Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคไข้เลือดออก (dengue hemorrhagic fever) - Coggle Diagram
โรคไข้เลือดออก (dengue hemorrhagic fever)
เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค มักพบในประเทศเขตร้อนและระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี อาการของโรคไข้เลือดออกมีตั้งแต่ไม่รุนแรงมากนักไปจนถึงเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
สาเหตุ
เชื้อไวรัสเดงกีซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 4 สายพันธุ์ คือ DENV-1, DENV-2, DENV-3 DENV-4
มียุงลายตัวเมียเป็นพาหะนำโรค เมื่อยุงลายกัดและดูดเลือดที่มีเชื้อจากผู้ป่วยแล้วไปกัดผู้ใด ก็จะถ่ายทอดเชื้อโรคนี้ให้กับผู้ที่ถูกกัด เป็นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
ยุงที่มีเชื้อไวรัสไปกัดคนอื่นๆ ต่อ เชื้อไวรัสก็จะเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ที่โดนกัด ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกตามมา
อาการ
มีไข้สูงเฉียบพลัน เกิน 5 องศาเซลเซียส หรืออาจสูงถึง 40-41 องศาเซลเซียส ซึ่งบางรายอาจมีอาการชักเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเด็กที่เคยมีประวัติชัก
• มีเลือดออกที่ผิวหนัง เป็นจุดเลือดเล็กๆ กระจายอยู่ตามแขน ขา ลำตัว รักแร้ อาจมีเลือดกำเดา หรือเลือดออกตามไรฟัน
• ในรายที่รุนแรงอาจมีอาเจียนและถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ซึ่งมักจะเป็นสีดำ (melena) อาการเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนใหญ่จะพบร่วมกับภาวะช็อก
• สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุด คืออาการช็อก ที่ทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดล้มเหลว
• บางรายมีภาวะตับโต กดเจ็บ ส่วนใหญ่จะคลำพบตับโตได้ประมาณวันที่ 3-4 นับตั้งแต่เริ่มป่วย ตับจะนุ่มและกดเจ็บ
มีภาวการณ์ไหลเวียนล้มเหลว ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยไข้เลือดออกจะมีอาการรุนแรง โดยเกิดภาวะการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว หรือภาวะช็อก
มีการรั่วของพลาสมาออกไปยังช่องปอด ช่องท้อง เกิด hypovolemic shock ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นพร้อมๆ มีไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว เวลาที่เกิดอาการช็อกจึงขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่มีไข้
เกิดได้ตั้งแต่วันที่ 3 ของโรค หรือวันที่ 8 ของโรค ผู้ป่วยจะมีอาการเลวลง เริ่มมีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ชีพจรเบา เร็ว และความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง
อาการที่เป็นสัญญาณอันตราย
• ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว อ่อนเพลีย มือเท้าเย็น เหงื่อออก
• กระหายน้ำ กระสับกระส่าย ชีพจรเบาเร็ว ซึมลง
• ปัสสาวะน้อยลง
• ปลายมือปลายเท้ามีสีคล้ำ รอบๆปากเขียว
• อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระเป็นเลือด
การดำเนินโรค
ระยะไข้ (2-7วัน)•
ไข้สูงลอยทันที
ในเด็กเล็ก หรือผู้ป่วยที่เคยมีประวัติเคยชักมาก่อน อาจมีอาการชักจากไข้สูงได้
. ระยะวิกฤต (1-2วัน)
• ช็อค ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องรุนแรง อาเจียน กระหายน้ำ กระสับกระส่าย ปัสสาวะออกน้อย
• ไม่ช็อค ผู้ป่วยจะมีอาการไม่รุนแรง ซึม อาเจียน ปวดท้องเล็กน้อย เป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วจะดีขึ้นเข้าสู่ระยะฟื้นตัวได้เร็ว ระยะนี้กินเวลา 1-2 วัน
ระยะฟื้นตัวตัว (2-3วัน)
• หลังจากไข้ลด 2-3 วัน อาการทั่วไปจะดีขึ้นรับประทานอาหารได้ ปัสสาวะออกมากขึ้น อาจมีผื่นแดง คันตามมือ เท้า ลำตัวได้
ปัจจัยเสี่ยง
• เด็กทารกและผู้สูงอายุ
• หญิงตั้งครรภ์
• ผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหาร
• ผู้หญิงที่อยู่ระหว่างมีประจำเดือนหรือมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
• ผู้ที่มีโรคเม็ดเลือดแดงแตกง่าย หรือโรคที่เกิดจากฮีโมโกลบินผิดปกติ
• ผู้ป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
• ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด โรคหัวใจขาดเลือด ไตวาย ตับแข็ง
• ผู้ที่รับประทานยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroid) หรือยาในกลุ่มยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal Anti-Inflammatory หรือ NSAIDs)
การรักษา
ปัจจุบันยังไม่มียาต้านเชื้อไวรัสสำหรับโรคไข้เลือดออก การรักษาจึงเป็นไปตามอาการเพื่อประคับประคองให้ร่างกายของผู้ป่วยกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งในรายที่อาการไม่รุนแรง โรคไข้เลือดออกอาจหายได้เองภายใน 2-7 วัน
การดูแลอาการเบื้องต้น
• ผู้ป่วยควรดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำเกลือแร่เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
• เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นเพื่อลดไข้เป็นระยะๆ
• รับประทานอาหารอ่อน งดอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีคล้ายเลือดเพื่อไม่ให้การวินิจฉัยคลาดเคลื่อน
• อาจรับประทานยาลดไข้ เช่น ยาพาราเซทตามอลได้แต่ในปริมาณที่แพทย์สั่งเท่านั้น
• ห้ามรับประทานยาแอสไพรินและยากลุ่ม NSAID เด็ดขาดเพราะอาจทำให้เลือดออกง่ายและมากขึ้น
การป้องกันการป้องกัน
• ป้องกันไม่ให้ยุงลายกัด โดยสวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด ใช้สารไล่ยุงชนิดต่างๆ เช่น DEET รวมถึงป้องกันไม่ให้ยุงลายเข้ามาหลบซ่อนในบ้าน ทั้งนี้ ยุงลายมักกัดในเวลากลางวันมากกว่ากลางคืน
• ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณบ้านและใกล้เคียง ด้วยการปิดฝาภาชนะที่มีน้ำขังไม่ให้ยุงเข้าไปวางไข่ได้ เปลี่ยนน้ำในภาชนะที่ปิดไม่ได้
เปลี่ยนน้ำในแจกันทุกสัปดาห์
ปล่อยปลากินลูกน้ำในอ่างบัว
ปรับปรุงสภาพแวดล้อมบริเวณบ้านให้สะอาดปราศจากเศษวัสดุที่อาจมีน้ำขังได้ เช่น ขวดเก่า กระป๋องเก่า
• ในรายที่อายุมากกว่า 9 ปี และเคยเป็นไข้เลือดออกมาแล้ว อาจพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกจากสายพันธุ์อื่น