Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
4.2.1 การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีเลือดออก เลือดออกในครึ่งเเรกของการตั้งคร…
4.2.1 การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีเลือดออก
เลือดออกในครึ่งเเรกของการตั้งครรภ์
1.2 การตั้งครรภ์นอกมดลูก (ectopic pregnancy)
การตั้งครรภ์ที่ไข่ที่ถูกผสมแล้วหรือตัวอ่อน
ฝังตัวอยู่บริเวณอื่นภายนอกโพรงมดลูก พบได้ 1-2%
1.2.1 ปัจจัยเสี่ยงของการตั้งครรภ์นอกมดลูก
1) ความเสี่ยงสูง ได้แก่ มีประวัติเคยผ่าตัดท่อนำไข่หรือผ่าตัดทำหมัน เคยตั้งครรภ์นอกมดลูก
2) ความเสี่ยงปานกลาง ได้แก่ ภาวะมีบุตรยากนานเท่ากับหรือมากกว่า 2 ปี มีคู่นอนหลายคน และตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปี
3) ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ได้แก่ เคยผ่าตัดอุ้งเชิงกราน สูบบุหรี่ สวนล้างช่องคลอด และมีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 18 ปี
1.2.2 อาการและอาการแสดง
1) ปวดท้องน้อย อาการปวดท้องน้อยเฉียบพลัน อาจเริ่มด้วยปวดแบบตื้อๆ (dull pain) แล้วเปลี่ยนเป็นปวดบิด (colicky pain)
2) เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด (irregular vaginal bleeding) มักเป็นสีคล้ำหรือสีน้ำตาลเก่า
3) ขาดประจำเดือน (amenorrhea) ส่วนใหญ่มีประวัติขาดประจำเดือน 1-2 เดือน
4) ปวดร้าวที่หัวไหล่ (shoulder tip pain) เนื่องจากเลือดที่ออกในช่องท้อง ไประคายเคืองที่กระบังลม
5) วิงเวียนศีรษะ (dizziness) เป็นลมหรือหมดสติ (syncope) เนื่องจากมีเลือดออกมาก
6) อาการของการตั้งครรภ์ เช่น คัดตึงเต้านม คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายปัสสาวะบ่อย เป็นต้น
1.2.3 อาการแสดง
1) อาการแสดงที่พบบ่อย ได้แก่ กดเจ็บบริเวณปีกมดลูก (adnexal tenderness)
2) อาการแสดงอื่นที่พบ ได้แก่ อาการเจ็บเมื่อโยกปากมดลูก (cervical notion tenderness)
อาการปล่อยเจ็บ (rebound tenderness) หน้าท้องป่งตึง พบชิ้นส่วนของเยื่อบุโพรงมดลูกหลุดมาอยู่ในช่องคลอด ไข้ต่ำๆ
1.2.4 การประเมินและวินิจฉัย
1) การซักประวิติ ได้แก่ ประวัติการขาดประจำเดือน การมีเลือดออกทางช่องคลอด
2) การตรวจร่างกาย การกดเจ็บบริเวณท้องน้อย
3) การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
3.1) ระดับของ beta-hCG เพิ่มขึ้นเกินร้อยละ 66 ให้นึกถึงการตั้งครรภ์ในโพรงมดลูกระยะแรก
3.2) ระดับของ beta-hCG เพิ่มน้อยกว่าร้อยละ 66 ให้นึกถึงการตั้งครรภ์นอกโพรงมดลูก
3.3) ระดับของ beta-hCG ลดลงมากกว่าร้อยละ 50 ให้นึกถึงภาวะแท้งหลีกเลี่ยงไม่ได
4) การตรวจพิเศษ การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงทางช่องคลอด
1.2.5 แนวทางการรักษา
1) การรักษาแบบประคับประคองและการเฝ้าสังเกตอาการ กรณีไม่มีอาการ โดยมีค่า serum beta-hCG น้อยกว่า 1,000 mlU/ml
2) การรักษาด้วยยา Methotrexate ในรายที่นอกมดลูกที่ยังไม่แตก (rupture ectopic)
3) การผ่าตัด
3.1) การผ่าตัดแบบ linear salpingostomy
3.2) การผ่าตัดแบบ salpingectomy
