Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ใหญ่ที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับความผิดปกติข…
การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ใหญ่ที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับความผิดปกติของสมองและไขสันหลัง
การประเมินทางระบบประสาท
การซักประวัติ
2.การตรวจร่างกายทางระบบประสาท
1.การตรวจร่างกายทั่วไป
2.การตรวจร่างกายทาง
ระบบประสาท
General Appearance
level of consciousness
Glascow Coma Scale
Motor power
Pupillary response
ประเมินสัญญาณชีพ
การตรวจเส้นประสาทสมอง
การตรวจอาการแสดงที่เกิดจากการระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมอง
การตรวจพิเศษทางห้องปฏิบัติการ
Skull and spine radiographic
Computerized Tomography
Magnetic Resonance Imaging
Magnetic Resonance Angiography
Lumbar puncture
โรคติดเชื้อทางระบบประสาท
เยื้อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
สาเหตุ
ติดเชื้อแบคทีเรีย
การบาดเจ็บของสมอง
ติดเชื้อในร่างกาย
ติดเชื้อหลังผ่าตัดสมอง
ติดเชื้อในเยื้อหุ้มสมอง
การฉีดยาเข้าทางไขสันหลัง
อาการแสดง
คอแข็ง (Stiff neck)
Brudzinski’s sign
Kernig’s sign
มีไข้ ปวดศีรษะ หนาวสั่น
คลื่นไส้ อาเจียน
6.เมื่อเป็นมากขึ้นจะสับสน ซึม และชัก
7.ผลตรวจ CSFผิดปกติ
ภาวะแทรกซ้อน
2.IICP
3.Brain swelling
1.Septic shock
4.Hydrocephalus
การรักษาและการดูแล
1.ให้ยาปฏิชีวนะ อย่างน้อย 10 วัน
ประเมินอาการทางระบบประสาท
เฝ้าระวังภาวะชัก และเตรียมความพร้อมเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยเมื่อเกิดภาวะชัก
รักษาสมดุลของสารน้ำ และอิเล็กโทรไลด์ในร่างกาย
ฝีในสมอง (Brain Abscess)
สาเหตุ
1.เกิดจากการลุกลามของการอักเสบบริเวณใกล้เคียง
2.เกิดหลังได้รับการผ่าตัดภายในกะโหลกศีรษะ
3.เชื้อที่พบบ่อย คือ Staphylococci และ Toxoplasma (ในผู้ป่วย HIV)
อาการแสดง
มีไข้ หนาวสั่น
ความดันในกะโหลกศีรษะสูง
ความผิดปกติของระบบประสาทชั่วคราว เช่น อ่อนแรงซีกใดซีกหนึ่ง พูดไม่ได้
ปวดศีรษะ ง่วงซึม สับสน
การวินิจฉัย
MRI
CT
การรักษาและการดูแล
ให้ยาปฏิชีวนะร่วมกับการผ่าตัด
stereotactic
ให้ยาปฏิชีวนะ นิยมให้ คือ Penicillin
เนื้องอกสมอง (Brain Tumors)
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรค
สิ่งแวดล้อม เช่น สารเคมี
บาดเจ็บที่ศีรษะ
การฉายรังสี
เชื้อไวรัส
เคมีบำบัด
พันธุกรรม
อาการแสดงทางคลินิก
1.สูญเสียหน้าที่ของสมองบางส่วน
2.ปวดศีรษะ
3.การเพิ่มความดันในกะโหลกศีรษะ
4.เปลี่ยนแปลงของความรู้สึกตัว
5.อาการชัก
6.อาการของการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนผิดปกติ เมื่อมีเนื้องอกต่อมใต้สมอง
7.อาการคล้ายโรคหลอดเลือดสมอง เมื่อมีการอุดตันหลอดเลือด
การรักษา
1.การผ่าตัดรักษา
2.การใช้รังสีรักษา
3.การให้เคมีบำบัด
4.การรักษาด้วยยา Steroid
5.กายภาพบำบัด
6.การป้องกันและรักษาโรคแทรกซ้อน
การวินิจฉัย
การซักประวัติ
ตรวจร่างกาย
CT-scan
MRI
การตรวจพิเศษ
ปวดศีรษะ (Headache)
Tension Headache
อาการ
รู้สึกเหมือนมีเชือกมารัด โดยไม่ผ่อนคลายเลย กล้ามเนื้อคอด้านหลังแข็งตึง ความรุนแรงไม่สม่ำเสมอ ขึ้นๆลงๆอาการอยู่ต่อเนื่องหลายวัน ปวดนานกว่า 15 วัน ใน1 เดือน
Cluster Headache
อาการ
ปวดรอบกระบอกตา เป็นๆหายๆ ติดต่อกันนาน ปวดนานตั้งแต่ 15 นาที ถึง 3 ชั่วโมง ปวดเป็นแบบปวดลึกๆน่ารำคาญ อาจมี Honner’s sysdrome อาการปวดจะหายไปหลายเดือนถึงหลายปี และเกิดมีอาการอีก อาการมากขึ้น เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ พบในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วง
