Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8 การพยาบาลเด้กที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ, นางสาวพรภัสส์ษา …
บทที่ 8 การพยาบาลเด้กที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ
อัตราการหายใจของเด็กแต่ละวัย มีดังนี้
ต่ำกว่า 2 เดือน ไม่เกิน 60ครั้ง/นาที
2-12 เดือน ไม่ต่ำกว่า 50ครั้ง/นาที
1-5 ปี ไม่เกิน 40ครั้ง/นาที
O2 saturation มากกว่า 95-100 เปอร์เซนต์
คำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง
เสียงการหายใจดังคล้ายเสียงคราง (stridor)
อัตราการหายใจเร็วกว่าปกติ (tachypnea)
หายใจช้ากว่าปกติ (bradypnea)
หายใจลำบาก (dypnea)
การหายใจมีปีกจมูกบาน (nasal flaring)
คือ ลักษณะการหายใจลำบาก
เพื่อช่วยขยายท่อทางเดินให้อากาศที่หายใจเข้าเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
ขณะหายใจเข้ามีการยุบลง (retraction)
ขณะหายใจเข้าจะมีการยุบลงของกระดูกหน้าอก ช่องระหว่างซี่โครง และใต้ซี่โครง
เสียงหายใจผิดปกติ
เกิดจากลมเข้าไปในท่อทางเดินหายใจที่มีความผิดปกติ ประกอบด้วย
1.stridor soundเกิดจากการตีบแคบของบริเวณกล่องเสียงหรือหลอดลม ได้ยินตอนหายใจเข้าและออก
2.crepitation sound เสียงแตกกระจาย เกิดจากลมผ่านท่อทางเดินหายใจที่มีน้ำหรือเสมหะ
3.rhonchi sound เกิดจากการไหลวนของอากาศเข้าไปในทางเดินหายใจที่ตีบแคบกว่าปกติ
4.wheezing จะได้ยินชัดในช่วงที่หายใจออก เกิดจากหลอดลมเล็กๆเกิดการบีบเกร็ง พบในผู้ป่วยโรคหอบหืด
กลไกการสร้างเสมหะ
1.กระบวนการสร้างสารมูก Mucous
2.การพัดโบกของขนกวัด cilia
3.กลไกการไอ cough reflex
เมื่อเกิดการติดเชื้อ
1.ต่อมสร้างสารคัดหลั่ง
2.มีการสร้าง mucous เพิ่มขึ้น ทำให้เสมหะเพิ่ม
3.มีการทำลายเซลล์เยื่อบุหลอดลมและทำลาย cilia
4.จำนวนcilia ลดลง
เมื่อ cilia ลดลง หมายถึงเสมหะมีปริมาณมากและเหนียวข้น ทำให้เกิดการคั่งของเสมหะที่หลอดลมเพิ่มขึ้น
การไออย่างมีประสิทธิภาพเป็นกลไกที่ช่วยป้องกันไม่ให้มีการค้างของเสมหะในหลอดลม
การดูแลผู้ป่วยที่มีเสมหะ มีดังนี้
ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ความชุมชื้นทางเดินหายใจ ทำให้สามารถขับเสมหะออกได้ดีขึ้น
ลักษณะของเสมหะ มีดังนี้
1.เสมหะเหนียว คือ เสมหะเป็นมูกคล้ายแป้งเปียก มีความยืดและเหนียวมาก
2.เสมหะไม่เหนียว คือ เป็นเมือกเหลว มีความยืดและความหนืดน้อยไม่รวมตัวเป็นก้อน
Croup กลุ่มอาการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน บริเวณกล่องเสียง เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย มีสาเหตุดังนี้
1.ฝาปิดกล่องเสียง (acute epiglottitis)
2.กล่องเสียง (acute larygitis)
3.กล่องเสียง หลอดลมใหญ่ และหลอดลมฝอยในปอด (laryngotracheobronchitis)
อาการ
1.inspiratory stridor หายใจเข้ามีเสียงฮืด
2.ไอเสียงก้อง
3.ไข้ เจ็บคอ หายใจลำบาก
4.อาการน้ำลายไหล
5.ไม่ตอบสนองต่อการพ่นยาทั่วไป
ปัญกาการพยาบาล
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะพร่องออกซิเจนเนื่องจากมีการอุดกั้นทางเดินหายใจ
tonsilits/pharyngitis
สาเหตุ
การติดเชื้อแบคทีเรียนหรือไวรัส
