Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แผลพุพอง
(Impetigo or pyoderma)
impedigo (1) ImpetigoFINAL2 , image, …
แผลพุพอง
(Impetigo or pyoderma)
:pencil2: โรคพุพองนั้นสามารถพบได้ในเด็กอายุ 2-6 ปี โดยตุ่มน้ำมักจะเกิดบริเวณใบหน้า จมูกและปาก ซึ่งเด็กอาจจะติดเชื้อนี้เด็กคนอื่นที่เป็น และเชื้อชนิดนี้สามารถแพร่กระจายจากการสัมผัสทางผิวหนัง น้ำมูก เล่นของเล่นเดียวกัน ใช้ผ้าผื่นเดียวกัน หรือนอนเตียงนอนเดียวกัน หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่เด็กอาจจะได้มีการสัมผัสทางร่างกายกัน อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ (แพทย์หญิงวิกานดา รัตนพันธ์,2563)
ภาวะแทรกซ้อน
- แผลลุกลาม ทำให้เกิด Cellulitis, Osteomyelitis, Septic arthritis พบน้อยมาก
- Acute glomerulonephitis เกิดตามหลัง impetigo ได้น้อย ร้อยละ 10-15 เด็กจะมีอาการบวมตึงๆ กดไม่บุ๋ม ปัสสาวะมีเม็ดเลือดแดงปน ความดันโลหิตสูงเป็นต้น ดังนั้นควรมีการตรวจปัสสาวะเด็กอย่างน้อย 8 สัปดาห์หลังจากเป็น impetigo
การรักษา
- โดยทั่วไปจะใช้ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน โดยเลือกยาที่มีผลต่อ penicillin - resistant Streptococcus aureus และ Streptococcus group A จึงมักเลือกใช้ semisynthetic penicillin - resistant
- Dicloxacilin วันละ 4 ครั้ง 12.5 – 25 mg/ kk/day โดยแบ่งให้ทุก 6 ชั่วโมง
- Cloxacillin วันละ 4 ครั้ง 50 - 100 mg/ kk/day โดยแบ่งให้ทุก 6 ชั่วโมง
- Erythromycin วันละ 4 ครั้ง 30 – 50 mg/ kk/day
ปัจจุบัน Streptococcus aureus ดื้อต่อยาประมาณร้อยละ 20 ในกรณีที่แพ้ penicillin
- Cephalexin หรือ Cefazolin วันละ 4 ครั้ง 25 – 50 mg/ kk/day
โดยแบ่งให้ทุก 6 ชั่วโมง ระยะเวลาที่ให้ประมาณ 7-10 วัน
- ยาปฏิชีวนะชนิดทา mupirocin (pseudomonic acid A) เป็น bactericidal activity ไม่ดูดซึมผ่านผิวหนัง
- ใช้ได้ผลทั้งต่อเชื้อ Streptococci และ Streptococcus aureus วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 7-10 วัน ได้ผลดีเท่ากับการรับประทาน Erythromycin หรือ Cloxacillin ได้ผลมากกว่าร้อยละ 90
- ผลข้างเคียงและการระคายเคืองพบน้อยมาก ใช้ได้ในเด็กทารกกับการติดเชื้อที่ผิวหนังที่เป็นบริเวณเล็กๆ
แผลพุพอง :pen:
- เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียชั้นหนังกำพร้า
-
- พบมากขึ้นในภาวะอากาศร้อนชื้น
และมีการอักเสบของผิวหนังอยู่ก่อน
- แต่หากเป็นในทารกแรกเกิดมักเกิดจากเชื้อ group B Streptococci อาจเกิดที่ผิวหนังปกติ หรือเกิดหลังจากมีบาดแผลที่ผิวหนัง แมลงกัดต่อย เป็นหิด เหา และอีสุกอีใส
- เกิดจากเชื้อ group A beta – hemolytic Streptococci (GABHS) และ Streptococcus aureus เป็นส่วนใหญ่
2 ประเภท
1. Nonbullous หรือ crusted Impetigo
- พบได้มากกว่าร้อยละ 70 ของ Impetigo ทั้งหมด
- อาจเกิดบริเวณผิวหนังที่ถูกกระทบกระแทก หรือมีโรคผิวหนังมาก่อน
- เกิดจากการติดเชื้อ group A beta – hemolytic Streptococci หรือ Streptococcus aureus หรือเป็นการติดเชื้อร่วมกัน
- ลักษณะที่พบในระยะแรกจะเกิดเป็นตุ่มน้ำใส (vesicle) และกลายเป็นตุ่มหนอง (pustule) ตกสะเก็ดกรังสีเหลือง (crust) สะเก็ดจะหลุดลอกได้ง่าย โดยไม่มีแผลเป็น
- บริเวณที่พบผื่นได้บ่อยคือ ขา ลำตัวและใบหน้า
2. Bullous lmpetigo
- มักเกิดบนผิวหนังที่ปกติมาก่อน
- ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อ Streptococcus aureus phage group II
- เป็นตุ่มน้ำตื่นๆที่ผิวหนังและมีการขยายขนาดอย่างรวดเร็ว เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. ต่อมาตุ่มน้ำใสพองขนาดใหญ่ เมื่อนานเข้าน้ำใสจะเริ่มขุ่นกลายเป็นหนอง ผนังของตุ่มน้ำจะบางแตกออกง่าย เมื่อแตกออกจะเห็นเป็นผิวหนังแดงแฉะๆมีสะเก็ด (crust) สีน้ำตาลอ่อน
- บริเวณที่พบบ่อยคือหน้า ลำตัว แขนและขา ถ้ารักษาเร็วหายแล้วจะไม่เป็นแผลเป็น
สาเหตุ
อ้างอิง (แพทย์หญิงวิกานดา รัตนพันธ์,2563)
-
การป้องกัน
- แยกผู้ป่วย อย่าให้เล่นคลุกคลีกับเด็กอื่น
เนื่องจากสามารถติดต่อทางการสัมผัส
-
- รักษาความสะอาดของร่างกาย
เครื่องนุ่งห่มและของใช้ส่วนตัว
- ตัดเล็บให้สั้นทั้งเด็กและผู้ดูแล
ป้องกันการติดเชื้อจากการเกา
- ในเด็กที่ถูกยุงหรือแมลงกัดบ่อยๆ
มีรอยเกาอาจใช้ยาปฏิชีวนะชนิดทา
- ถ้ามีเชื้อ Streptococcus aureus ที่จมูกให้ใช้ mupirocin ทาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
-
-
-
-
-
-
-
-