Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

โรคไข้เลือดออก สาเหตุโรคไข้เลือดออก newscms_thaihealth_c_dgjnopxy1378…

- - - - หลังจากได้รับเชื้อจากยุง 5-6 วัน
        
        ไข้สูงลอย 2-7 วัน
        
        มีตับโต กดเจ็บ
        
        มีอาการเลือดออก ส่วนใหญ่จะพบที่
        ผิวหนัง
        
        มีการไหลเวียนล้มเหลว/ภาวะช็อก
    - - 2.เลือดข้นขึ้น การเพิ่มของความเข้มข้นของเลือด Hct 20% เมื่อเทียบกับ Hct เดิม
      - เม็ดเลือดขาวมักจะปกติหรือสูงในช่วงแรกแต่เมื่อเข้าสู่วันที่ไข้จะลง เม็ดเลือดขาวจะลดลง และมี atypical lymphocytes เพิ่มมากขึ้น
    - - เกิดจากการที่มีการรั่วของพลาสมา
        เข้าในช่องเยื่อหุ้มปอด ในช่องท้อง
      - การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
        เกร็ดเลือดต่ำทำให้เลือดออกง่าย
    - - ผู้ป่วยที่อาการไม่มาก ไข้จะลงและหายเป็นปกติ
      - ในผู้ป่วยที่มีอาการปานกลางถึงมาก ผู้ป่วยจะมีอาการแย่ลงหลังจากมีไข้ 2-3 วัน ไข้จะลง วันที่ 3-7 นับจากเริ่มมีไข้ จะมีลักษณะของช็อค คือผิวเย็น ผิวเป็นจ้ำๆอาจจะมีเขียวปลายมือปลายเท้า ชีพจรเร็วและเบา บ่นแน่ท้อง บางรายมีอาการกระสับกระส่าย
      - หากรักษาไม่ทันผู้ป่วยจะมีอาการ ของช๊อคชัดเจนขึ้น
        คือ ผิวเย็น ผิวเป็นจ้ำๆ อาจจะมีเขียว ปลายมือปลายเท้า
        ชีพจรเร็วและเบา ความดันโลหิตพบว่าความดัน
        systolic และ diastolic ห่างกันน้อยกว่า 20 มม.ปรอท
        (ปกติเท่ากับ 30 มม.ปรอท) หากรักษาได้ทันผู้ป่วยจะฟื้นอย่างรวดเร็ว
      - หากรักษาไม่ทันผู้ป่วยจะเข้าสู่ภาวะช๊อคเต็มรูปแบบ
        ปัสสาวะไม่ออก ซึมลงหรือ กระสับกระส่าย
        เลือดมีความเป็นกรดสูง
      - จะมีเลือดออกในทางเดินอาหาร และในสมอง
    - - มีน้ำในช่องท้องหรือช่องเยื่อหุ้มปอด
      - ผู้ป่วยที่มีความรุนแรงระดับ 1-2 อาจจะให้น้ำเกลือ 1-2 วัน
      - ความเข้มข้นของเลือดเพิ่มขึ้น 20 %
      - ส่วนผู้ที่มีระดับเกร็ดเลือดต่ำกว่า 50,000 หรือความเข้มข้นของเลือดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือมีเลือดออกควรที่จะตัวไว้ในโรงพยาบาล
    - - ระยะวิกฤต/ช็อก
        
        ประมาณ 24-48 ชม. หลังไข้ลด มีการรั่วของพลาสมา
        
        pt. บางรายมีอาการรุนแรง การไหลเวียนล้มเหลว
        มีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ชีพจรเบาเร็ว
        BP เปลี่ยนแปลง pulse pressure ≤ 20 mmHg.
      - ระยะฟื้นตัว
        ไข้ลด ส่วนใหญ่จะดีขึ้น
      - ระยะไข้
        39-41°C มีเบื่ออาหาร อาเจียน ปวดท้อง
    - - Dengue virus
        
        เพิ่มจำนวน Monocyte & Macrophage
        
        Antigen antibody complex
        
        ปล่อย Mediators กระตุ้น Complement
        
        ผนัง Capillary ให้น้ำซึมผ่าน
        
        น้ำ Leak ออกนอกเส้นเลือด
        
        1 more item...
        
