Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
MECONIUM ASPIRATION SYNDROME (ภาวะสําลักขี้เทา), นางสาวอมรรัตน์ ฟ้าแลบ…
MECONIUM ASPIRATION SYNDROME (ภาวะสําลักขี้เทา)
อาการแสดง
ทารกที่เป็น MAS มักเป็นทารกที่คลอดครบกําหนด หรือเกินกําหนด
มีประวัติ fetal distress
Apgar score ตํ่า
มีขี้เทาในนํ้าครํ่า (thick mecomiumstained amniotic fluid)
พยาธิสรีรวิทยาของโรค
การขาดออกซิเจนในระหว่างการคลอดทําให้ขี้เทาถูกบีบออกมาอยู่ในนํ้าครํ่า
การหายใจที่เกิดขึ้น ทําให้ทารกสําลักขี้เทานี้เข้าสู่ ทางเดินหายใจ
หากขี้เทามีขนาดใหญ่จะอุดตันหลอดลมใหญ่ ๆ ทําให้ การขาดออกซิเจนมีความรุนแรงมาก
แต่หากการสําลักก้อนเล็กๆและกระจายอยู่ทั่วไป อุดตัน ท่อลมเล็กๆ เป็นการอุดตันอย่างสมบูรณ์ทําให้เกิดภาวะ ball valve mechanism
อากาศถูกกักอยู่ในถุงลมใต้ต่อตําแหน่งที่ถูกอุดตันทําให้ บริเวณนั้นมีภาวะ hyperinflation
เกิดภาวะ pneumothorax หรือ pneumomediastinum ได้
ขี้เทาที่กระจายอยู่ทั่ว ๆไปจะทําให้เกิดภาวะปอดอักเสบ
อัตราการแลกเปลี่ยนก๊าซของถุงลมปอดและหลอดเลือดฝอยเสียไป
เกิดภาวะออกซิเจนในเลือดตํ่าลงมีคาร์บอนไดออกไซด์สูงขึ้น
ทําให้เลือดเป็นกรด
แรงดันเลือดในปอดสูงขึ้น
ทารกที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ได้แก่
ภาวะครรภ์เป็นพิษและมารดา
การคลอดนานทางช่องคลอด
ทารกคลอดที่ครรภ์เกินกําหนด
นํ้าหนักแรกคลอดตํ่า
มารดามีความดันเลือดสูงขณะตั้งครรภ์
มีนํ้าหนักมากเกินกว่าปกติขณะตั้งครรภ์
ความรุนแรง
รุนแรงปานกลาง
ทารกจะมีอาการของการกดการหายใจ
หายใจเร็ว
ช่องซี่โครงยุบลงขณะหายใจ
เขียวคลํ้า
อาการจะค่อยๆ ทวีความรุนแรง
มีความรุนแรงสูงสุดภายใน 24 ชั่วโมง
มักหายได้ภายใน 4 - 7 วันหากไม่มีอาการแทรกซ้อน
รุนแรงมาก
ทารกจะมีการหายใจล้มเหลวทันทีหลังคลอดหรือ 2 - 3 ชั่วโมงหลังคลอดอาการของกดการหายใจชัดเจน
ฟังเสียงปอดได้ rhonchi และ crackle
อาจมีอาการเลือดขาดออกซิเจนอย่างรุนแรง
ไม่ดีขึ้นเมื่อให้ออกซิเจนเนื่องจากภาวะของแรงดันเลือด
ในปอดที่สูงมาก
รุนแรงน้อย
ทารกจะหายใจเร็วเพื่อเพิ่ม minute ventilation
ทําให้ความดันคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง
ค่าความเป็นกรดเป็นด่างของเลือด
เข้าสู่ภาวะปกติ
อาการจะหายไปภายใน 24 ชั่วโม
การรักษา
เตรียมอุปกรณ์ในการดูดเสมหะและเครื่องมือในการ
ใส่ท่อช่วยหายใจและอุปกรณ์ที่ให้ออกซิเจนให้พร้อม
มีความเสี่ยงต่อการสําลักขี้เทาให้ใช้ลูกยางแดงดูดทางปากและจมูกเมื่อศีรษะทารกพ้นจากช่องคลอด
หลังจากดูดออกหมดแล้วหากทารกไม่หายใจควรให้แรงดัน บวกผ่านทางท่อช่วยหายใจ
ในรายที่มีขี้เทาที่เหนียวและปริมาณมากจะใส่ท่อช่วย หายใจและดูดขี้เทาออกทางท่อช่วยหายใจ
หลังจากนั้นจะดูดขี้เทาจากกระเพาะอาหาร โดยการดูดจาก สายยางให้อาหารผ่านทางจมูกหรือปาก
ความหมาย
การสําลักเอาขี้เทาที่อยู่ในนํ้าครํ่าเข้าปอดในทารกแรกเกิด
มีการเคลื่อนไหวของทรวงอกตื้นๆ และไม่สมํ่าเสมอ ตั้งแต่อายุประมาณ 24 สัปดาห์
มีความถี่ประมาณ 30 - 90 ครั้งต่อนาที
เมื่ออายุครรภ์ ประมาณ 34 สัปดาห์
การเคลื่อนไหวของทรวงอกจะสมํ่าเสมอ มากขึ้น
อัตราการเคลื่อนไหวจะมีค่าประมาณ 40 - 60 ครั้งต่อนาที
การเคลื่อนไหวนี้ไม่ใช่การหายใจ
การเคลื่อนไหวนี้จะทําให้ lung fluid ของทารกมี การเคลื่อนที่ใน tracheobronchial tree
ทําให้ lung fluid เคลื่อนจากถุงลมทารกสู่นํ้าครํ่าได้
ในภาวะปกติจะไม่มีนํ้าครํ่าเคลื่อนที่เข้าสู่ปอด
การขาดออกซิเจนของทารกในครรภ์เนื่องจากความ ผิดปกติของรกในการแลกเปลี่ยนก๊าซ
จะกระตุ้นให้ทารกในครรภ์มีการหายใจ (grasping respiration)
ทําให้นํ้าครํ่าเคลื่อนที่เข้าสู่ปอดทารกได้
นางสาวอมรรัตน์ ฟ้าแลบ ชั้นปีที่ 3 เลขที่ 89