Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
MECONIUM ASPIRATION SYNDROME ภาวะสําลักขี้เทา, นางสาววิธิดา ประมวล…
MECONIUM ASPIRATION SYNDROME ภาวะสําลักขี้เทา
▪การสําลักเอาขี้เทาที่อยู่ในนํ้าครํ่าเข้าปอดในทารกแรกเกิด
▪มีการเคลื่อนไหวของทรวงอกตื้นๆ และไม่สมํ่าเสมอ ตั้งแต่อายุประมาณ 24 สัปดาห์
▪มีความถี่ประมาณ 30 - 90 ครั้งต่อนาที
▪เมื่ออายุครรภ์ ประมาณ 34 สัปดาห์
▪การเคลื่อนไหวของทรวงอกจะสมํ่าเสมอ มากขึ้น
▪อัตราการเคลื่อนไหวจะมีค่าประมาณ 40 - 60 ครั้งต่อนาที
▪การเคลื่อนไหวนี้ไม่ใช่การหายใจ
▪การเคลื่อนไหวนี้จะทําให้ lung fluid ของทารกมี การเคลื่อนที่ใน tracheobronchial tree
▪ทําให้ lung fluid เคลื่อนจากถุงลมทารกสู่นํ้าครํ่า ได้
▪ในภาวะปกติจะไม่มีนํ้าครํ่าเคลื่อนที่เข้าสู่ปอด
▪การขาดออกซิเจนของทารกในครรภ์เนื่องจากความ ผิดปกติของรกในการแลกเปลี่ยนก๊าซ
▪จะกระตุ้นให้ทารกในครรภ์มีการหายใจ (grasping respiration)
▪ทําให้นํ้าครํ่าเคลื่อนที่เข้าสู่ปอดทารกได้
ทารกที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ได้แก่
▪ทารกคลอดที่ครรภ์เกินกําหนด
▪นํ้าหนักแรกคลอดตํ่า
▪การคลอดนานทางช่องคลอด
▪มารดามีความดันเลือดสูงขณะตั้งครรภ์
▪ภาวะครรภ์เป็นพิษและมารดา
▪มีนํ้าหนักมากเกินกว่าปกติขณะตั้งครรภ์
พยาธิสรีรวิทยาของโรค
▪การขาดออกซิเจนในระหว่างการคลอด
▪ทําให้ขี้เทาถูกบีบออกมาอยู่ในนํ้าครํ่า
▪การหายใจที่เกิดขึ้น ทําให้ทารกสําลักขี้เทานี้เข้าสู่ ทางเดินหายใจ ▪หากขี้เทามีขนาดใหญ่จะอุดตันหลอดลมใหญ่ๆ ทําให้ การขาดออกซิเจนมีความรุนแรงมาก
▪แต่หากการสําลักก้อนเล็กๆและกระจายอยู่ทั่วไป อุดตัน ท่อลมเล็กๆ เป็นการอุดตันอย่างสมบูรณ์ทําให้เกิดภาวะ ball valve mechanism
▪อากาศถูกกักอยู่ในถุงลมใต้ต่อตําแหน่งที่ถูกอุดตันทําให้ บริเวณนั้นมีภาวะ hyperinflation
▪เกิดภาวะ pneumothorax
▪หรือ pneumomediastinum ได้
▪ขี้เทาที่กระจายอยู่ทั่วๆไปจะทําให้เกิดภาวะปอดอักเสบ
▪อัตราการแลกเปลี่ยนก๊าซของถุงลมปอดและหลอดเลือด ฝอยเสียไป
▪เกิดภาวะออกซิเจนในเลือดตํ่าลงมีคาร์บอนไดออกไซด์ สูงขึ้น
▪ทําให้เลือดเป็นกรด
▪แรงดันเลือดในปอดสูงขึ้น
อาการแสดง
▪ทารกที่เป็น MAS มักเป็นทารกที่คลอดครบกําหนด หรือเกินกําหนด
▪มีประวัติ fetal distress
▪Apgar score ตํ่า
▪มีขี้เทาในนํ้าครํ่า (thick mecomiumstained
amniotic fluid)
ความรุนแรง
รุนแรงน้อย
▪ทารกจะหายใจเร็วเพื่อเพิ่ม minute ventilation ▪ทําให้ความดันคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง ▪ค่าความเป็นกรดเป็นด่างของเลือด ▪เข้าสู่ภาวะปกติ ▪อาการจะหายไปภายใน 24 ชั่วโม
รุนแรงปานกลาง
▪ทารกจะมีอาการของการกดการหายใจ ▪หายใจเร็ว▪ช่องซี่โครงยุบลงขณะหายใจ ▪เขียวคลํ้า ▪อาการจะค่อยๆ ทวีความรุนแรง ▪มีความรุนแรงสูงสุดภายใน 24 ชั่วโมง ▪มักหายได้ภายใน 4 - 7 วันหากไม่มีอาการแทรกซ้อน
รุนแรงมาก
▪ทารกจะมีการหายใจล้มเหลวทันทีหลังคลอด ▪หรือ 2 - 3 ชั่วโมงหลังคลอดอาการของกดการหายใจชัดเจน ▪ฟังเสียงปอดได้ rhonchi และ crackle ▪อาจมีอาการเลือดขาดออกซิเจนอย่างรุนแรง ▪ไม่ดีขึ้นเมื่อให้ออกซิเจนเนื่องจากภาวะของแรงดันเลือด ในปอดที่สูงมาก
การรักษา
▪เตรียมอุปกรณ์ในการดูดเสมหะและเครื่องมือในการ ใส่ท่อช่วยหายใจและอุปกรณ์ที่ให้ออกซิเจนให้พร้อม
▪มีความเสี่ยงต่อการสําลักขี้เทาให้ใช้ลูกยางแดงดูดทาง ปากและจมูกเมื่อศีรษะทารกพ้นจากช่องคลอด
▪ในรายที่มีขี้เทาที่เหนียวและปริมาณมากจะใส่ท่อช่วย หายใจและดูดขี้เทาออกทางท่อช่วยหายใจ
▪หลังจากดูดออกหมดแล้วหากทารกไม่หายใจควรให้แรงดัน บวกผ่านทางท่อช่วยหายใจ
▪หลังจากนั้นจะดูดขี้เทาจากกระเพาะอาหาร โดยการดูดจาก สายยางให้อาหารผ่านทางจมูกหรือปาก
นางสาววิธิดา ประมวล เลขที่ 71 ชั้นปี 3