Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความผิดปกติของการตั้งครรภ์ - Coggle Diagram
ความผิดปกติของการตั้งครรภ์
อาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง
อาการแพ้ท้องเกิดขึ้นตลอดเวลาและเป็นเวลานาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของสตรีตั้งครรภ์และทารกในครรภ์
สาเหตุ
ระดับของฮอร์โมนที่สร้างจากรกHCG & Estrogen
ผลของ H. Progesterone สูงขึ้น
ภาวะน้าตาลในเลือดต่า
สภาพจิตใจของสตรีตั้งครรภ์ไม่ปกติ
ความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมน
ปัจจัยส่งเสริม
อายุน้อย ครรภ์แรก
การตั้งครรภ์แฝด ซึ่งรกใหญ่กว่าปกติ
ครรภ์ไข่ปลาอุก ซึ่งรกเจริญผิดปกติแต่ไม่มีตัวเด็ก
เคยมีประวัติ คลื่นไส้ อาเจียน ในขณะตั้งครรภ์ก่อน
มีประวัติการเจ็บป่วยทางจิต
เป็นสตรีที่มีลักษณะอารมณ์ตึงเครียดมาก่อน
ทารกมีความผิดปกติ เช่น trisomy 21 และ hydrops fetalis hydrops fetalis
พยาธิสภาพ
การเกิดภาวะแพ้ท้องอย่างรุนแรง มีการดาเนินเช่นเดียวกับอาการอาเจียนโดยทั่วไป เมื่อมีการกระตุ้นที่ศูนย์ควบคุมการอาเจียน
อาการและอาการแสดง
คลื่นไส้ อาเจียนรุนแรง ต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน
น้าหนักลดลงมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับน้าหนักตัวก่อนตั้งครรภ์
มีอาการแสดงของการขาดน้า เช่น อ่อนเพลีย ริมฝีปากแห้ง ผิวหนังขาดความตึงตัว
ชีพจรเร็ว ความดันโลหิตลดต่าลง หน้ามืด เป็นลม เวียนศีรษะ เป็นต้น
ลมหายใจมีกลิ่นอะซิโตน
ตรวจพบ ketonuriaketonuriaketonuriaketonuria ketonuria
บางรายอาจมีอาการแสดงของภาวะวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า
อาการแสดง แบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ
อาการรุนแรงปานกลาง
อาเจียนติดต่อกันมากกว่า 5-10 ครั้ง/วัน
อาเจียนติดต่อกันไม่หยุดภายใน 2-4 ชั่วโมง
อ่อนเพลีย ไม่สามารถทากิจวัตรประจาวันได้
นาหนักตัวลด มีอาการขาดสารอาหาร
มีภาวะเลือดเป็นกรด
อาการรุนแรงมาก
อาเจียนมากกว่า 10 ครั้ง/วัน ไม่สามารถทากิจวัตรประจาวันได้ นอนอยู่บนเตียงตลอดเวลา
อาเจียนทันทีภายหลังรับประทานอาหาร และอาเจียนติดต่อกันเกิน 4 สัปดาห์
เกิดการขาดสารอาหารอย่างรุนแรง
อาการไม่รุนแรง
1.อาเจียนน้อยกว่า 5 ครั้ง/วัน สามารถทางานได้ตามปกติ
ลักษณะอาเจียนไม่มีน้าหรือเศษอาหาร
น้าหนักตัวลดลงเล็กน้อย แต่ไม่มีอาการขาดสารอาหาร
มารดาสามารถทากิจวัตรประจาวันได้
ผลกระทบต่อมารดาและทารก
ด้านทารก
การเจริญเติบโตช้าในครรภ์ คลอดก่อนกาหนด
พิการหรือทารกตายในครรภ์
ด้านมารดา
ผลกระทบด้านร่างกาย ได้แก่ น้าหนักตัวลดลง เกิดภาวะขาดสารอาหาร ภาวะขาดน้า
ผลกระทบด้านจิตใจ ได้แก่ ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า เกิดความรู้สึกสูญเสียการควบคุมตนเอง
การประเมินและการวินิจฉัย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจเลือดBUN & Cr K Na ตรวจ UA พบคีโตน LFTสูง SGOTต่ำbilirubin ALT & AST สูง
การตรวจพิเศษ
