Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีภาวะขาดออกซิเจน (Birth asphyxia) - Coggle Diagram
การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีภาวะขาดออกซิเจน (Birth asphyxia)
ความหมาย
ภาวะการขาดออกซิเจน (hypoxia) การมีคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูง และมีภาวะกรดในเลือดทารก เนื่องจากขาดอากาศหรือการแลกเปลี่ยนแก๊สที่ปอดไม่ดี เกิดขึ้นในระยะใดของการคลอดก็ได้ นับตั้งแต่ระยะก่อนคลอดระหว่างคลอดหรือภายหลังคลอดทันที
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด Birth asphyxia ก่อนระยะคลอด
ประวัติทางชีวภาพ อายุ เชื้อชาติ ความสูง น้ำหนัก
ประวัติการตั้งครรภ์และการคลอดในอดีต ประวัติการตายปริกำเนิด ประวัติทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ประวัติการคลอดก่อนกำหนด ประวัติการคลอดยาก ประวัติ asphyxia ในครรภ์ก่อน
ประวัติโรคทางอายุรกรรม โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิต ไทรอยด์เป็นพิษ โรคไต หอบ ชัก โรคซีด
ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ปัจจุบัน เช่น เลือดออกก่อนคลอด ทารกมีความพิการ ความดันโลหิตสูงครรภ์เกินกำหนด ครรภ์แฝด ทารกท่าผิดปกติ ทารกโตช้าในครรภ์ น้ำคร่ำน้อย การติดเชื้อขณะตั้งครรภ์
ประวัติการใช้สารเสพติดสารเคมีและรังสี
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด Birth asphyxia ในระยะคลอด
.
ปัจจัยจากการดำเนินการคลอด การผ่าตัด การคลอดยาวนาน การคลอดเฉียบพลัน มดลูกหดรัดตัวมากผิดปกติ การได้รับยาแก้ปวดก่อนการคลอด
ปัจจัยจากรก น้ำคร่ำ สายสะดือ รกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด น้ำคร่ำติดเชื้อ น้ำคร่ำน้อย สายสะดือย้อย สายสะดือพันคอ น้ำคร่ำมีขี้เทาปน มีเลือดปน น้ำคร่ำมากเกินไป
ปัจจัยจากทารก ทารกท่าผิดปกติ ครรภ์แฝด คลอดก่อนกำหนด
กลไกพื้นฐานของการเกิดภาวะ asphyxia
.
การลดหรือการหยุดการไหลเวียนเลือดในสายสะดือ เช่น สายสะดือถูกกดทับระหว่างการเจ็บครรภ์
ความล้มเหลวในการแลกเปลี่ยนก๊าซที่รก เช่น abruptio placenta
การไหลเวียนเลือดจากมารดาสู่บริเวณรกไม่เพียงพอ เช่น มารดามีอาการช็อค ซีด ความดันโลหิตสูงการบีบตัวของมดลูกนานหรือรุนแรงเกินไป
ความล้มเหลวที่จะทำให้อากาศเข้าสู่ปอด ตลอดจนการปรับระบบไหลเวียนเลือดไปเป็นแบบผู้ใหญ่เนื่องจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจ
(airway obstruction) ภาวะน้ำในปอดมากเกินไปหรือทารกมีความสามารถในการหายใจ (respiratory effort) ไม่ดี โดยเฉพาะทารกที่มีอายุครรภ์น้อย
การตอบสนองต่อการขาดออกซิเจนในทารก
ทารกจะอ้าปากหายใจ (grasping respiration) การหายใจจะตื้นลงตามลำดับจนเข้าสู่การหยุดหายใจที่เรียกว่า secondary Apnea ทารกจะไม่ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น
อาการและอาการแสดงของภาวะขาดออกซิเจน
.
อัตราเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ ตรวจพบหัวใจเต้นช้าจังหวะไม่สม่ำเสมอตรวจพบ
late deceleration,variable deceleration, bradycardia, tachycardia
การหายใจไม่สม่ำเสมอ หรือไม่หายใจ (Apnea) หายใจเร็ว (tachypnea)
กล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก
ระดับออกซิเจนในกระแสเลือดลดลง
ความดันโลหิตต่ำลง
การแบ่งระดับความรุนแรงของภาวะขาดออกซิเจนจำแนกตาม APGAR score
Mild asphyxia (APGAR Score 5-7)
มีอาการหายใจตื้น หรือไม่สม่ำเสมอ ระยะ Apneaสั้น น้อยกว่า 30 วินาที ทารกพยายามจะหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที สีผิวเด็กจะคล้ำ ปลายมือปลายเท้าเขียว (cyanosis) การตึงตัวของกล้ามเนื้อดีหรืออ่อนแรงบ้างรีเฟล็กซ์ต่างๆ ดี ชีพจรของสายสะดือแรงดี มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบน
การพยาบาล
เช็ดตัวให้แห้ง ดูดเมือกจากปากจมูกและ pharynx เพื่อป้องกันการหายใจเอาเมือกเข้าปอดในการหายใจครั้งแรก กระตุ้นการหายใจด้วยการใช้นิ้วมือตีหรือดีดฝ่าเท้าทารก
ใช้ผ้าถูหน้าอกทารกบริเวณกระดูก sternum หรือหลังรีบผูกและตัดสายสะดือ ให้ออกซิเจนด้วย mask ถ้ามี self-inflating bag ให้ออกซิเจน 4-5 ลิตรต่อนาที ที่ผ่านความชุ่มชื้นและอุ่น
ประเมิน APGAR Score จะได้คะแนนเท่ากับ8 ถ้าไม่ดีขึ้น มีอัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100 ครั้งต่อนาทีตอบสนองช้าต้องให้การช่วยเหลือแบบ moderate asphyxia
Moderate asphyxia (APGAR Score 3-4)
มีภาวะความเป็นกรดมากกว่า หรือถูกกดจากยามากกว่า ทารกมีภาวะตัวเขียวเต็มที่ ความสามารถการหายใจอ่อนมาก ความตึงตัวของกล้ามเนื้ออ่อนมาก reflex irritability น้อย อัตราเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100 ครั้งต่อนาที เป็นภาวะที่แสดงว่าทารกจำเป็นต้องได้รับการช่วยหายใจ
การพยาบาล
ช่วยการหายใจโดยใช้ Bag และ Maskโดยให้ออกซิเจนร้อยละ 100 และความดันเพียงพอที่จะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของทรวงอกช่วยหายใจจนกว่าอัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที
ประเมิน APGAR score ให้การพยาบาลใต้ radiant warmer ส่งหน่วยทารกแรกเกิดเพื่อสังเกตอาการต่ออีก 30 ถึง 60 นาที และให้อยู่ภายใต้ตู้อบทารกหรือ radiant warmer
Severe asphyxia (APGAR score 0-2)
ขาดออกซิเจนเป็นอย่างมาก เลือดมีความเป็นกรดสูง ทารกมีลักษณะเขียวคล้ำอย่างมาก ไม่มีความสามารถในการหายใจ หรือมีการหายใจเฮือก (grasping) ไม่มีความตึงตัวของกล้ามเนื้อ ตัวอ่อนปวกเปียก ไม่มีรีเฟล็ก หัวใจเต้นช้ามากหรือไม่เต้น
การพยาบาล
ผูกและตัดสายสะดือทันที ช่วยหายใจทันทีที่คลอดเสร็จ โดยใส่endotracheal tube พร้อมทั้งทำการ clear airway
ช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกและออกซิเจน100%
ช่วยนวดหัวใจ ประเมินประสิทธิภาพของการช่วยฟื้นคืนชีพ
การกู้ชีพทารกแรกเกิด
ลำดับขั้นตอนหลักของการช่วยฟื้นคืนชีพทารกแรกเกิด
.
Initial assessment: เป็นขั้นตอนแรกเพื่อประเมินว่าทารกต้องการการช่วยฟื้นคืนชีพหรือไม่
Airway (a): เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง เพื่อให้ทารกสามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง
Breathing (B): ช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกในกรณีที่ทารกไม่หายใจหรือหัวใจเต้นช้า
Circulation (C): หากหัวใจยังคงเต้นช้าหลังได้รับการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกแล้ว
ทารกจึงจำเป็นต้องได้รับการช่วยให้ระบบไหลเวียนด้วยการนวดหัวใจและช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกต่อไป
Drug (D): หากการหายใจยังไม่ดี หัวใจยังเต้นช้าหรือไม่เต้น
ทารกจำเป็นต้องได้รับยา พร้อมด้วยการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกและการนวดหัวใจต่อไป
ขั้นตอนการช่วยฟื้นคืนชีพทารกแรกเกิด
ขั้นการเตรียมการช่วยฟื้นคืนชีพ
1.1. ประเมินปัจจัยเสี่ยงที่ทารกอาจจำเป็นต้องได้รับการช่วยฟื้นคืนชีพ
1.2. เตรียมบุคลากรที่สามารถช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกได้
1.3. วางแผนการช่วยเหลือ โดยการ ทบทวนประวัติและปัจจัยเสี่ยง
ขั้นตอนเบื้องต้นในการดูแลทารกแรกเกิด
2.1. บันทึกเวลาเกิด
2.2. ยืดระยะเวลาการตัดสายสะดือ
2.3. การประเมินสภาพทารกแรกเกิดอย่างรวดเร็ว ด้วย 3 คำถามแรก ได้แก่
Term: ทารกอายุครรภ์ครบกำหนดหรือไม่
Tone: ทารกแรกเกิดสุขภาพด
Breathing or crying: ทารกที่สามารถร้องได้เสียงดัง
2.4. การดูแลทารกแรกเกิดเบื้องต้น ใน 30 วินาทีแรกของชีวิต
.