อาการ
ไข้ ไอ เจ้บคอ ปวดศีรษะ
ตุ่มใสหรือแผลตื้นที่คอหอย
การผ่าตัดต่อมทอนซิล
ข้อบ่งชี้
1.การติดเชื้อเรื้อรังหรือเป็นๆหายๆ
2.เจ้บคอมากเวลากลืนหรือกลืนลำบาก
3.มีอาการนอนกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
4.ในรายที่สงสัยว่าเป็น มะเร็งต่อมทอนซิล
การดูแลหลังผ่าตัด
1.นอนตะแคงด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อสะดวกต่อการระบายเสมหะ
2.สังเกตอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
3.เมื่อรุ้สึกตัวดี ให้จัดท่านั่ง 1-2 ชั่วโมง
4.อมน้ำแข็งก้อนเล็กๆ ประมาณ10 นาทีแล้วเอาออก ทำแบบนี้สลับกันไปเรื่อยๆ
5.หลักเลี่ยงการแปรงฟันที่เข้าไปในช่องปากบึกเกินไป หรือการออกแรงเล่นกีฬาหักโหม
6.รับประทานอาหารอ่อน หรืออาหารอ่อนที่เย็น
ไซนัสอักเสบ
เป็นการอักเสบของโพรงอากศข้างจมูก
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ทำให้เกิดการบวมในเยื่อบุโพรงอากาศและส่งผลทำให้เกิดการอุดตัน เกิดการคั่งของสารคัดหลั่ง
ความดันในโพรงจมูกเป็นลบ
ระยะของโรค
1.Acute sinusitis ระยะไม่เกิน 12 สัปดาห์
2.Chronic sinusitis อาการต่อเนื่องเกิน 12 สัปดาห์
การวินิจฉัย
X-ray paranasal sinus ทำในเด็กอายุเกิน 6 ปี
2.CT scan ได้ปลดีกว่าวิธีอื่น
3.การตรวจด้วยการส่องไฟผ่าน transilumination
การรักษา
1.ให้ยา antibiotic ตามแผนการรักษา
2.ให้ยาแก้ปวด ลดไข้
3.ให้ยา steroid เพื่อลดอาการบวม
4.ให้ยาแก้แพ้กับรายที่ไซนัสอักเสบเรื้อรัง
การล้างจมูก
ล้างจมูกก่อนใช้ยาพ่น จะทำให้ยาพ่นจมูกมีประสิทธิภาพดีขึ้น
ล้างจมุกวันละ 2-3 ครั้ง
ใช้น้ำ 0.9 NSS
โรคหอบหืด Asthma
เป็นภาวะที่มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม มีผลให้เยื่อบุผนังหลอดลมมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารภูมิแพ้มากกว่าปกติ
พยาธิสภาพ 3 อย่างคือ
1.ทำให้หลอดลมหดเกร็ง
2.ทำให้หลอดลมตีบแคบลง เยื่อบุภายในหลอดลมบวม
3.สร้างเมือกเหนียวจำนวนมาก ช่องทางเดินในอากาศแคบลง เกิดอาการหอบหืดขึ้น
การรักษา
1.ดูแลให้ได้รับยาขยายหลอดลม
2.ให้ได้รับออกซิเจนเพียงพอ
3.จำกัดกิจกรรมบนเตียง
4.ให้ได้รับยาลดอาการบวม Dexa
เด็กที่มีอายุ 1-2 ปี มักเกดิตามหลังอาการติดเชื้อไวรัส
เด็กวัยเรียน มักเกิดจากการมีประวัติภูมิแพ้
อาการ
1.หวัด ไอ มีเสมหะปากซีดเขียว ใจสั่นเมื่อหอบมากๆ
2.เกิดการเกร็งตัวของหลอดลม
3.อาเจียนมีเสมหะเหนัยวข้นออกมา
ระดับความรุนแรง
1.ขั้นเล็กน้อย เริ่มไอ มีเสียงวี้ดเล็กน้อย
2.ขั้นปานกลาง ตื่นกลางคืนบ่อยๆขระเล่นมักไอ
3.ขั้นรุนแรง กระสับกระส่ายจนนอนไม่ได้ เหนื่อยหอบจนพูดหรือกินอาหารไม่ได้
สิ่งที่ควรหลักเลี่ยง
1.ควันบุหรี่ เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืด
2.ตัวไรฝุ่น
3.การออกกำลังกาย
4.อากาศเย็น มีผลต่อการพัดโบกของ cilia
การใช้ babyhaler
ให้พ่นยาทิ้ง 1 ครั้ง เพื่อให้ยาจับผนังของ spacer ก่อน เพื่อให้กาารพ่นยาครั้งต่อไปยาจะเข้าผู้ป่วย
หลอดลมอักเสบ/หลอดลมฝอยอักเสบ
เกิดขึ้นจากการอักเสบและอึดกั้นของหลอดลม
เป็นการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างพบบ่อยในเด็กเล็ก
