Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลมารดา และทารกที่มีปัญหาสุขภาพร่วมกับ
…
การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลมารดา และทารกที่มีปัญหาสุขภาพร่วมกับ
การตั้งครรภ์ในระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอด และระยะหลังคลอด
ความผิดปกติของฮอร์โมน
โรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ (Gestational diabetes mellitus, GDM)
ผลกระทบ
ผลของการตั้งครรภ์ต่อโรคเบาหวาน
- ความต้องการอินซูลินไม่แน่นอน
- การตั้งครรภ์ทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดยากขึ้น
- การเกิดภาวะ diabetic ketoacidosis ได้ง่าย
-
พยาธิสภาพ
- ระดับของ insulin,glucagon เปลี่ยนแปลง ทารกมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการเกิดการต้องการ glucagon เพิ่มขึ้น
- รกสร้าง HPL ยับยั้งการทำหน้าที่ insulin ตับอ่อนผลิต insulinได้ไม่เพียงพอ
- พลังงานไม่เพียงพอเซลล์จึง oxidize ไขมันและโปรตีน เกิดภาวะ ketosis
- ไม่สามารถเปลี่ยนกลูโคสในเลือดให้เป็นไกลโคเจนเกิดการสะสมของน้ำตาลในเลือด
- เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดมีมากเกินปกติก็จะถูกไตขับออกมาในปัสสาวะ จึงเรียกว่าเบาหวานขณะตั้งครรภ์
-
แนวทางการวินิจฉัย
การคัดกรองขณะตั้งครรภ์
การประเมินภาวะเสี่ยง
- อายุมากกว่า 35 ปี
- BMI >27 kg/m2
- ประวัติโรคเบาหวานในครอบครัว
- ประวัติการคลอดผิดปกติ
- Urine : Trace
Glucose challenge test
- ให้ดื่มน้ำตาล Glucose 50 กรัมแล้วตรวจเลือดหลังดื่ม 1 ชั่วโมง
- Plasma glucose = 140 mg/dl หรือมากกว่า
ถือว่าผิดปกติ ถ้าผิดปกติให้ตรวจวินิจฉัยต่140-199 mg/dl จะนัด1 สัปดาห์มาตรวจวินิจฉัยเบาหวานอด้วย 100 กรัม OGTT
- 140-199 mg/dl จะนัด1 wk. มาตรวจวินิจฉัยเบาหวาน
- 200 mg/dl DX.GDM
OGTT
ถ้าระดับน้ำตาลสูงกว่าปกติอย่างน้อย 2 ค่าขึ้นไป DX. GDM
- Fasting ≥ 105 mg/dl
- 1 ชั่วโมง ≥ 190 mg/dl
- 2 ชั่วโมง ≥ 165 mg/dl
- 3 ชั่วโมง ≥ 145 mg/dl
การดูแลรักษา
การดูแลก่อนตั้งครรภ์
- การให้คำปรึกษาก่อนการตั้งครรภ
- สภาพทางเศรษฐกิจและสังคม
- การเสริมวิตามิน : กรดโฟลิก
- การประเมินพยาธิสภาพต่างๆ
- การควบคุมระดับกลูโคสให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
- การออกกำลังกาย
การดูแลระยะตั้งครรภ์
- ควบคุมอาหาร (C : 55%,F : 25%, P : 20%)
- งดอาหารน้ำตาล (FBS ไม่เกิน 95 mg% , 2PP ไม่เกิน 120 mg%)
- การใช้ Insulin
- การควบคุมน้ำหนัก
- รักษาความสะอาดของร่างกายป้องกันการติดเชื้อ
- การสังเกตเด็กดิ้น
- การสังเกตภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
การดูแลระยะคลอด
- การกำหนดเวลาคลอด
- การใช้ insulin
- ให้ iv fluid (Isotonic)
- ติดตามสุขภาพทารกในครรภ์
- การคลอดตามข้อบ่งชี้ ตัวโตอาจพิจารณา C/S
การดูแลระยะหลังคลอด
- ควบคุมระดับน้ำตาล
- ภาวะแทรกซ้อน
- การดูแลทั่วไป การพักผ่อน ดูแลความสะอาด
- ฺBreast feeding
- การคุมกำเนิด
- การดูแลทารก
ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมาก หรือต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือคอพอกเป็นพิษในหญิงตั้งครรภ์
(Hyperthyroidism , Thyrotoxicosis)
สาเหตุ
Graves
- พบได้บ่อยที่สุด เป็นโรคที่เกิดจากร่างกายมีภูมิต้านทานตนเอง
-
-
อาการและอาการแสดง
- ต่อมไทรอยด์มีขนาดใหญ่ขึ้น