ให้ความอบอุ่น และดูแลอุณหภูมิกาย (provide warmth)
จัดท่าเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง (position the head and neck)
การดูดเมือกและเสมหะ (clear secretions if needed)
เช็ดตัวให้แห้ง (Dry)
กระตุ้นให้ทารกหายใจ (stimulate)
2.5. การประเมินการตอบสนองของทารก
การหายใจ
ประเมินการเต้นของหัวใจ
Pulse oximetry or ECG เพื่อประเมินการได้รับออกซิเจน
การช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก
3.1. กรณีหายใจได้เอง หัวใจเต้นมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที แต่มีลักษณะหายใจลำบากหรือยังเขียว
3.2. กรณีทารกยังไม่หายใจและหัวใจเต้นช้า
3.3. Cyanosis
3.4. Pulse oximetry ติดที่แขนหรือมือข้างขวา
3.5. การให้ free-flow oxygen หากทารกมีค่าการกำซาบของออกซิเจนน้อย
3.6. Positive pressure ventilation: PPV
3.7. การประเมินผลการให้ออกซิเจนแรงดันบวก การประเมินครั้งที่ 1
3.8. การประเมินผลการให้ออกซิเจนแรงดันบวก การประเมินครั้งที่ 2
การช่วยหายใจด้วยวิธีอื่น
มีข้อบ่งชี้คือ
เมื่อต้องการดูดขี้เทาจากหลอดลมของทารก
เมื่อต้องทำการช่วยหายใจด้วย bag และ mask เป็นเวลานาน
ทารกอาการไม่ดีขึ้นหลังจากการช่วยหายใจด้วย bag และ mask
มีความจำเป็นต้องนวดหัวใจทารก
เป็นทางให้ยาแก่ทารกเข้าทางหลอดลมเมื่อจำเป็น
ทารกมีความผิดปกติที่ต้องการการช่วยหายใจ
การนวดหัวใจ
จะทำเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 60 ครั้ง/นาที หลังจากการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกอย่างมีประสิทธิภาพแล้วอย่างน้อย 30 วินาที และควรได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจแล้ว
การให้ยาและสารน้ำ
Epinephrine (Adrenaline) การออกฤทธิ์ ช่วยเพิ่มความแรงและอัตราการบีบตัวของหัวใจเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังหลอดเลือดแดงโคโรนารี
Naloxone (Nacran) การออกฤทธิ์ Naloxone hydrochloride เป็นยาต้านฤทธิ์ยาเสพติดระงับปวด ตัวยาไม่มีฤทธิ์กดการหายใจ ใช้เป็นยาแก้ไขภาวะหยุดหายใจในทารกที่มารดาได้รับยาระงับปวด เช่น pethidine ก่อนคลอด
Sodium bicarbonate ข้อบ่งชี้ในการให้ยา เมื่อสงสัยหรือทราบจากการวิเคราะห์ก๊าซในเลือดว่าทารกมีภาวะเลือดเป็นกรดอย่างรุนแรง
สารน้ำ (Volume expanders) ข้อบ่งชี้ในการให้สารน้ำ เมื่อทารกไม่ตอบสนองต่อการช่วยกู้ชีพ และมีอาการแสดงของภาวะช็อก เช่น ซีด capillary refill ล่าช้า ชีพจรเบา อัตราการเต้นของหัวใจช้า หรือมีประวัติเสียเลือดเฉียบพลัน
การดูแลหลังการกู้ชีพทารกแรกเกิด
ทารกที่ได้รับการกู้ชีพและมีความ
ต้องการออกซิเจนหรือการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก ควรได้รับการประเมินบ่อยกว่าทารกปกติ
การหยุดการกู้ชีพทารกแรกเกิด
ทารกมีโอกาสรอดชีวิตหรือรอดโดยมีความพิการอย่างถาวรและไม่ตอบสนองต่อการกู้ชีพอย่างเหมาะสมนานเกินกว่า 10 นาที หรือทารกไม่มีการตอบสนองหลังจากการช่วยกู้ชีพอย่างเต็มที่แล้วนานกว่า 15 นาท