เชื้อที่พบบ่อย คือ Respiratory syncytial virus
กลไกการเกิดโรค
เชื้อไวรัสทำลายเนื้อเยื่อของหลอดลมฝอยทำให้เกิดการอักเสบ บวม และมีการคั่งของเสมหะ จนเกิดการอุดกั้น
อาการ
น้ำมูกใส เบื่ออาหาร ร้องกวน หายใจเร็ว หอบ ดูดนมหรือน้ำได้น้อยหรือไม่ได้เลย
การรักษา
1.ให้ยาลดไข้
2.ให้ยาปฏิชีวนะ
3.ยาต้านการอักเสบ
4.ยาขยายหลอดลม
5.ดูแลให้ไดเรับออกซิเจนเพียงพอ
ปอดบวม Pneumonia
สาเหตุ
สำลักสิ่งแปลกปลอม ติดเชื้อ แบคทีเรีย ไวรัส
อาการ
ไข้ ไอ หอบ ดูดน้ำ/นมน้อยลง ซึม
เกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกตัดสิน มีดังนี้
เด็กแรกเกิด อัตราการหายใจมากกว่า 60 ครั้ง/นาที
เด็กอายุ 2 เดือน- 1 ปี อัตราการหายใจมากกว่า 50 ครั้ง/นาที
เด็กอายุ1-5 ปี อัตราการหายใจมากกว่า 40 ครั้ง/นาที
การรักษา
1.ดูแลให้ได้รับน้ำเพียงพอ
2.สังเกตุเรื่องไข้
3.แก้ไขปัญหาการพร่องออกซิเจน ให้ยาขยายหลอดลม ยาขับเสมหะ ยาฆ่าเชื้อ
การพยาบาล
1.ปัญหาการอุดกั้นทางเดินหายใจ
2.สอนการไออย่างถูกวิธี กระตุ้นให้ดื่มน้ำมากๆ
3.เคาะปอดและ suction เพื่อป้องกันภาวะปอดแฟบ
4.จัดผู้ป่วยนอนศีรษะสูง เพื่อให้ปอดขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอตามแผนการรักษา
การระบายเสมหะ มีองค์ประกอบดังนี้
1.การจัดท่าผู้ป่วย
2.การเคาะปอด
3.การสั่นสะเทือน
4.สอนการไออย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดท่านอนเพื่อระบายเสมหะ
1.อยุ่ส่วนหน้า จัดท่านอนหงาย
2.อยุ่ส่วนหลัง จัดท่านอนคว่ำ
3.อยุ่ด้านซ้ายจัดท่านอนตะแคงขวา ถ้าอยุ่ด้านขวานอนตะแคงซ้าย
4.อยุ่ส่วนบนนอนหัวสูง อยุ่ส่วนล่างนอนหัวต่ำ
การเคาะปอด
1.ใช้อุ้งมือ เคาะบริเวณส่วนอกที่จัดท่า
2.ใช้ผ้ารองบนส่วนที่เคาะ การเคาะแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 1 นาที
3.ควรเคาะก่อนรับประทานอาหารหรือหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง
การไออย่างมีประสิทธิภาพ
ให้ผู้ป่วยหายใจเข้าเต็มที่ช้าๆ กลั้นหายใจสักครุ่ และไออกมาอย่างเร็วและแรง
การพ่นยาในเด็ก
ประโยชน์
1.ทำให้เสมหะที่เหนียวข้นอ่อนลง
2.ง่ายต่อการระบายออกจากปอด
3.เพิ่มประสิทธิภาพในการไอขับเสมหะได้ง่ายขึ้น
4.ให้ความชุ่มชื้นแก่อากาศที่หายใจเข้าไป
ข้อปฏิบัติในการพ่นยา Neubulizer
1.ไม่ควรให้เด็กร้อง เพราะยาจะเข้าสู่ปอดน้อยลง
2.ใช้มือประคองกระเปาะพ่นยาไว้
3.เคาะกระเปาะพ่นยาเป็นระยะ พ่นจนกว่ายาจะหมด ประมาณ 10 นาที
4.ออกซิเจนเปิด 6-8 ลิต/นาที
Face mask
เป็นแบบหน้ากากครอบจมูกและปาก มีสายรัดศีรษะ เหมาะกับผู้ที่ต้องการออกซิเจนระดับปานกลาง เปิดออกซิเจน 5-10 ลิต/นาที ไม่ควรน้อยกว่า 5 ลิต/นาที
Nasal canula
ให้ออกซิเจนที่ต้องการความเข้มข้นไม่สูงมาก ปรับการไหลไม่เกิน 2 ลิต/นาที
ข้อดี ยึดติดกับผู้ป่วยได้ง่าย สามารถให้นมหรืออาหารกับผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องหยุดออกซิเจน
ข้อเสีย มีน้ำมูกมาก เยื่อบุจมูกบวม หรือผนังจมูกเอียง
Oxygen hood/box
เป็นกล่องพลาสติกวางครอบศีรษะเด็ก เหมาะกับเด็กทารกแรกเกิดและเด็กเล็ก เปิดออกซิเจนอย่างน้อย 7 ลิต/นาที
นางสาวพรภัสส์ษา ภัทรวิกรัยกุล เลขที่1 36/2 612001081