1.2.ุ6 การพยาบาล
1) อธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับพยาธิสรีรภาพของการตั้งครรภ์นอกมดลูก แผนการรักษา และการปฏิบัติตน
2) ให้การประคับประคองด้านจิตใจ เปิดโอกาสให้ระบายความรู้สึก พร้อมทั้งให้กำลังใจ และเปิดโอกาสให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแล
3) สังเกตอาการเจ็บปวดในช่องท้อง ตำแหน่งและความรุนแรงของความเจ็บปวด ลักษณะและปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอด ซึ่งมักไม่สัมพันธ์กับอาการแสดงของการเสียเลือด
4) ประเมินสัญญาณชีพเป็นระยะ
5) เจาะเลือดตรวจหาค่า hemoglobin, hematocrit และหมู่เลือด จัดเตรียมเลือดไว้ให้พร้อม
และให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ หรือให้เลือดตามแผนการรักษา
คือ การมีเลือดออกจากหรือออกในอวัยวะสืบพันธุ์และผ่านออกทางช่องทางคลอดในระยะครึ่งแรกของการตั้งครรภ์ คือ ก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห
1.3 การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก (molar pregnancy หรือ hydatidiform mole)
เป็นโรคของเนื้อรกชนิดหนึ่งที่เกิดจากความแปรปรวนทางพันธุกรรมในเนื้อรก ทำให้เนื้อรก เสื่อมสภาพกลายเป็นถุงน้ำเล็กๆใสๆ เกาะเป็นกระจุก คล้ายพวงองุ่น
1.3.1 ชนิดของการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก
1) ครรภ์ไข่ปลาอุกที่เป็นถุงน้ำทั้งหมด (complete hydatidiform mole)
2) ครรภ์ไข่ปลาอุกที่เป็นถุงน้ำบางส่วน (partial หรือ incomplete hydatidiform mole)
1.3.2 สาเหตุและปัจจัยเสี่ย
ง
เศรษฐานะยากจน ขาดสารอาหาร
ประวัติแท้งเองมากกว่าสองครั้ง
และประวัติเคยตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกมากก่อนจะมีโอกาสเกิดมากกว่าคนทั่วไปถึง 16 เท่า
การตั้งครรภ์อายุน้อยกว่า 16 ปี และอายุมากกว่า 40 ปี
ภาวะมีบุตรยากซึ่งมักพบร่วมกับการกระตุ้นให้ไข่ตกด้วยยาclomiphene (Clomid)
1.3.3 อาการและอาการแสดง
1) เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
2) เม็ดโมลหลุดออกมาทางช่องคลอด
3) ขนาดมดลูกโตกว่าอายุครรภ์ เกิดจากการเพิ่มจำนวนของ trophoblast และมีเลือดค้าง
4) อาการแพ้ท้องรุนแรง
5) ถุงน้ำรังไข่ (theca lutein ovarian cyst) พบในราย complete mole
6) ครรภ์เป็นพิษ พบในราย complete mole มักเกิดก่อนอายุครรภ์ 24 สัปดาห์
7) คอพอกเป็นพิษ ในรายที่ tachycardia, warm skin, tremor ต้องตรวจยืนยัน
8) Trophoblastic embolization พบน้อย เป็นการแพร่กระจายของ trophoblast ไปที่ปอด
9) การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง จะพบลักษณะเหมือนกลุ่มของหิมะ
1.3.5 การประเมินและวินิจฉัย
1) ลักษณะของ complete mole ที่พบ ได้แก่ snow storm pattern
2) ลักษณะของ partial mole ที่พบ ได้แก่ ตรวจพบ cystic space เฉพาะที่ในเนื้อรก
1.3.6 แนวทางการรักษา
ต้องทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลง และนัดตรวจติดตาม
ระดับออร์โมน hCG เป็นระยะๆ เพื่อเฝ้าระวังการเกิดมะเร็งเนื้อรก
1) ทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลง ส่วนใหญ่ทำโดยการขูดมดลูกด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ (suction curettage) ร่วมกับการให้ oxytocin
2) ติดตามระดับฮอร์โมน hCG เป็นการประเมินการเกิดมะเร็งเนื้อรกที่ได้ผลดี
2.1) ประเมินระดับฮอร์โมน serum bête-hCG ทุก1-2 สัปดาห์
2.2) ประเมินสภาพร่างกายทั่วไปไว้เป็นเกณฑ์ (baseline physical examination)
2.3) ถ่ายภาพรังสีปอดเป็นระยะ
2.4) ตรวจประเมินอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกและอวัยวะสืบพันธุ์ภายในเป็นระยะ
3) ให้คุมกำเนิดอย่างเคร่งครัดอย่างน้อย 1 ปี
4) กรณีที่เกิดมะเร็งเนื้อรก (chroriocacinoma)
พิจารณาให้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด
1.3.7 การพยาบาล
1) อธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับ พยาธิสภาพของการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก แผนการรักษา และการปฏิบัติตน
2) ให้การประคับประคองด้านจิตใจ เปิดโอกาสให้ระบายความรู้สึกพร้อมทั้งให้กำลังใจ และเปิดโอกาสให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแล
3) เตรียมความพร้อมด้านร่างกายและด้านจิตใจในการขูดมดลูก
5) ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพทุก 15 นาที ในช่วงเวลา 1 ชั่วโมงแรก
6) เก็บเนื่อเยื่อที่ได้จากการขูดมดลูกส่งตรวจและติดตามผล
7) อธิบายให้เข้าใจการดำเนินของโรค แผนการรักษา ความจำเป็นที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และการมาตรวจตามนัดอย่างเคร่งครัด
8) อธิบายให้เข้าใจความสำคัญของการคุมกำเนิด และการเลือกวิธีคุมกำเนิด
4) ดูแลการให้สารน้ำ เลือด และยา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยาบรรเทาปวด และยากระตุ้นการหดรัดตัว
1.1 การเเท้ง
1.1.1 ชนิดของการแท้งที่เกิดขึ้นเอง
(spontaneous abortion / miscarriage)
4) การแท้งครบหรือการแท้งสมบูรณ์ (complete abortion)
การที่ชิ้นส่วนของ
การตั้งครรภ์บางส่วนหลุดออกมาจากมดลูก เป้นการแท้งสิ้นสุดด้วยตัวเอง
5) การแท้งค้าง (missed abortion)
การที่ทารกเสียงชีวิตค้างอยู่ในโพรงมดลูกเป็นเวลาหลายวัน
3) การแท้งไม่ครบหรือการแท้งไม่สมบูรณ์ (incomplete abortion)
การที่ชิ้นส่วนของการตั้งครรภ์บางส่วนหลุดออกมา โดยที่ยังมีบางส่วนค้างอยู่ในโพรงมดลูก
1) การแท้งคุกคาม (threatened abortion)
ภาวะใกล้แท้ง โดยที่ทารกยังมีชีวิตอยู่
6) การแท้งเป็นอาจิณ หรือ การแท้งซ้ำ (habitual หรือ recurrent abortion)
การแท้งเองก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ ติดต่อกันตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป
2) การแท้งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ (inevitable abortion)
การแท้งที่การตั้งครรภ์ต้อง
สิ้นสุดลง
7) การแท้งติดเชื้อ (septic abortion)
การติดเชื้อในโพรงมดลูกที่เป็นผลมาจากการเเท้ง
คือการการสิ้นสุดการตั้งครรภ์ก่อนที่ทารกจะสามารถมีชีวิตรอดใช้เกณฑ์การสิ้นสุดการตั้งครรภ์ก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ หรือน้ำหนักทารกน้อยกว่า 500 กรัม