โดยการตรวจ U/S เพื่อหาความผิดปกติ เช่น การตั้งครรภ์แฝด ครรภ์ไข่ปลาอุก
การตรวจร่างกาย
อาการแสดงของการขาดน้า และขาดอาหาร เช่น น้าหนักตัวลด > 5% ผิวหนังแห้ง ขาดความตึงตัว ริมฝีปากแตก
การซักประวัติ
เพื่อค้นหาสาเหตุ อาการและอาการแสดง
การดูแลรักษา
ให้ดื่มของอุ่นๆ ทันทีที่ตื่นนอน เช่น นมชง โอวัลตินหรือน้าอุ่น ประมาณครึ่งถึงหนึ่งถ้วย แล้วนอนต่ออีกประมาณ 15 นาที ก่อนจะลุกขึ้นปฏิบัติกิจวัตรประจาวัน ทั้งนี้เพื่อมิให้กระเพาะอาหารว่างเปล่า
แนะนาให้รับประทานอาหารแข็งที่ย่อยง่าย เช่น ขนมปังปิ้ง หรือขนมปังแครกเกอร์ อาหารที่มีกลิ่นหรืออาหารที่ทอดมีไขมันมากควรงดเว้น ระหว่างหรือหลังรับประทานอาหารไม่ควรดื่มน้าร่วม
ให้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน ได้แก่ promethazine รายที่อาเจียนมาก droperidol , Metoclopramide Metoclopramide Metoclopramide ให้ยาคลายกังวล และยานอนหลับ diazepam
ให้วิตามิน B6
ในกรณีที่ให้การรักษาโดยวิธีต่างๆแล้วไม่ดีขึ้น จะต้องวินิจฉัยแยกโรค
การพยาบาลสตรีมีครรภ์ที่มีอาการอาเจียนรุนแรง
อธิบายให้เข้าใจและตระหนักถึงปัจจัยส่งเสริมที่ทาให้เกิดภาวะอาเจียนรุนแรง
ดูแลให้ได้รับยาแก้อาเจียนตามแผนการรักษา
ดูแลให้ได้รับสารน้าทางหลอดเลือดดาตามแผนการรักษา
NPO จนกว่าภาวะขาดน้าจะได้รับการแก้ไข
บันทึก I/O ชั่งน้าหนัก
ติดตามประเมินผลทางห้องปฏิบัติการ เช่น ค่า electrolyte & urine for ketone for ketone
ภายหลังอาการดีขึ้นให้เริ่มจิบน้า ขนมปังกรอบ โดยเริ่มครั้งละน้อยๆ
แนะนาให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
การตั้งครรภ์แฝด
สาเหตุ
แฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียว (Monozygotic ) ไม่ว่าจะเป็นแฝดคู่ แฝดสยามหรืออื่นๆ จะไม่ทราบสาเหตุ
แฝดชนิดนี้เป็นแฝดแท้ (True twins True twins ) เกิดจากการผสมของไข่ใบเดียวกับเชื้ออสุจิตัวเดียวจนได้ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิแล้ว แยกตัวเองเป็น 2 ใบ
แฝดที่เกิดจากไข่หลายใบ (Polyzygotic Polyzygotic ) เชื่อว่าเกิดจากปัจจัยหลายประการ
แฝดชนิดนี้เป็นแฝดเทียม (False twins False twins ) เกิดจากการผสมของไข่ 2 ใบ กับเชื้ออสุจิ 2 ตัว จึงเสมือนหนึ่งเป็นพี่น้องกันเพียงแต่มาอาศัยอยู่ในมดลูกคราวเดียวกันเท่านั้น
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกายและหน้าท้อง
น้าหนักระหว่างตั้งครรภ์ เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปกติ มีอาการบวมมากโดยเฉพาะที่ขาขนาดมดลูกโตมากกว่าระยะของการขาดประจาเดือน คลาพบได้ Ballottement หรือคลาได้ทารกมากกว่าหนึ่งคน คลาได้ส่วนเล็ก (Small part Small part ) มากกว่าธรรมดาคลาได้ส่วนใหญ่ (large part )สามแห่งหรือมากกว่า
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
โดยดูระดับฮอร์โมน estriol estriol เบต้า HCG HPL HCG HPL สูงกว่าปกติ
การซักประวัติ
มีประวัติครรภ์แฝดในครอบครัว การตั้งครรภ์อายุมาก การตั้งครรภ์หลายครั้ง สตรีที่มีรูปร่างใหญ่ น้าหนักมาก หรือมีประวัติเคยตั้งครรภ์แฝด