การรักษาและการดูแล
การให้ออกซิเจน mask 9 liter/min หรือสูดดมออกซิเจน 100% นาน 15 นาที อาการปวดจะทุเลาลง
หยอด Lidocaine ชนิด 4% topical หรือ 2% viscous ทางจมูก
ให้ยา Prednisone, Lithium methysergide, Ergotamine และ Verapamil
Migraine Headache
สาเหตุ
เกิดจากหลอดเลือดหดตัวทำให้ขาดเลือดขึ้นไปสมอง
อาการ
ปวดศีรษะข้างเดียว เป็นด้านตรงข้ามกับข้างที่มีพยาธิสภาพ ปวดแบบตุ๊บๆ และเห็นเส้นเลือดเต้นกลัวแสง เสียง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการเตือนทางตามาก่อนปวดศีรษะ 20 นาที เช่น เห็นแสงวูบวาบ อาการอื่นที่อาจพบร่วมด้วย 12 – 24 ชั่วโมง ก่อนมีอาการ เช่น สบายมากเกินปกติ เคลิบเคลิ้ม อ่อนล้า หาว อยากกินของหวาน อาการปวดจะหายภายใน 4 – 72 ชั่วโมง
การรักษาและการดูแล
-จัดสิ่งแวดล้อมที่สงบ ไม่มีแสงมาก
-ให้ยา Aspirin หรือ Paracetamol
-หากไม่ได้ผลพิจารณาให้ยา Butalibital,Caffeine, Ibuprofen,Naproxan ,Isometheptene compound 1 – 2 capsule ทางปาก
-Ergotamine ทางทวารหนัก
-Dihydroergotamine ทางหลอดเลือดดำ
โรคลมชัก (Epilepsy)
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
เกิดจากการขัดขวาง Neuron cell membrane ซึ่งมีสาเหตุจาก
-การได้รับการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง
-มีการทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อสมอง (50%)
-ความพิการของสมองตั้งแต่เกิด การบาดเจ็บของสมองระหว่างคลอด
-ปัญหาเกี่ยวกับการเผาผลาญ
-การเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาท
ชนิดของการชัก
การชักเฉพาะที่
การชักเฉพาะที่และไม่หมดสติ
Motor manifestation
Psychic manifestation
Somatosensory manifestation
Autonomic manifestation
การชักเฉพาะที่แบบซับซ้อน
Complex partial seizure with Automatisms
Partial seizure evolving to secondary generalized seizure
การชักทั้งตัว
Absence seizure
Myoclonic seizure
Clonic seizure
Tonic seizure
Tonic – Clonic seizure
ภาวะชักอย่างต่อเนื่อง
หมายถึง
ภาวะที่ผู้ป่วยมีการชักติดต่อกัน ชักเร็วติดๆกัน โดยไม่มีระยะรู้สึกตัวเลย ซึ่งมีระยะเวลาชักอย่างน้อย 30 นาที
สาเหตุ
ส่วนใหญ่เกิดจากการหยุดยาต้านการชักกะทันหัน
การรักษา
-ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง ให้ออกซิเจน
-เฝ้าระวังอันตรายที่เกิดจากการชัก
-ให้ยาต้านการชัก
การวินิจฉัย
การซักประวัติเกี่ยวกับการชัก
การตรวจพิเศษ
-EEG
-CT Scan
-MRI
การรักษา
-ให้ยากันชักตามแผนการรักษา
-การผ่าตัด (25%)
-การป้องกันอันตรายระหว่างชัก
subarachnoid hemorrhage (SAH)
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
เป็นตั้งแต่กำเนิด
ผนังหลอดเลือดชั้นกลางอ่อนแอ
ความดันโลหิตสูง
หลอดเลือดแดงแข็ง และมีไขมันเกาะ
สูงอายุ
พบในเพศหญิงมากว่าเพศชาย
ความเครียด
การรักษา
จำกัดกิจกรรม
2.ควบคุมระดับความดันโลหิตให้คงที่ เพื่อให้สมองได้รับการกำซาบเพียงพอ
3.ประเมินอาการทางระบบประสาท
4.ติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อประเมินการทำงานของหัวใจ
5.ติดตามค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในร่างกาย
6.ลดภาวะหลอดเลือดหดตัว โดยใช้หลัก “Triple – H”
การผ่าตัด
อาการแสดง
อาการแสดงนำ
-ปวดศีรษะ
-สับสน
-เวียนศีรษะ
อาการที่บ่งบอกว่าเกิด Aneurysm rupture
-ปวดศีรษะรุนแรง
-ง่วงซึม สับสน หรือบางรายอาจหมดสติทันที
-อาการของเยื่อหุ้มสมองถูกรบกวน
-การเคลื่อนไหว การพูด และการทำงานของเส้นประสาทผิดปกติ
Arteriovenous Malformation (AVM)
อาการแสดง
-ปวดศีรษะ
