตราการกด
สมํ่าเสมอ 90 ครั้ง/นาที การนวดหัวใจ: การหายใจ = 3 : 1
กรณีที่ไม่ดําเนินการกู้ชีพ
ไม่ควรดําเนินการกู้ชีพในทารกที่มีอายุครรภ์, นํ้าหนักแรกคลอด, ความพิการที่รุนแรงหรือมี แนวโน้มที่จะเสียชีวิตสูง
ควรดําเนินการกู้ชีพ ในกรณีที่ทารกมีแนวโน้มสูง ที่จะรอดชีวิต หรือมีความพิการที่ไม่รุนแรง
ในภาวะที่พยากรณ์โรค และโอกาสรอดชีวิตที่ไม่ แน่นอน หรือกํ้ากึ่ง ความเห็นจากผู้ปกครองจะ เป็นส่วนสําคัญในการช่วยตัดสินใจ และวางแผน การดูแลรักษา
การดูแลภายหลัง RESUSCITATION
ติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
Narcan(Naloxone) (0.4 มก./มล.) ขนาดที่ใช้ 0.1 มก./กก.(0.25 ml./kg.) ทางหลอดเลือด ดํา/ET-tube/กล้ามเนื้อ/subcutaneous
Glucose ขนาดที่ใช้ 2 มล./กก./ครั้ง เข้าทาง umbilical catheter ใช้ในกรณีที่ช่วยหายใจด้วย แรงดันบวกและให้ NaHCO3แล้วยังมี bradycardiaแสดงว่าทารกมีภาวะ hypoglycemia
การประเมินความต้องการ
และการให้ออกซิเจน
ระดับออกซิเจนในกระแสเลือดที่ตํ่ากว่าปกติ ในช่วง 10นาทีแรกคลอด ไม่ได้มีผลเสียต่อทารก
โดยทั่วไปค่า oxyhemoglobinsaturation จะอยู่ที่ 70-80% ในระยะเวลาหนึ่งหลังคลอด
ส่งผลให้ทารกมีภาวะ cyanosis ได้เป็นปกติ
การให้ออกซิเจนไม่ว่าจะมากหรือน้อยจนเกินไป ล้วนแต่เป็นอันตรายต่อทารก
ขั้นตอนการดูแลเบื้องต้น
ในการกู้ชีพ
การให้ความอบอุ่น
จัดศีรษะให้อยู่ในท่า “sniffing”
ทําทางเดินหายใจให้โล่งด้วย bulb syringe หรือ suction catheter ถ้าจําเป็น
เช็ดตัวให้แห้ง
กระตุ้นให้เด็กร้อง หรือหายใจ
POSITIVE-PRESSURE
VENTILATION (PPV)
ทารกยังคงไม่หายใจ
หายใจเหนื่อย
HRน้อยกว่า 100 ครั้งต่อนาที
PPV
END-EXPIRATORY
PRESSURE
แนะนําให้ใช้ continuous positive airway pressure (CPAP) กับทารกที่สามารถหายใจได้เอง แต่ยังมีการหายใจติดขัดภายหลังการคลอด positive end-expiratory pressure (PEEP) มักถูกใช้บ่อยในการใช้เครื่องช่วยหายใจใน NICU
VIGOROUS = ตื่นตัวดี
ประเมินได้จาก 3 ลักษณะดังต่อไปนี้
คลอดครบกําหนดหรือไม่
ความตึงตัวของกล้ามเนื้อดีหรือไม่
หายใจหรือร้องดีหรือไม่
60 วินาที ทารกควรได้รับการดูแลเบื้องต้น
ประเมินซํ้า และเริ่มช่วยหายใจ การหายใจ
(ไม่หายใจ - apnea, หายใจหอบ - gasping, หายใจแรงหรือหายใจ ตามปกติ - labored or unlabored breathing)
การเต้นของหัวใจ
ฟังเสียงหัวใจเต้นที่หน้าอก (precordealpulse) จับชีพจรจากสายสะดือ
การควบคุมอุณหภูมิ
Preterm(น้อยกว่า 1,500 กรัม)
มักพบภาวะอุณหภูมิตํ่า
ปรับอุณหภูมิห้องคลอดให้อยู่ที่ 26 C ห่อทารกด้วยแผ่นพลาสติก วางทารกบนเบาะให้ความร้อน ติดตามอุณหภูมิทารกอย่างใกล้ชิด
PULSE OXIMETRY