1.1.2 ชนิดของการชักนำให้เกิดการแท้งหรือการทำแท้ง (induced abortion)
2) การเลือกยุติการตงั้ ครรภ์ (elective abortion)
เป็นการยุติการตั้งครรภ์ตามความสมัครใจ
1) การทำแท้งเพื่อการรักษา (therapeutic abortion)
ด้วยเหตุผลทางการแพทย์
1.1.3 สาเหตุของการแท้งที่เกิดขึ้นเอง
1) สาเหตุจากทารก
2) สาเหตุจากสตรีตั้งครรภ์
2.1) การตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปี
2.2) ประวัติการแท้งในครรภ์ก่อน
2.3) การติดเชื้อ
2.4) โรคประจำตัวที่มีผลต่อการตั้งครรภ์
2.5) มีความผิดปกติเกี่ยวกับการสร้างฮอร์โมนจากรังไข่
2.6) ความผิดปกติของมดลูก โพรงมดลูก หรือปากมดลูก
2.7) ประวัติเคยขูดมดลูก
2.8) ปากมดลูกฉีดขาดจากการคลอดครั้งก่อนหรือจากการทำแท้งไม่ถูกวิธี
3) สาเหตุด้านพฤติกรรมทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
3.1) การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ใช้สารเสพติด
3.2) สารเคมีในโรงพยาบาล
3.3) การใช้ยากลุ่ม NSAID
1.1.4 พยาธิสรีรภาพ
1) การแท้งที่เกิดขึ้นเอง
ฮอร์โมน beta hCG ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเเละเอสโตรเจน มีปริมาณลดลง
2) พยาธิสภาพของภาวะแทรกซ้อนหลังการทำแท้ง
3) พยาธิสภาพของการแท้งติดเชื้อ
การที่มีการอักเสบที่เยื่อบุโพรงมดลูก (endometritis)
1.1.5 การประเมินและวินิจฉัย
2) การตรวจร่างกาย
ตรวจพบเลือดหรือชิ้นส่วนของทารกหรือรกออกทางช่องคลอด
3) การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจ free beta-hCG พบต่ำกว่า 20 ng/ml
1) การซักประวัติ
ประวัติการขาดประจำเดือนและการตั้งครรภ์
4) การตรวจพิเศษ
การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
1.1.6 แนวทางการรักษา
ภาวะแท้งโดยทั่วไป
1) การเฝ้าสังเกตอาการ (expectant)
2) การรักษาด้วยยา ยาที่นิยมใช้ในกลุ่ม prostaglandins คือ misoprostal (Cytotec)
ตามชนิดของการแท้ง
1.1.7 การพยาบาล
2) การพยาบาลขณะอยู่ในโรงพยาบาล
2.1) ดูแลให้พักบนเตียง (bed rest) ให้ยานอนหลับ หรือยาระงับปวด
2.2) ในรายแท้งคุกคาม ให้งดการตรวจทางช่องคลอดและงดสวนอุจจาระ
2.3) ในรายแท้งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แท้งไม่ครบ แท้งครบ และแท้งค้าง
ให้เตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมทั้งการรักษาด้วยยา หรือด้วยหัตถการ
3) คำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
3.3) ภายหลังเลือดหยุดไหลให้พักผ่อนต่อ งดทำงานที่ใช้แรงอย่างน้อย 1 wks
3.4) รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่
3.2) สังเกตอาการผิดปกติ ได้แก่ เลือดไม่หยุดไหล
3.5) ต้องการตั้งครรภ์ครั้งใหม่หลังการแท้ง แนะนำให้เว้นระยะเวลาอย่าง
น้อย 1 รอบประจำเดือนปกติ
3.1) สังเกตปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอด
1) การพยาบาลด้านจิตใจ
สนับสนุนด้านอารมณ์จากสามีและครอบครัว
ควรปล่อยให้สตรีตั้งครรภ์ได้ระบายความรู้สึก
ส่งต่อให้รับการปรึกษkจากผู้เชี่ยวชาญ