Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความผิดปกติของทางเดินอาหาร, image, image - Coggle Diagram
ความผิดปกติของทางเดินอาหาร
ท้องผูก
อาการและอาการแสดง
ขับถ่ายยาก หรือขับถ่ายเองไม่ได้ ต้องให้ช่วยบ่อยๆ เป็นเวลากว่า 6 เดือน
อุจจาระแข็ง หรือจับเป็นก้อน
ขับถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งใน 1 สัปดาห์
สาเหตุ
⚙
ดื่มน้ำน้อย
ดื่มน้ำน้อยกว่าวันละ 8 แก้ว
เนื่องจากผู้สูงอายุบางรายมีปัญหาเรื่องกลั้นปัสสาวะไม่ได้ จึงดื่มน้ำน้อยลง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการทำงานของร่างกาย ส่งผลให้อุจจาระเป็นก้อนแข็ง ถ่ายยาก เบ่งนาน
ถ่ายไม่เป็นเวลาหรือมีนิสัยกลั้นอุจจาระ
ส่งผลให้อุจจาระตกค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่เป็นเวลานาน
ไม่ชอบทานอาหารที่มีไฟเบอร์ หรือทานอาหารที่มีกากใบน้อย
ไม่ชอบทานผัก ผลไม้ หรือทานน้อยมาก ทำให้ไม่มีกากอาหารเพียงพอที่จะกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้อุจจาระเป็นก้อนแข็ง
การบดเคี้ยวไม่ดีเนื่องจากฟันผุ ไม่มีฟันที่จะบดเคี้ยวอาหาร
ไม่ออกกำลังกาย, ออกกำลังกายน้อยลง หรือ นอนติดเตียง
ทำให้ลำไส้ไม่เคลื่อนไหวหรือเคลื่อนไหวน้อย ทำให้แรงดันในลำไส้ใหญ่ลดลง
อายุมากขึ้น
รับรสและดมกลิ่นได้น้อยลง ส่งผลให้ทานอาหารได้น้อยลง ส่งผลต่อระบบขับถ่าย
เกิดการเปลี่ยนแปลงของการทำงานกระเพาะอาหารในการหลั่งกรดที่ช่วยย่อยอาหารลดลง
ลำไส้เล็กบีบตัว เคลื่อนไหวน้อยลง
ลำไส้ใหญ่บีบตัวเคลื่อนไหวช้ากว่าปกติ ส่งผลให้มีอุจจาระค้างในลำไส้ใหญ่มากขึ้น
โรคประจำตัว
การรับประทานยาโรคประจำตัว ซึ่งยาบางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ เช่น ยารักษาโรคซึมเศร้า ยารักษาการอักเสบต่างๆ
ความเครียด
ส่งผลให้การเคลื่อนไหวน้อยลง ส่งผลลดการบีบตัวของลลำไส้
ส่งผลให้เบื่ออาหาร
สาเหตุอื่นๆ
เช่น ดื่มเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟมากเกินไป ได้รับยาแก้ปวด หรือยาบางอย่าง หรืออาจมีโรคที่ทำให้ท้องผูกได้ เช่น โรคทางระบบประสาท มะเร็งลำไส้ใหญ่ ฯลฯ
การรับประทานยาระบายเป็นประจำ
ทำให้ลำไส้ใหญ่ถูกกระตุ้นจากยาอยู่เสมอจนลำไส้ไม่สามารถทำงานตามกลไกปกติได้
ความหมาย
🧬
การถ่ายอุจจาระลำบาก ต้องใช้เวลาเบ่งนานกว่าปกติ ร่วมกับการมีอุจจาระแข็ง ซึ่งเกิดจากกากอาหารที่ย่อยแล้วเคลื่อนที่มาถึงลำไส้ใหญ่แล้วถูกดูดซึมน้ำและสารบางอย่างกลับเข้าสู่ร่างกาย ทำให้อุจจาระแห้งเป็นก้อนแข็ง อุจจาระที่ค้างอยู่ในลำไส้ยิ่งนาน ร่างกายมีภาวะขาดน้ำ เนื่องจากดื่มน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้น้ำถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกายมาก อุจจาระก็จะแข็งมากขึ้น เป็นเหตุให้ถ่ายลำบาก หรือผู้ที่ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ การที่อุจจาระที่คั่งค้างในลำไส้นาน ทำให้เกิดความไม่สุขสบาย แน่นท้องอึดอัด ภาวะท้องผูกมักพบบ่อยในผู้สูงอายุ
ภาวะแทรกซ้อน
🧫
รู้สึกรำคาญ อึดอัดในช่องท้อง ท้องอืด เบื่ออาหาร ปวดท้อง ทำให้รับประทานอาหารน้อยลง
บางรายอุจจาระที่ถ่ายไม่ออกหลายๆวันจะไปอุดตันจนไม่สามารถถ่ายออก
อาจทำให้มีอาการลำไส้โป่งพองมาก มีโอกาสแตกทะลุ
ถ้าลำไส้อุดตันอาจจะมีอาการท้องเสียตามมาด้วย ในบางราย ( พบน้อย )
ทำให้มีการสูญเสียเกลือแร่และน้ำ
แนวทางการดูแล / การป้องกัน
👩⚕️
ออกกำลังกายที่ไม่ขัดต่อโรค เช่น การเดิน การแกว่งแขน การทำกายบริหารอย่างง่ายๆ จะช่วยให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น
ถ้าปฏิบัติตามข้อ 1-4 ไม่ได้ผล ใช้ยาระบายตามแพทย์สั่ง และใช้เท่าที่จำเป็น ผู้ป่วยส่วนใหญ่ถ้าปฏิบัติตัวดีก็หายเองได้