การตรวจพิเศษ
การถ่ายภาพรังสี ในช่วงครึ่งหลังของการตั้งครรภ์ การตรวจด้วยเครื่องคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasonography ) สามารถตรวจพบได้หลังอายุครรภ์ 6-7 สัปดาห์ การใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในทางสูติกรรมมากขึ้นทาให้วินิจฉัยครรภ์แฝดก่อนคลอดได้กว่าร้อยละ 90
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น
ด้านมารดา
โลหิตจาง (Anemia )
ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
การคลอดก่อนกาหนด
ถุงน้าคร่าแตกก่อนกาหนดคลอด
รกเกาะต่า(Placenta previa Placenta previa Placenta previa Placenta previa )
รกลอกตัวก่อนกาหนด (Abruptio placentae Abruptio placentae Abruptio placentae )
Vasa previa
ครรภ์แฝดน้า (Hydramnios Hydramnios )
ด้านทารก
1.ทารกเสียชีวิตในครรภ์
คลอดก่อนกาหนด พบได้มากถึงร้อยละ 78 ในครรภ์แฝดคู่
ภาวะอันตรายปริกาเนิดเพิ่มขึ้น
การดูแลสุขภาพสตรีตั้งครรภ์แฝด
ระยะคลอด
ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดโดยการผ่อนคลาย นวด ลูบหน้าท้อง การควบคุมการหายใจ
จัดให้นอนพักผ่อนบนเตียงในรายที่มีถุงน้าคร่าแตก เพื่อป้องกันสายสะดือพลัดต่า
ให้ได้รับสารน้าและอาหารทางหลอดเลือดดา
เจาะเลือดหากลุ่มเลือดเตรียมจองเลือด เพื่อป้องกันการตกเลือดในระยะคลอดและหลังคลอด
ช่วยแพทย์ในการทาคลอดทางช่องคลอด การทาคลอดควรระมัดระวัง การผูกสายสะดือทางด้านมารดาให้แน่น เพื่อป้องกันการเสียเลือดของทารกคนที่ 2
ภายหลังทารกคนแรกคลอดแล้ว ควรตรวจหน้าท้องมารดาเพื่อหาส่วนนาของทารกคนที่ 2ถ้าเป็นท่าปกติ ควรเจาะถุงน้าคร่าเพื่อเร่งคลอด
ระยะหลังคลอด
เฝ้าระวังการตกเลือดหลังคลอด
ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก
ประเมินภาวะติดเชื้อ โดยสังเกตลักษณะ สี จานวนของน้าคาวปลา
การให้ธาตุเหล็กทดแทนปริมาณเลือดที่เสียไป
ช่วยเหลือให้มีการปรับตัวที่เหมาะสม โดยเฉพาะการเลี้ยงบุตรแฝด
ระยะตั้งครรภ์
แนะนาให้มาฝากครรภ์ตั้งแต่เริ่มแรกของการตั้งครรภ์ และมาตรวจตามนัดทุกครั้ง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
การให้สตรีตั้งครรภ์แฝดรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ซึ่งจะต้องได้รับปริมาณอาหารมากกว่าสตรีตั้งครรภ์ปกติ
การทางานและการพักผ่อน ควรหลีกเลี่ยงงานที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ควรงดการทางานหนัก การเดินทางในเส้นทางที่กระทบกระเทือน
การทาจิตใจให้สบาย ผ่อนคลาย ไม่เครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไป
งดการมีเพศสัมพันธ์และการกระตุ้นเต้านม
การสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว บวม เด็กดิ้นน้อยลง
ควรรับไว้ในรพ.เมื่ออายุครรภ์ 36 สัปดาห์ ซึ่งจะช่วยลดอันตรายของทารกแรกเกิด
ทารกตายในครรภ์
ผลของทารกตายในครรภ์ต่อสุขภาพของสตรีตั้งครรภ์