-ชัก
-มีเลือดออกในสมองน้อย
-SAH
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
เกิดขึ้นตั้งกำเนิด
ขาดหลอดเลือดฝอยเชื่อมระหว่าง Artery กับ Vein จึงเกิดทางลัด ตรงกลางเป็นเส้นแดงใหญ่ เรียกว่า nidus
การรักษา
1.การรักษาคล้ายกับผู้ป่วย Cerebral Aneurysm
2.การผ่าตัด
Increased intracranial pressure
อาการแสดง
1.ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง
2.Cushing's triad
3.ความสามารถในการเคลื่อนไหวลดลง
4.อาการอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะมาก อาเจียนพุ่ง รูม่านตาบวม
ปัจจัยส่งเสริมให้เกิด IICP
cerebral autoregulation สูญเสียไป
ภาวะคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูงเนื้อเยื่อสมองมีเลือดไปเลี้ยงลดลง ภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ ภาวะการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อสมอง
การวินิจฉัย
1.การซักประวัติ
2.การตรวจร่างกาย LOC, CS, Vital signs, pupil reaction, size, conjugate
3.Motor power
4.การตรวจพิเศษอื่นๆ
ICP, CPP
การรักษา
1.ติดตามค่า ICP, CPP, V/S & arterial pressure
2.การรักษาด้วยการผ่าตัด
3.การรักษาด้วยยา
4.การดูแลเรื่องการหายใจ โดยใส่ท่อช่วยหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจ
5.temperature control
6.restrict fluids
การบาดเจ็บไขสันหลัง
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
1.การบาดเจ็บ
เช่น อุบัติเหตุ โดนยิง ถูกแทง ตกจากที่สูง หรือจากการเล่นกีฬา
2.ความผิดปกติที่ไม่ได้เกิดจากการบาดเจ็บ
เช่น การเสื่อมของกระดูกสันหลัง การอับเสบของเยื้อหุ้มไขสันหลัง โรคกระดูกพรุน เนื้องอก โรคของหลอดเลือด
กลไกการบาดเจ็บ
1.การบาดเจ็บแบบงอ
2.การบาดเจ็บท่าแหงนคอมากกว่าปกติ
3.การบาดเจ็บท่างอ และหมุน
4.การบาดเจ็บแบบยุบจากแรงอัด
การบาดเจ็บแบบ Penetrating injury
การบาดเจ็บที่มีลักษณะเฉพาะ
ประเภทของการบาดเจ็บ
บาดเจ็บไขสันหลังชนิดสมบูรณ์
บาดเจ็บไขสันหลังชนิดไม่สมบูรณ์
ระดับความรุนแรง
ระดับ A (complete) หมายถึง อัมพาตอย่างสมบูรณ์ไม่มีการเคลื่อนไหวและไม่มีความรู้สึก
ระดับ B (incomplete) หมายถึง มีความรู้สึกในระดับ S4-5 แต่เคลื่อนไหวไม่ได้เลย
ระดับ C (incomplete) หมายถึง ความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออยู่ต่ำกว่าระดับ 3
ระดับ D (incomplete) หมายถึง ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป
ระดับ E (normal) หมายถึง การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและการรับความรู้สึกปกติ
การดูแลก่อนถึงโรงพยาบาล
1.การดูแลระบบทางเดินหายใจให้โล่งขณะเดียวกันต้องระวังไม่ให้กระดูกคอเคลื่อนโดยการใส่ Philadelphia collar
2.การดูแลห้ามเลือดในที่เกิดเหตุ
3.จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่สบายและเจ็บปวดน้อยที่สุด
4.การเคลื่อนย้าย (transportation) ต้องใช้คนช่วยอย่างน้อย 3 คน log roll โดยการใช้ Spinal board
การดูแลระยะเฉียบพลัน
Breathing
Circulation (keep MAP ≥ 85 mmHg) ให้สารน้ำเริ่มต้นเป็น 0.9% NSS ให้ยา Vasopressin
การให้ยา High-dose Methyprednisolone การให้ยาในกลุ่ม H2 antagonist และ
Proton Pump Inhibitor (PPI) ให้ยาบรรเทาอาการปวด
การดูแลระบบทางเดินหายใจ
การดูแลระบบทางเดินอาหาร และการขับถ่ายอุจจาระ
การดูแลระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลังจะเกิดภาวะ neurogenic bladder
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับความอบอุ่นเพียงพอ8. จัดหาเตียงที่เหมาะสม
Spinal shock
อาการสำคัญ
6 more items...