- อัตราการเต้นของหัวใจเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ เกิน 100 ครั้ง/นาที
- อัตราการเต้นของชีพจรเร็วกว่า100 ครั้ง/นาที
- น้ำหนักไม่เพิ่มขึ้นทั้ง ๆ ที่รับประทานอาหารเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น
- มือสั่น
- ขี้ร้อน หงุดหงิด ตกใจง่าย
- มีอาการหิวบ่อยหรือกินจุ
- ตาโปน
การวินิจฉัยโรค
การซักประวัติ : มีอาการและอาการแสดง
การตรวจร่างกาย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ : เจาะเลือดตรวจ - TSH ,T3 uptake สูง T4 สูง
ผลกระทบ
ต่อมารดา
- แท้งและคลอดก่อนกำหนด
- มีโอกาสเกิดภาวะความดันโลหิตสูงร่วมกับการตั้งครรภ์
- รกลอกตัวก่อนกำหนด
ต่อทารก
- ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
- มีโอกาสเป็นต่อมไทรอยด์เป็นพิษแต่กำเนิด
- ทารกมีโอกาสเกิดภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนแต่กำเนิด
แนวทางการรักษา
รักษาโดยยา
- propythiouracil (PTU)
- Methimazole (MMI)
แนะนำให้รักษาด้วยยา PTU เป็นลำดับแรก สำหรับ methimazole ก็ใช้ได้ดีแต่ผ่านรกมากว่า
-
Thyroid storm
เป็นภาวะฉุกเฉินทางอายุรกรรมมีผลต่ออัตราการตายของมารดาและทารก ส่วนใหญ่จะ เกิดตามหลังภาวะเครียด เช่น การติดเชื้อ การคลอด การทำ C/S
อาการและอาการแสดง
- มีไข้ 38.5 องศา
- มีหัวใจเต้นเร็ว ชีพจรอาจสูงถึง 140 ครั้ง/นาที
- คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย
- สับสน ชัก จนหมดสติ
การรักษาเฉพาะ
- ยาต้านไทรอยด์ฮอร์โมน และ iodine
- การรักษาแบบประคับประคอง
-
กิจกรรมการพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
- อธิบายเกี่วกับโรค
- แนะนำการปฏิบัติตัว
รับประทานอาหาร 4,000-5,000 Kcal
พักผ่อนวันละ 10 ชั่วโมง
การรับประทานยา
รักษาความสะอาด
นับการดิ้นของทารก
- อธิบายให้ผู้ป่วยและญาติถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลง
ระยะที่ 1 ของการคลอด
- จัดท่า Fowler position
- สังเกตอาการใจสั่น หายใจไม่สะดวก
- วัด V/S ทุก 1-2 ชั่วโมง
- ดูแลให้ยาระงับปวด
- ประเมินความก้าวหน้าการคลอด
- ประเมินสภาพทารกในครรภ์
ระยะที่ 2 ของการคลอด
- ประเมิน V/S ทุก 10 นาที
- ให้ผู้คลอดเบ่งน้อยที่สุด
- ฟัง FHS ทุก 5 นาที
- หลังคลอดฉีด Syntocinon
- ห้ามใช้ยา Methergin
ระยะหลังคลอด
- แนะนำการปฏิบัติตัวหลังคลอดป้องกันการติดเชื้อ
- ป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
- ให้พักผ่อนและช่วยเหลือกิจกรรม
- ดูแลให้ได้รับยา PTU
- ให้นมบุตรได้ยกเว้นรายที่มีความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด
- การวางแผนครอบครัว
- ประเมินสภาพทารก
-
ความผิดปกติของการหายใจ
หอบหืดในหญิงตั้งครรภ์
อาการและอาการแสดง
- อาการไอเรื้อรัง (มากกว่า 8 สัปดาห์)
- หายใจลำบากหรือแน่นหน้าอก
- หายใจมีเสียง wheezing
- หายใจเร็ว > 35 ครั้ง/นาที
- ชีพจรเร็วมากกว่า 120 ครั้ง/นาที
- เหงื่อออกมาก
การวินิจฉัย
- จากการซักประวัติอาการและอาการแสดง
- การตรวจร่างกาย จะได้ยินเสียง wheezing หรือ rhonchi
- ตรวจเสมหะยอมเชื้อ ตรวจเอกซ์เรย์ทรวงอก
ผลกระทบ
ผลของโรคต่อการตั้งครรภ์
- ด้านมารดา
ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
ตกเลือด
asthmatic attack
- ด้านทารก
คลอดก่อนกกำหนด
คลอดน้ำหนักตัวนอย
ทารก
เจริญเติบโตช้าในครรภ
ตายปริกำเนิด
ผลของการตั้งครรภ์ต่อโรค