ในรายที่ทารกตายในครรภ์มากกว่า 4 สัปดาห์ขึ้นไป สตรีตั้งครรภ์มีโอกาสเกิดภาวะตกเลือดได้ล่ายจากระบบการแข็งตัวของลือดบกพร่องหรือ Disseminated Intravascular Coagulogram DIC ที่เป็นผลมาจาก thromboplastin จากทารกเล็ดลอดเข้าไปในกระแสเลือดของสตรีตั้งครรภ์
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย
ฟังFHS ไม่ได้,คลาพบกะโหลกศีรษะนิ่มกว่าปกติ น้าหนักตัวไม่ขึ้น ตรวจพบมีสิ่งขับหลั่งสีน้าตาลไหลออกจากช่องคลอด
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การถ่ายภาพรังสี (X-ray) พบอาการแสดงที่สาคัญ Spalding ’s sign Deuel sign
การซักประวัติ
ซักประวัติได้ว่ารู้สึกทารกไม่ดิ้น ท้องเล็กลง น้าหนักตัวไม่ขึ้น ดัดตึงเต้านมน้อยลง และมีสิ่งขับหลั่งสีน้าตาลไหลออกมาทางช่องคลอดหรือได้รับอุบัติเหตุที่หน้าท้อง
แนวทางการรักษา
การทาให้ครรภ์สิ นสุดลง สามารถทาได้หลายวิธี
รอให้เจ็บครรภ์และคลอดเอง ประมาณ 90 % ของDFIU ภายใน 1 เดือนจะเจ็บครรภ์ ซึ่งถ้าDFIU >2wks . ควรตรวจเลือดเพื่อดูclotting time clotting time และfibrinogen fibrinogen ทุกสัปดาห์ ถ้าพบว่าระดับfibrinogen < fibrinogen < fibrinogen <100mg .% ต้องทาให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลง
อาการและอาการแสดง
1.หญิงตั้งครรภ์ให้ประวัติว่าเด็กไม่ดิ้น มีเลือดหรือมีน้าสีน้าตาลออกทางช่อง น้าหนัก ตัวลดลง เต้านมดัดตึงน้อยลง นุ่มและเล็กลง
2.ตรวจหน้าท้อง พบระดับมดลูกต่ากว่าอายุครรภ์และคลาตัวทารกพบว่าไม่รู้สึกว่าทารกดิ้นมากระทบมือ ฟังFHS ไม่ได้คลาศีรษะทารกจะรู้สึกนุ่มและสามารถบีบให้เล็กลงได้ เนื่องจากกระดูกกะโหลกศีรษะเกยกัน
สาเหตุ
โรคที่เกิดเนื่องจากการตั้งครรภ์ ได้แก่preeclampsia หรือeclampsia รกเกาะต่าและรกลอกตัวก่อนกาหนด
2 .โรคที่เกิดร่วมกับการตั้งครรภ์ ได้แก่เบาหวาน ภาวะโลหิตจาง
โรคติดเชื้อ ได้แก่ มาลาเรีย ไทฟอยด์ ปอดบวม หัดเยอรมัน เริม และคางทูม
ภาวะผิดปกติของทารก ได้แก่IUGR , hydrops fetalis ,ความผิดปกติแต่กาเนิด เช่นCHD, anencephaly ภาวะแทรกซ้อนของสายสะดือ เช่น สายสะดือบิดพันกัน การอุดตัน ของหลอดเลือดในสายสะดือ สายสะดือถูกมัดแน่นจากamniotic band amniotic band สายสะดือพันรอบคอ ทารก สายสะดือผูกเป็นปม เป็นตัน
ความผิดปกติของโครโมโซม ที่พบบ่อยได้แก่trisomy , Down trisomy
การได้รับอุบัติเหตุของหญิงตั้งครรภ์ที่มีผลต่อทารกในครรภ์
การเจ็บครรภ์คลอดก่อนกาหนด
สาเหตุ
ถุงน้าคร่าแตกก่อนกาหนด
การติดเชื้อของน้าคร่า
ความผิดปกติของทารกหรือรก
เคยมีประวัติคลอดก่อนกาหนด หรือแท้งในระยะหลังของการตั้งครรภ์
มดลูกขยายโตกว่าปกติ มักพบจากการตั้งครรภ์แฝด หรือครรภ์แฝดน้า
ทารกเสียชีวิตในครรภ์
เนื้อเยื่อปากมดลูกอ่อนนุ่มผิดปกติ ทาให้ปากมดลูกเกิดการบางตัวและเปิดทั้งๆที่ไม่มีการหดรัดตัวของมดลูก
ความผิดปกติของมดลูก
ความผิดปกติของรก
10 . ห่วงอนามัยค้างอยู่ในโพรงมดลูก
11 . โรคร้ายแรงของมารดา
12 . การชักนาให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกาหนด เนื่องจากคานวณอายุครรภ์ผิด
กลไกการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกาหนด
กล้ามเนื้อมดลูก (myometrium ) จากการกระตุ้นของฮอร์โมน progesterone, estrogen และการยืดขยายของมดลูก
ปากมดลูก (cervix ) ในระยะใกล้คลอดส่วนประกอบที่สาคัญของปากมดลูก คือ collage n fibers fibers จะถูกย่อยสลาย สารเดอร์มาแทน (dermatan dermatan ) และคอนโดรทีน(chondroitin cho )
ฮอร์โมน progesterone, estrogen, oxytocin และ prostaglandin
อาการและอาการแสดง
ลักษณะของการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกาหนดจะเหมือนกับการเจ็บครรภ์จริง คือมีการหดรัดตัวของมดลูกอย่างสม่าเสมอ ร่วมกับมีการเปลี่ยนแปลงของปากมดลูก อาจมีอาการปวดหรือไม่มีอาการปวดร่วมด้วย
ผลกระทบที่เกิดขึ้น
ด้านทารก
ภาวะแทรกซ้อนในระยะแรก ได้แก่ RDS ,Hypoglycemia HypoglycemiaHypoglycemia Hypoglycemia
ภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว ได้แก่ bronchopulmonary dysplasia, cerebral palsy เป็นต้น
ภาวะคลอดก่อนกาหนดมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงถึง 15 เท่าเมื่อเทียบกับทารกครบกาหนด
ด้านมารดา
เสี่ยงต่อการได้รับผลกระทบจากการจากัดกิจกรรมเป็นเวลานาน
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยับยั้งการหดรัดตัวของมดลูก
เกิดภาวะเครียด และความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของทารกและค่าใช้จ่าย
กระบวนการพยาบาล
การซักประวัติ ประเมินอายุครรภ์อาการเตือนของการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกาหนด ข้อมูลที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดการคลอดก่อนกาหนด ภาวะจิตสังคม
การตรวจร่างกายและการตรวจครรภ์ จับ Interval, Duration Interval, Duration Interval, Duration Interval, Duration Interval, Duration> 30 ’’ (บางรายที่จาเป็นอาจPV )
การตรวจวินิจฉัย การตรวจทางห้องปฏิบัติการ U/S เพื่อวัดความยาวของปากมดลูก หากยาวน้อยกว่าหรือเท่ากับ 2.5 cm . เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกาหนด
การรักษาของแพทย์
แนวทางการรักษา
หากไม่มีการหดรัดตัวของมดลูก และไม่มีการบางตัวของปากมดลูก ไม่มีการรักษาใดๆ
หากมีการหดรัดตัวของมดลูก แต่ไม่มีการบางตัวของปากมดลูก วินิจฉัยว่าเป็นการเจ็บครรภ์ก่อนกาหนด ให้นอนพักอย่างเพียงพอ และให้สารน้าอย่างเพียงพอ ( hydrati on ) on ) เมื่อได้ผลดีไม่จาเป็นต้องได้รับยายับยั้งการหดรัดตัวของมดลูก
หากมีการหดรัดตัวของมดลูก และมีการบางตัวของปากมดลูก วินิจฉัยว่าเป็นการคลอดก่อนกาหนด
ยาสาหรับยับยั้งการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกาหนด
Beta . Beta -adrenergic receptor agonists (betasympathomimeticbetasympathomimeticdrugs )ได้แก่ Ritodrine(Yutopar ), Terbutaline (Bricanyl l), ), Fenoterol (Berotec )
Magnesium sulfate
Antiprostaglandins หรือ prostaglandin ynthetase inhibitors ได้แก่ salicylate,indomethacin,naproxen
Calcium channel blocking drugs เช่น nifedipine verapamil
ยาอื่น ๆ เช่น progesterone, ethanol diazoxide เป็นต้น