Neurogenic shock
2 more items...
Pakinson 's disease
สาเหตุ
-ร่างกายขาดสารโดปามีนในสมอง -เกิดจากการเสื่อมและตายไปของเซลล์สมองที่สร้างสารโดปามีน
อาการ
1.อาการสั่น
จะมีลักษณะเฉพาะคือ สั่นมากเวลาอยู่นิ่งๆ แต่ถ้าเคลื่อนไหวหรือยื่นมือทำอะไรอาการสั่นจะลดลงหรือหายไป
2.อาการเกร็งกล้ามเนื้อ
ของร่างกายจะมีความตึงตัวสูงเกร็งแข็งและปวดกล้ามเนื้ออยู่ตลอดเวลาทั้งที่ไม่ได้เคลื่อนไหวหรือทำงานหนักแต่อย่างใด มีอาการแข็งตึงของแขนขา และลำตัว ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก
3.อาการเคลื่อนไหวช้า
ในรายที่เป็นมากขึ้นอาจพบว่าหกล้มบ่อยๆ จนกระดูกต้นขาหัก สะโพกหัก หลังเดาะ แขนหัก หัวแตก เป็นต้น
4.ทรงตัวลำบาก
ท่าเดินผิดปกติ จะเดินก้าวสั้นๆต่อมาจะก้าวยาวขึ้นเรื่อยๆ จนเร็วมากและหยุดทันทีทันใดไม่ได้ เดินหลังค่อม ตัวงอโค้งและแขนไม่แกว่งตามเท้าที่ก้าว
5.อาการอื่นๆ
เช่นแสดงสีหน้าเฉยเมย เสียงพูดเครือๆ เขียนตัวหนังสือยากขึ้น การกลอกตากระตุก น้ำลายไหล ผู้ป่วยโรคพาร์กินสันมักมีอาการซึมเศร้า และนอนไม่หลับ
การรักษา
ขณะนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาใด
การรักษาโดยการใช้ยา
1 ยาที่ช่วยชะลออาการเช่น ยา elegilineช้ควบคู่ไปกับยา Levodopa
2 รักษาตามอาการ anticholinergic ใช้สำหรับอาการสั่น Levodopa ช่วยในการทดแทนสารสื่อประสาทที่ลดน้อยลง
การรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัด
4.การผ่าตัดสมอง
Alzheimer’s Disease
อาการ
1.อาการทางเชาวน์ปัญญา
เช่น ความจำเสื่อมลงมีความผิดปกติด้านการใช้ภาษา การคิด การใช้เหตุผล การรับรู้ลดลง หรือมีการตัดสินใจบกพร่อง
2.พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงร่วมกับอาการทางจิต
ได้แก่การมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงเช่น ก้าวร้าว ไม่อยู่นิ่ง เดินละเมอ แสดงออกทางเพศไม่เหมาะสม กลั้นปัสสาวะไม่ได้ รับประทานจุ ส่งเสียงกรีดร้อง และอาการทางจิต
การรักษา
1.โรคนี้ยังไม่มีการรักษาที่แท้จริง
การรักษาส่วนใหญ่เพื่อบรรเทาอาการที่เกิดขึ้น
3.การให้ยาสามารถช่วยลดความกังวล เช่น ยาtacrine (Cognex) ยาdonepezil hydrochloride (Aricept)
Guillain barre syndrome
อาการ
อาการทางด้านประสาทรับความรู้สึก
อาการของกล้ามเนื้ออ่อนแรง
อาการลุกลามของประสาทสมอง
อาการลุกลามของประสาทอัตโนมัติ
การดำเนินโรค
1.ระยะเฉียบพลัน(Acute phase)ใช้เวลานานประมาณ 1-3 สัปดาห์
2.ระยะอาการคงที่ (Static phase) ใช้เวลา ตั้งแต่ 2-3 วัน จนถึง 2-3 สัปดาห์
