Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีการปรับตัวของรอย Roy Adaptation Theory - Coggle Diagram
ทฤษฎีการปรับตัวของรอย Roy Adaptation Theory
กระบวนทัศน์หลักเกี่ยวกับทฤษฎี
บุคคล หมายถึง คนหรือมนุษย์ที่เป็นผู้รับบริการที่ประกอบด้วย ชีวะ จิต สังคม และมีระบบการปรับตัวเป็นองค์รวม มีลักษณะเป็นระบบเปิด
ภาวะสุขภาพ หมายถึง สภาวะและกระบวนการที่ทำให้บุคคลมีความมั่นคงสมบูรณ์
สิ่งแวดล้อม หมายถึง ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวบุคคลทั้งภายในและภายนอก ซึ่งรอยได้เรียกสิ่งแวดล้อมว่าเป็นสิ่งเร้า มี 3 ประเภท คือ
สิ่งเร้าร่วม
สิ่งเร้าแฝง
สิ่งเร้าตรง
การพยาบาล การช่วยเหลือให้กับบุคคล กลุ่มบุคคล ครอบครัว ชุมชน และการพยาบาลมีเป้าหมายส่งเสริมให้มีการปรับตัวที่เหมาะสมของบุคคลและสิ่งแวดล้อมที่เป็นสาเหตุ เพื่อบรรลุซึ่งการมีสภาวะสุขภาพและคุณภาพชีวิต
มโนทัศน์หลักในทฤษฎีการปรับตัวของรอย
บุคคลเป็นระบบการปรับตัว (Human as Adaptive system)
สิ่งนำออกหรือผลรับ
เป็นผลของการปรับตัวของบุคคลที่จะสังเกตได้จากพฤติกรรมการปรับตัวทั้ง 4 ด้าน
กระบวนการ
กลไลการควบคุม เกิดขึ้นในระบบตามธรรมชาติ นั่นคือ การปรับตัวพื้นฐานของบุคคล
กลไกการรับรู้ เกิดจากการเรียนรู้ คือ การทำงานของจิตและอารมณ์ 4 กระบวนการ ได้แก่
การรับรู้
การเรียนรู้
การตัดสินใจ
การแก้ปัญหา
สิ่งนำเข้า
สิ่งเร้าจากสิ่งแวดล้อมหรือจากตัวบุคคลและระดับการปรับตัวของบุคคล
พฤติกรรมการปรับตัว (Adaptive Mode)
ด้านร่างกาย
วิธีการตอบสนองด้านร่างกายต่อสิ่งเร้าโดยสะท้อนให้เห็นการทำงานระดับเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ
การรับความรู้สึก
น้ำและอิเลคโตรลัยท์
การทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ
ด้านอัตมโนทัศน์
อัตมโนทัศน์ด้านร่างกาย
ด้านรับรู้ความรู้สึกด้านร่างกาย
เป็นความรู้สึกเกี่ยวกับสภาวะเเละสมรรถภาพของร่างกาย
เช่น ความรู้สึกเหนื่อยอ่อนเพลีย
ด้านภาพลักษณ์ของตนเอง
เป็นความรู้สึกที่มีต่อขนาดรูปร่าง หน้าตา ท่าทางของตนเอง
เช่น คิดว่าเป็นคนสวย เป็นคนผิวดี รูปร่างสมส่วน
อัตมโนทัศน์ส่วนบุคคล
ด้านความคาดหวัง
เป็นการรับรู้ตนเอง ในเรื่องเกี่ยวกับความนึกคิด เเละความคาดหวังของบุคคลที่ปรารถนา จะเป็นตนเอง จะเป็นอะไร หรือทำอย่างไร ตลอดจนความคาดหวังของบุคคลอื่นที่มีต่อตนเอง
ด้านศีลธรรมจรรยา
เป็นความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อตนเองเกี่ยวกับศีลธรรมจรรยา กฎเกณฑ์ ค่านิยมทางสังคม ขนบธรรมเนียมประเพณี
ด้านความมั่นคงในตนเอง
เป็นการรับรู้ต่อตนเองตามความรู้สึก เกี่ยวกับความพยายามในการดำรงไว้ ซึ่งความมั่นคง หรือความปลอดภัย ถ้าหากมีการปรับตัวไม่ได้ บุคคลจะเเสดงออกในพฤติกรรม เช่น ความวิตกกังวล ไม่สบายใจ เจ็บปวดทางด้านจิตใจ
ด้านบทบาทหน้าที่