ผ่อนคลายความเครียดในชีวิตประจำวัน สูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ ฟังดนตรีเบาๆ ทำใจให้สบายร่วมกับการออกกำลังกาย เพื่อผ่อนคลายร่างกาย
ขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลาทุกวัน และไม่ควรรีบเร่งจนเกินไป ซึ่งตำราโบราณถือว่า เวลา 05.00-07.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ลำไส้ใหญ่ทำงานได้ดีที่สุด หรือจัดสถานที่ขับถ่ายให้เหมาะสม
7.หากมีปัญหาช่องปากและฟัน ควรได้รับการรักษา
ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว โดยเฉพาะเวลาตื่นนอนตอนเช้า ควรดื่มน้ำ 2-3 แก้ว เพื่อกระตุ้นการทำงานของลำไส้ (ถ้าแพทย์ไม่ได้จำกัดน้ำดื่ม) อาจเพิ่มน้ำผัก น้ำผลไม้ในการช่วยย่อยอาหารด้วย ไม่ควรดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งจะทำให้อุจจาระแห้ง
รับประทานอาหารที่มีกากหรือเส้นใยอาหารให้มากขึ้นเช่น ผักใบเขียวต่างๆ ผลไม้ทุกชนิด เมล็ดธัญพืช เช่น ถั่วต่างๆ ข้าวกล้อง ลูกเดือย ข้าวโพด เป็นต้น ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่มีกากใย เช่น ครีม เนย เนื้อสัตว์ติดมัน มันทอด และขนมหวานต่างๆ เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง สังขยา ฯลฯ
ท้องเสีย
สาเหตุ
ท้องเสียแบบเฉียบพลัน
🍛🍚🍲 อาการท้องเสียที่เกิดขึ้นติดต่อกันไม่เกิน 2 สัปดาห์
การติดเชื้อไวรัส มีไวรัสหลายชนิดที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสีย เช่น โรต้าไวรัส โนโรไวรัส
การได้รับเชื้อปรสิต เชื้อปรสิตสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านอาหารและน้ำที่ปนเปื้อน และอาศัยอยู่ในระบบย่อยอาหารของคนเรา เชื้อปรสิตที่มักพบ คือ เชื้อไกอาเดีย เชื้อแอนตามีบาฮิสโตลิติกาหรือเชื้อบิดอะมีบา
การติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อแบคทีเรียที่มักปนเปื้อนในน้ำหรืออาหาร และก่อให้เกิดอาการท้องเสียตามมา ได้แก่ เชื้อแคมไพโลแบคเตอร์ และเชื้ออีโคไล
อาการวิตกกังวล การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากเกินไป การแพ้อาหารบางชนิด ไส้ติ่งอักเสบ หรือเยื่อบุลำไส้เสียหายจากการฉายรังสี เป็นต้น
หน้าร้อน อาหารจะบูดเน่าได้ง่าย และมีแมลงวันชุม อาหารไม่สะอาด
ท้องเสียแบบเรื้อรัง
💊💉🩺
อาการท้องเสียที่เกิดขึ้นติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไป
อาหาร
บางคนอาจมีปัญหาในการย่อยสารอาหารบางประเภท อย่างการขาดน้ำย่อยสำหรับย่อยน้ำตาลแล็กโทส ซึ่งเป็นน้ำตาลที่พบมากในนมหรือผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับนม นอกจากนี้ การรับประทานสารทดแทนความหวานในปริมาณมากก็อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสียได้เช่นกัน
การตอบสนองต่อยาบางประเภท
ยาปฏิชีวนะ ยารักษาโรคมะเร็ง รวมถึงยาลดกรดที่มีแมกนีเซียม สามารถทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
โรคในระบบทางเดินอาหารและโรคลำไส้ผิดปกติ
เช่น โรคโครห์น โรคลำไส้อักเสบ โรคเซลิแอคหรือแพ้กลูเตน โรคลำไส้แปรปรวน โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ โรคตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น
การผ่าตัด
อาการท้องเสียอาจเกิดขึ้นหลังจากเข้ารับการผ่าตัดบางชนิด อย่างการผ่าตัดลำไส้ หรือการผ่าตัดนำถุงน้ำดีออกไป
ภาวะแทรกซ้อน
🎆
ภาวะย่อยน้ำตาลแล็กโทสบกพร่อง คือ ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลแล็กโทสได้หมด
🩸กลุ่มอาการเม็ดเลือดแดงแตกยูรีเมีย หากท้องเสียจากการติดเชื้อบางชนิด
โรคลำไส้แปรปรวน
ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่
ร่างกายส่วนอื่นตอบสนองต่อการติดเชื้อในทางเดินอาหารจนเกิดการอักเสบตามไปด้วย
การติดเชื้อลุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย
อาการและอาการแสดง
หรือถ่ายเป็นมูกเลือดตั้งแต่ 1 ครั้งขึ้นไป ภายใน 24 ชั่วโมง
ริมฝีปากแห้ง คอแห้ง ตาโหล ซึม อาจมีความดันโลหิตต่ำหากเป็นมาก
ถ่ายอุจจาระเหลว ถ่ายเป็นน้ำมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป
บางรายอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ อ่อนเพลีย รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว และมีไข้
ความหมาย
🦠
ภาวะที่ผู้ป่วยถ่ายอุจจาระที่เหลวกว่าปกติและถ่ายบ่อยมากกว่าวันละ 3 ครั้ง ถ่ายบ่อยกว่าปกติของแต่ละคน หรือถ่ายเป็นมูกปนเลือด 1 ครั้งหรือมากกว่านั้นภายใน 24 ชั่วโมง
ร่างกายของผู้สูงอายุ ทนต่ออาการเสียน้ำได้ไม่ดีนัก แม้ท้องเสียเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ระดับเกลือแร่ในเลือดลดต่ำลงได้
แนวทางการดูแล / การป้องกัน
👨⚕️
ไม่ควรดื่มน้ำเกลือแร่สำหรับการสูญเสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย เครื่องดื่มบำรุงกำลัง หรือน้ำอัดลมที่ผสมเกลือแทนการดื่มน้ำเกลือแร่ เพราะจะไม่ได้ปริมาณเกลือแร่ที่สูญเสียไปตามที่ร่างกายต้องการ
หลังจากท้องเสีย 1 สัปดาห์ ควรงดอาหารรสจัด มีแก๊สเยอะ ถั่ว ผลิตภัณฑ์จากนม แต่ควรทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่ายแทน เนื่องจาก ระบบย่อยอาหารในผู้สูงอายุไม่ค่อยดี
ในผู้สูงอายุ หากมีท้องเสีย 1-2 ครั้ง ควรเริ่มทานผลเกลือแร่สำเร็จรูปได้แล้ว โดยดื่มแทนน้ำเปล่า เป็นการดูแลอาการเบื้องต้นที่ช่วยบรรเทาอาการได้เป็นอย่างดีแต่หากผู้สูงอายุมีอุจจาระมีเลือดปนควรรีบพบแพทย์
ไม่จำเป็นต้องทานยาหยุดถ่าย ควรปล่อยให้ถ่ายไป เพราะร่างกายต้องขับของเสียออกมาจนหมดจึงจะหยุดถ่ายไปเองตามธรรมชาติ
หากผู้สูงอายุท้องเสียมากๆ จะเกิดอาการแสบก้นหรือก้นเปื่อย ให้ใช้ปิโตรเลียมเจลทาบริเวณดังกล่าว เพื่อช่วยลดอาการแสบ
หลังท้องเสีย 1 สัปดาห์ ควรระวังเรื่องอาหารการกินมากขึ้น เพราะอาจจะท้องเสียซ้ำอีกได้ หากทานอาหารที่ไม่สะอาด หรือรสจัด
ระหว่างที่มีอาการ แนะนำให้หยุดเลี่ยงการรับประทานอาหาร ที่มีผลิตภัณฑ์นมเป็นส่วนประกอบ งดอาหารรสจัดและของหมักดอง รับประทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้มหรือโจ๊ก
แนะนำ รับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ ย่อยง่าย และควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียด อีกทั้งดูแลสุขอนามัย เช่น ล้างมือด้วยสบู่หลังเข้าห้องน้ำและก่อนกินอาหาร
หมั่นสังเกตอาการผิดปกติของตนเอง โดยเฉพาะสัญญาณของภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ หากรุนแรงอาจช็อคได้ ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบพบแพทย์
💗นางสาวธัชพรรณ อัศวภูมิ เลขที่ 47 ห้อง B รุ่นที่ 26💟
อ้างอิง
สมชาย ลีลากุศลวงศ์. (2553). ท้องผูก. สืบค้นจาก :
https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=363
. (31 พฤษภาคม 2563)
ศิริพร อริยพุทธรัตน์. (2561). “ผู้สูงวัย”กับอาการท้องผูก!!. สืบค้นจาก :
https://www.thebangkokinsight.com/33635/
. (31 พฤษภาคม 2563)
Pobpad. ท้องเสีย. สืบค้นจาก :
https://www.pobpad.com/%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2
. (31 พฤษภาคม 2563)
Thaiseniormarket. (2556). ทำอย่างไรเมื่อผู้สูงอายุท้องเสีย. สืบค้นจาก :
http://www.thaiseniormarket.com/article-detail/172
. (31 พฤษภาคม 2563)