3.ระยะฟื้นตัว(Recovery phase)
การรักษา
1.การช่วยหายใจในผู้ป่วยที่มีภาวะการหายใจล้มเหลว
2.การให้ยากลุ่มสตีรอยด์
3.การเปลี่ยนถ่ายพลาสม่า
Multiple sclerosis
อาการ
1.แขนขาอ่อนแรง เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด กล้ามเนื้อหดเกร็งของขา ผู้ป่วยบางราย อาจมีอาการอัมพาตท่อนล่าง รีเฟล็กซ์ไวกว่าปกติ มี Babinski’s sign ทั้ง 2 ข้าง
2.พูดตะกุกตะกัก ลูกตากระตุก สั่นเมื่อตั้งใจ
3.การรับความรู้สึกผิดปกติรวมถึงอาการชาและอาการเสียวแปลบของแขนขา ลำตัวหรือใบหน้า อาจมีอาการเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต เมื่อผู้ป่วยก้มหน้าเรียกว่า “Lhermitte
sign” ซึ่งเกิดจากรอยโรคที่ส่วนหลังของกระดูกไขสันหลังระดับคอ
4.กล้ามเนื้อใบหน้าส่วนครึ่งล่างอ่อนแรง มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อใบหน้าซีกใดซีก
หนึ่ง ปวดประสาทใบหน้า อาการกลืนลำบาก พบได้ในผู้ป่วยระยะก้าวหน้าของโรค
เนื่องจากมีรอยโรคในซีรีเบลลัม
5.การเห็นผิดปกติ เห็นภาพซ้อน ภาพมัว หรือสายตาเสื่อมลง อาจเป็นได้ข้างเดียวหรือ 2 ข้าง ลานสายตาผิดปกติ
6.ระบบการขับถ่ายเสียหน้าที่ การขับถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะผิดปกติ
7.ความผิดปกติทางด้านอารมณ์และจิตใจที่พบบ่อยได้แก่ อาการซึมเศร้าความจำเสื่อม มีอาการทางจิตประสาท
การรักษา
การให้ ACTH(adrenocorticotrophic hormone), Prednisolone, Dexamethasone เพื่อลดภาวะบวมของมัยอิลิน
การรักษาทางยา ส่วนใหญ่แพทย์จะให้ยาลดอาการกล้ามเนื้อกระตุก
ให้ยาลดสภาพของอารมณ์ที่ไม่มั่นคง เช่น Diazepam
การทำกายภาพบำบัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เดินออกกำลังกายปกติและการเดินออกกำลังกายในสระน้ำ เพื่อการบำบัด
Myastenia gravis
อาการ
1.ที่พบได้บ่อย คืออาการหนังตาตก มักเกิดเพียงข้างเดียว อาจมีอาการตาเข มองเห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพซ้อน
2.ถ้าเป็นมากขึ้น อาจมีอาการพูดอ้อแอ้ กลืนลำบาก พูดเสียงขึ้นจมูก หรืออาจมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ร่วมด้วย
3.ในรายที่เป็นมาก อาจมีอาการอ่อนแรงของแขนขาบางส่วนจนลุกขึ้นยืน หรือเดินไม่ได้ และถ้าเป็นรุนแรงก็อาจทำให้กล้ามเนื้อช่วยหายใจเป็นอัมพาต หยุดหายใจตายได้
การรักษา
1.การใ ห้ Anticholinesterase
2.คอร์ติโคสตีรอยด
3.รายที่ตรวจพบว่ามีต่อมไทมัสโตร่วมด้วย อาจต้องผ่าตัดเอาต่อมไทมัสออก
4.การเปลี่ยนพลาสม่า
นางสาวอารียา มั่นวงศ์ รหัส 612501107 เลขที่ 103