บทบาททุติยภูมิ
( Secondary role) เกิดจากพัฒนาการทางด้านสังคมการเรียนรู้ ขึ้นอยู่กับงานที่ทำ
บทบาทตติยภูมิ
( Tertiary role ) เป็นบทบาทชั่วคราวที่บุคคลมีอิสระที่จะเลือกเพื่อส่งเสริมให้บรรลุซึ่งเป้าหมายบางอย่างของชีวิต
บทบาทปฐมภูมิ
( Primary role ) เป็นบทบาทที่มีติดตัว เกิดจากพัฒนาการช่วงชีวิตช่วยในการคาดคะเนว่าแต่ละบุคคลควรมีพฤติกรรมอย่างไร
ด้านการพึ่งพาระหว่างกัน
สัมพันธภาพกับบุคคลใกล้ชิด
บุคคลมีความสำคัญต่อตนเองมากที่สุด
เช่น บิดามารดา สามี
สัมพันธภาพกับระบบสนับสนุน
บุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้องและพึ่งพาซึ่งกันและกัน
เช่น ญาติพี่น้อง
สิ่งเร้า (stimuli)
สิ่งเร้าร่วม
สิ่งเร้าอื่น ๆ ที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อม และมีความเกี่ยวข้องกับการปรับตัวของบุคคลนั้น
เช่น คุณลักษณะทางพันธุกรรม เพศ ระยะพัฒนาการของบุคคล ยา สุรา บุหรี่ อัตมโนทัศน์ การพึ่งพาระหว่างกัน
สิ่งเร้าแฝง
สิ่งเร้าที่เป็นผลมาจากประสบการณ์ในอดีตซึ่งเกี่ยวกับทัศนคติ อุปนิสัยและบุคลิกภาพเดิม สิ่งเร้าในกลุ่มนี้บางครั้งตัดสินยาก ว่ามีผลต่อการปรับตัวหรือไม่
สิ่งเร้าตรง
สิ่งเร้าที่บุคคลเผชิญโดยตรงและมีความสำคัญมากที่สุดที่ทำให้บุคคลต้องปรับตัว เช่น ได้รับการผ่าตัดหรือการฉายรังสี เป็นต้น
ทฤษฎีการปรับตัวของรอยกับกระบวนการทางพยาบาล
ขั้นตอนที่ 1 การประเมินสภาวะ
ประเมินองค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อการปรับตัว ประเมินหรือค้นหาสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาการปรับตัว
1.ประเมินพฤติกรรม ปฏิกริยาตอบสนองของผู้ป่วยต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งเร้า
ขั้นตอนที่ 2 การวินิจฉัยการพยาบาล
จะกระทำหลังการประเมินสภาวะ โดยการระบุปัญหาที่ประเมินได้ และระบุสิ่งเร้าที่เป็นสาเหตุของปัญหา
ขั้นตอนที่ 3 การวางแผนการพยาบาล
กำหนดเป้าหมายการพยาบาลหลังจากที่ได้ระบุปัญหาและสาเหตุ จุดมุ่งหมายของการพยาบาลคือการปรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมไปสู่พฤติกรรมที่เหมาะสม
ขั้นตอนที่ 5 การประเมิน
ขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการพยาบาลคือ การประเมินผลการพยาบาล โดยดูว่าการพยาบาลที่ให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการหรือไม่
ขั้นตอนที่ 4 การปฏิบัติการพยาบาล
ขั้นตอนการปฏิบัติการพยาบาลเป็นขั้นตอนที่ 5 ตามแนวคิดของรอย โดยเน้นจัดการกับสิ่งเร้า หรือสิ่งที่เป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาการปรับตัว โดยทั่วไปมักจะมุ่งปรับสิ่งเร้าตรงก่อนเนื่องจากเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดปัญหา ขั้นต่อไปจึงพิจารณาปรับสิ่งเร้าร่วมหรือสิ่งเร้าแฝง และส่งเสริมการปรับตัวให้เหมาะสม