Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

บทที่8(ต่อ), 8.5การพยาบาลระยะที่4ของการคลอด, 8.3การพยาบาลมารดาในระยะที่3ขอ…

- - - - หลังจากผูกและตัดสะดือเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะอุ่มทารกออกจากผู้คลอด ผู้ป้ายชื่อที่ข้อมือเพื่อป้องกันการสับสน ก่อนตรวจให้ผู้คลอดตรวจสอบความถูกต้องของป้ายชื่อและเพศก่อน อุ้มทารกให้มารดาดูหน้า ดูเพศแล้วส่งให้ผู้ดูแลต่อไป จากนั้นทำความสะอาดเช็ดคราบเลือด ชั่งน้ำหนักตัว วัดหัว วัดตัวและอุณหภูมิร่างกายต่อไป
- - - - การประเมินAPGAR Score อย่างรวดเร็ว
        
        ทารกไม่มีAphyxia ต้องร้องเสียงดัง ตัวแดง มีActivity ภายหลังดูดเสมหะให้เต็ม10 ถ้าบกพร่องค่อยหักจาก10
        
        ทารกอาการไม่ดี ไม่ร้อง เขียวให้คะแนนเพิ่มจาก0ในข้อที่มีคะแนนอยู่บ้าง
        
        ถ้าactiveดี ไม่ต้องนับHR
      - แนวทางการช่วยเหลือทารกตามAPGAR Score
        
        คะแนน 8-10 (No asphyxia) ถือว่าปกติไม่ต้องช่วยเหลือ นอกจากสังเกต ให้ทางเดินหายใจโล่ง และให้ความอบอุ่น
        
        คะแนน 5-7 คะแนน(Mild asphyxia) ทารกมีอาการขาดออกซิเจนอย่างอ่อนเกิดช่วงระยะสั้นก่อนคลอด เขียวเล็กน้อย ช่วยเหลือโดยการให้ความอบอุ่น จัดท่าให้ทารกหายใจสะดวก กระตุ้นด้วยการลูบหน้าอกทารก ให้ออกซินเจนในอากาศ4L/min ในมาดาได้รับยาแก้ปวด ให้Naloxone แก้
        
        คะแนน 3-4 (Moderate asphyxia) มีการขาดออกซิเจนและมีความเป็นกรดมากกว่า หรือถูกกดจากยามากกว่า มีอาการเขียวเต็มที่ ความสามารถในการหายใจอ่อนมาก Reflexน้อย HRน้อยกว่า100ครั้ง/นาที เป็นสัญญาณว่าต้องได้รับการช่วยหายใจโดยใช้ Bag หรือmask ความเข้มข้นที่เพียงพอจะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของทารก ช่วยจนกว่าตัวจะแดง หายใจได้เอง และมีHRมากกว่า100ครั้ง/นาที
        
        คะแนน 0-2 (Severe asphyxia) ขาดออกซิเจนรุนแรง มีความเป็นกรดสูง ทารกมีลักษณะเขียวคล้ำอย่างมาก หายใจเฮือก HRน้อยกว่า 60ครั้ง/นาที ต้องช่วยทันทีหลังคลอด โดยใส่ ET tube .ใช้Bag 100%พร้อมนวดหัวใจ ถ้าไม่มีการเต้นภายใน30วินาทีควรได้รับการใส่สาย umblical venous catheter เพื่อให้ไบคาร์บอเนต และสารน้ำ
- - - - บ่นเจ็บบริเวณฝีเย็บมาก
      - ฝีเย็บบวมไม่เท่ากัน
      - สังเกตแผลบริเวณฝีเย็บมีสีเขียวปนม่วง
      - แผลฝีเย็บตึงมากขึ้น หรือรู้สึกตึงถ่วงบริเวณก้น
- - - - Schultz's mechanism พบได้ประมาณร้อยละ70 เริ่มรอกตรงกลาง ทำให้มีก้อนเลือดค้างหลังรก ช่วยเสริมให้รกคลอดตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อรกลอกจะเห็นด้านลูกออกมาก่อน มักไม่มีเลือดให้เห็นทางช่องคลอด
      - Duncan's mechanism พบได้ร้อยละ 30 เริ่มลอกบริเวณริมรกก่อน ระหว่างรกลอกจะมองเห็นเลือดไหลออกตลอด จะเห็นรกทางด้านแม่ออกมาก่อน ต้องตรวจรกอย่างระมัดระวังเพราะเสี่ยงต่อการมีรกและเยื่อหุ้มค้างที่โพรงมดลูกได้
    - - Uterine sign มดลูกหดรัดตัวแข็ง เปลี่ยนรูปร่างจากยาวรีมาเป็นกลม อาจลอยตัวถึงสะดือและมักเอียงไปด้านขวา
      - Cord sign จะมีการเคลื่อนต่ำของสายสะดือ 8-10cm.จะเห็นว่าสายสะดือจะโผล่ออกมาทางช่องคลอดมากขึ้น สายสะดือจะเหี่ยวคลายเกลียวและคลำชีพจรไม่ได้ เมื่อทดสอบ Cord Test ทดสอบโดยใช้มือกดขึ้น มืออีกข้างจับสายสะดือถ้าสายสะดือไม่ขึ้นแสดงว่ามดลูกลอก
      - Vulva sign มีเลือดจำนวนเล็กน้อยออกมาทางช่องคลอด
- - - - ใช้มือที่ถนัดคลึงมดลูกให้เป็นก้อนแข็งเต็มที่ ผลักก้อนมดลูกให้มาอยู่กลางหน้าท้อง ใช้อุ้งมือดันยอดมดลูกส่วนบนลงมาหา Promontary of sacrum อย่าดันยอดมดลูกลงมาทางช่องคลอด อาจทำให้มดลูกปลิ้นหรือตกเลือดหลังคลอดได้ มือไม่ถนัดรองรับหรือจับภาชนะสำหรับรองรับรก เมื่อรกพ้นช่องคลอด จับรกถ่วงลงเพื่อให้น้ำหนักรกดึงเยื่อหุ้มให้ลอกตัวและหมุนเกลียวป้องกันการฉีกขาดเพื่อไม่ให้เยื่อหุ้มติดค้าง
    - - ใช้มือที่ถนัดกดบริเวณท้องน้อยเหนือรอยต่อกระดูกหัวเหน่า ดันมดลูกส่วนบนขึ้นไปเล็กน้อย มืออีกข้างจับสายสะดือไว้พอตึง มือที่อยู่ท้องน้อยเปลี่ยนมากดลงล่างเพื่อให้รกออกมา และใช้วิธีเดียวกับModified cradeเพื่อให้เยื่อหุ้มออกมาครบ
- - - - False knot ไม่มีอันตรายใดๆ jellyเกิดจากWharton หนาขึ้นเป็นปมและ vascularเกิดจากเส้นเลือดขดเป็นกระจุก
      - true knotสายสะดือผูกกันเป็นปม เหมือนผูกเชือก อาจเกิดจากทารกในครรภ์มีการเคลื่อนไหว และสายสะดือยาวทำให้ผูกกัน ถ้าผูกแน่นทำให้ทารกขาดออกซิเจนตายได้
  - - - ความห่างของรอยแตกของเยื่อหุ้มทารกถึงขอบรก
      - เยื่อหุ้ม2ชั้นออกมาครบและสมดุลกันหรือไม่
      - ขนาดของถุงเยื่อหุ้มทารก