แนะนําให้วัดระดับออกซิเจนทุกครั้ง ที่คาดว่าจะต้องทําการกู้ชีพ ให้ positive-pressure ventilation มี cyanosis เป็นเวลานาน หรือเมื่อมีการให้ออกซิเจน ตําแหน่งที่เหมาะสมในการติด probe แนะนําเป็นบริเวณข้อมือ หรือฝ่ามือ ด้านในข้างขวา (wrist or medial surface of palm)
การให้ออกซิเจน
ควรเริ่มโดยใช้ความเข้มข้นที่ room air ก่อน
หากทารกมีภาวะหัวใจเต้นช้า (น้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที)
ภายหลังการกู้ชีพด้วยออกซิเจนที่ระดับตํ่านานมากกว่า 90 วินาที
จึงค่อยปรับความเข้มข้นเป็น 100%
จนกว่าอัตราการเต้นของหัวใจจะกลับเป็นปกติ
อุปกรณ์ช่วยหายใจ
Laryngeal Mask Airway
ประสิทธิภาพของการนวดหัวใจ
การคลํา Carotid หรือ femoral pulse
ภาวะไหลเวียนของเลือดบริเวณส่วนปลาย (peripheral circulation)
ขนาดของรูม่านตา ซึ่งควรมีขนาดปานกลางหรือ หดเล็ก
ถ้าอัตราการเต้นของหัวใจไม่เพิ่ม หรือเลวลงเรื่อย ๆ แสดงว่าทารกมีภาวะ metabolic acidosis ในระดับรุนแรง
ควรแก้ไขภาวะกรดด่าง และอาจกระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจ ด้วย epinephrine
การให้ NaCHO3 ก่อนการให้ epinephrine นอกจากจะแก้ไขภาวะ metabolic acidosis แล้ว ยังช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจตอบสนองต่อ epinephrine ดีขึ้นด้วยการใช้ยา
ข้อบ่งชี้ในการให้ยา
HR <60 ครั้ง/นาที หลังให้ O2100% และช่วยนวดหัวใจนาน 30 วินาที
ไม่มีการเต้นของหัวใจ
Epinephrine
ขนาดที่แนะนําทางหลอดเลือดดําคือ 0.01-0.03 มก./กก.
ต่อการให้หนึ่งครั้ง
การให้ในขนาดที่สูงกว่าที่แนะนําอาจทําให้เกิดความดันโลหิตสูง
ลดการทํางานของกล้ามเนื้อหัวใจ
อาจส่งผลเสียต่อการทํางานของระบบประสาท หากต้องการให้
Epinephrine
ทางท่อช่วยหายใจ
อาจต้องมีการปรับ ขนาดยาให้สูงขึ้น เป็น 0.05-0.1 มก./กก. แต่ยังไม่มีการรับรอง ในแง่ของผลลัพธ์ หรือความปลอดภัยในการให้ทางช่องทางนี้ ในการให้ยาทั้ง 2 ช่องทาง แนะนําให้ใช้ epinephrine ที่ความเข้มข้น 1:10,000 (0.1 มก./มล.)
4.2% NaHCO3
(0.5 mEq/ml)
ขนาดที่ใช้ คือ 2mEq/kg.
โดยนําไปเจือจางเท่าตัวด้วย sterile water แล้ว ให้ช้า ๆ ทาง umbilical venous catheter
(ไม่ควรให้ทาง ET-tube)
แนวทางในการไม่ดําเนินการหรือ
การยุติการกู้ชีพ
แนวทางในการดูแลทารกที่อยู่ในภาวะกํ้ากึ่ง
ระหว่างความเป็นและความตายหรือในภาวะที่มีแนวโน้ม
ในการเกิดความพิการ หรือเสียชีวิตสูง มีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับข้อจํากัดด้านทรัพยากรในแต่ละพื้นที่
การยุติการกู้ชีพ
สามารถยุติการกู้ชีพได้
ในกรณีที่ทารกไม่มีการเต้นของหัวใจตั้งแต่แรกคลอด
ยังคงไม่เต้นต่อเนื่องนาน 10 นาที
หากต้องการดําเนินการกู้ชีพต่อ ควรพิจารณาเฉพาะใน กรณีที่ทราบสาเหตุ
การหยุดเต้นของหัวใจ
อายุครรภ์
ภาวะแทรกซ้อนที่ชัดเจน
ผู้ปกครองสามารถยอมรับความเสี่ยงของความพิการที่ อาจเกิดตามมาภายหลังได้
นางสาวอมรรัตน์ ฟ้าแลบ ชั้นปีที่ 3 เลขที่ 89