- ช่วงแรกของการตั้งครรภ์
เมื่อน้ำหนักตัว ปริมาณน้ำในรางกาย ปริมาณของเลือด เกลือ
โซเดียมในร่างกายเพิ่มขึ้นส่งผลให้หัวใจทำงานมากขึ้น จะพบอาการหายใจลําบากได้โดยเฉพาะเวลานอน
- ช่วงท้ายของการตั้งครรภ์
พบว่ามีปริมาตรของอากาศที่เหลือค้างในปอดจากการหายใจออกตามปกติทำให้เนื้อที่ในปอดบางส่วนไม่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้สมบูรณ์ ซึงจะทำให้อาการของโรคหอบหืดเป็นมากขึ้น
-
วัณโรคปอดในหญิงตั้งครรภ์
อาการและอาการแสดง
- มีอาการไอ ซึ่งในระยะแรกจะไอแห้งๆต่อมาจึงมีเสมหะลักษณะเป็นมูกปนหนอง
- ไอเรื้อรังนานกว่า 3 สัปดาห์
- อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำนักตัวค่อยๆลดลง
- มีไข้ตอนบ่าย เหงื่อออกตอนกลางคืน
การวินิจฉัย
- ซักประวัติอาการและอาการแสดง
- การตรวจ Tuberculin skin test งวิธีนี้ไม่แนะนำให้ใช้ตรวจในหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่
ให้นมบุตร
- X-ray ปอด
- การส่งตรวจเสมหะ
acid fast bacilli staining
culture for mycobacterium tuberculosis
PCR
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
- แนะนำรับประทานยาตามแผนการรักษา ใช้ยาสูตร 2HRZE/4HR
- แนะนำรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เน้นปลา นม ไข่ เพิ่มอาหารที่มีธาตุเหล็กและวิตามิน
- จัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
- สวมผ้าปิดปากป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
- แนะนำมาฝากครรภ์ตามนัดเพื่อประเมินการเจริญเติบโตของทารกในครรภ
ระยะคลอด
- ดูแลให้อยู่ในห้องแยก
- ประเมินสุขภาพทารกในครรภ์และความก้าวหน้าของการคลอด
ระยะหลังคลอด
- แยกทารกออกจากมารดาจนกระทั้งการเพาะเชื้อจากเสมหะของมารดาได้ผลลบ
- ทารกแรกเกิดควรได้รับการตรวจ Tuberculin skin test เมื่อแรกเกิด พร้อมกับให้ยา INHและ rifampicin ทันทีหลังคลอด
- ทารกได้รับการฉีด BCG เพื่อป้องกันวัณโรคชนิดแพร่กระจายหลังคลอด
-
-
การรักษาพยาบาล
- .ดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคล
- ดื่มน้ำมากๆ 2,000-3,000 cc./day
- หลีกเลี่ยงน้ำ
ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มี Alcohol เครื่องเทศ
- สังเกตการณ์ดิ้นของเด็กทารก
- ส่งตรวจ Urine culture
- แนะนำการรับประทานยาให้ครบ Antibiotic โดยทั่วไปมักจะได้รับ Ampicillin 500 mg หรือ Amoxycillin 500 mg
Cystitis
อาการและการแสดง
- ปัสสาวะแสบขัด
- ปัสสาวะขุ่น
- ปวดหัวเหน่า
- ตรวจพบ White blood cell และ Red blood cell
ในปัสสาวะจำนวนมาก
-
Pyelonephritis
แนวทางการรักษา
- คัดกรองสตรีตั้งครรภ์ที่มาฝากครรภ์ครั้งแรก
- ตรวจปัสสาวะซ้ำเมื่ออายุ
ครรภ์ 32-34 สัปดาห์
- ส่งตรวจ Urinalysis และ Culture and
sensitivity
- I/O
- Ampicillin 1-2 gm IV ทุก 6 ชั่วโมงร่วมกับ gentamicin1 mg/kk ทุก 8 ชั่วโมง
- Ceftriazone 1-2 กรัม IV ทุก 24 ชั่วโมง
- Trimethoprin sulfamethoxazole 160/800 มก. IV ทุก 12 ชั่วโมง
- Aztreonam 1 กรัม IV ทุก 8 ชั่วโมง
- Cefazolin 1-2 กรัม IV ทุก 8 ชั่วโมง
อาการและอาการแสดง
- มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดบั้นเอว
- ปัสสาวะขุ่น
- ปวดหลังที่ตำแหน่ง Costo
vertebral angle
- มึนศีรษะคลื่นไส้ และอาจอาเจียน
- พบเชื้อแบคทีเรียมากกว่า 100, 000โคโลนี/ลูกบาศก์เซนติเมตร ในน้ำปัสสาวะ