        Platelet จับกันและถูกทำลาย
        
        Platelet ต่ำ
        
        1 more item...
  - - - ไข้สูง 39-40 องศาไข้มักจะขึ้นสูงวันละ
        2 ครั้ง
      - ผื่น ในช่วงแรกๆของไข้จะมีผื่นขึ้นที่หน้า คอ หน้าอก ลักษณะเป็นผื่นแดงๆผื่นอาจจะอยู่ 3-4 วันหลังจากนั้นจะจางลงพร้อมมีผื่นไข้เลือดออกตามมาซึ่งมักจะปรากฎที่หลังเท้า หลังมือแขน
      - มีจุดเลือดออกตามผิว
    - - ไข้เหมือนการติดเชื้อไวรัส
      - มักจะเกิดกับเด็กโตหรือผู้ใหญ่ ผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นไข้เดงกี คือ ผู้ที่มีไข้ทันทีและมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 2อย่าง ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตาปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อ และผื่น
    - - ประมาณ 4-6 วันโดยเฉลี่ย 3-14วัน ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ครั่นเนื้อครั่นตัว หลังจากนั้นจึงมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะมาก หน้าแดง
        ภายใน 24 ชั่วโมงจะมีอาการปวดกระบอกตา เวลากรอกตาจะปวดเพิ่มขึ้น
        ไม่กล้าสู้แสง ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปวดท้อง
    - - ผลการตรวจเลือด CBC มักจะปกติ ใน
        ช่วงไข้เม็ดเลือดขาวอาจจำต่ำ
      - เกร็ดเลือดมักจะมีจำนวนลดลง
      - ผลการทำงานของตับมักจะปกติ
    - - การดูแลในระยะไข้สูง
        
        การเช็ดตัวหรือการให้ยาลดไข้โดยพยายามให้อุณหภูมิ
        ของร่างกายต่ำกว่า 40 องศา ยาลดไข้ที่ใช้ได้ผลดี คือ
        พาราเซลตามอล(paracetamol) ไม่ควรใช้แอสไพริน
        เพราะจะทำให้เลือดออกในทางเดินอาหาร
        
        ยาแก้ปวดสำหรับคนที่มีอาการปวด
        
        การพักผ่อนในระยะที่มีไข้
        
        การให้น้ำเกลือแร่ทางปากกรณีที่มีอาเจียนหรือเสียเหงื่อมาก
        
        ผู้ป่วยควรได้รับการประเมินจนกระทั่งไม่มีไข้ และผลเลือดกลับสู่ปกติ
  - - - มือเท้าเย็น กระสับกระส่าย
      - 2.มีการเปลี่ยนแปลงในระดับความดันโลหิตโดยตรวจพบมี Pulse pressure แคบน้อยกว่า 20 mmHg โดยที่ความดันยังไม่ต่ำ เช่น
        100/80 หรือมีความดันโลหิตต่ำ
      - 1.ชีพจรเบาเร็ว
      - poor capillary refilled <2 วินาที
    - - หากได้ปริมาณน้ำเกลือที่เพียงพอแล้วความดันโลหิตยังไม่ขึ้น
        ให้สารน้ำที่เรียกว่า colloidal
      - ผู้ป่วยบางรายที่น้ำเกลืออย่างเพียงพอแล้ว แต่ความดันของเลือดยังไม่ขึ้น ให้สงสัยว่าอาจจะมีเลือดออกภายในร่างกาย
      - 1.การให้น้ำเกลือต้องให้ปริมาณเพียงพอที่จะให้
        ความดันกลับสู่ปกติ และให้ให้เร็ว
      - เมื่อสัญญาณชีพคงที่แล้วต้องรีบลดปริมาณน้ำเกลือ
      - จะหยุดน้ำเกลือเมื่อสัญญาณชีพคงที่ ความเข้มของ
        เลือดคงที่ประมาณ 40% ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้
        ปัสสาวะออกดี
      - โดยทั่วไปการให้น้ำเกลือมักจะไม่เกิน 48 ชั่วโมงหลังช๊อค
    - - ระยะไข้สูง
        
        ให้ยาลดไข้ ไม่ควรให้ยาจำพวกแอสไพริน ดูแลเช็ดตัวลดไข้
        
        ดูแลให้น้ำอย่างเพียงพอ หรือควรให้ดื่มน้ำผลไม้หรือ Oral rehydration solution (ORS)
      - ระยะช็อก
        
        ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ
        
        ดูแลเรื่องการรับประทานอาหารและหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีสีดำ สีแดง
        
        บันทึกปริมาณสารน้ำเข้า/ออก
    - - มีไข้สูงเนื่องจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี
      - เสี่ยงต่อการได้รับสารน้ำและสารอาหารไม่เพียงพอต่อ
        ความต้องการของร่างกายเนื่องจากรับประทายอาหารได้น้อย
      - มีความไม่สุขสบายจากอาการปวดท้อง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
        ปวดศีรษะ และเจ็บชายโครงขวา จากตับโต กดเจ็บ
      - เสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออก เนื่องจากหลอดเลือด
        เปราะแตกง่าย และมีเกล็ดเลือดต่ำ
      - อาจเกิดภาวะน้ำเกิน จากการได้รับการรักษา
        และจากพยาธิสรีรวิทยาของโรค
      - มีความกลัวและความวิตกกังวลต่อความเจ็บป่วย
        การรักษาพยาบาลที่ได้รับ และต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
      - บิดามารดามีความวิตกกังวลต่อความเจ็บป่วยของบุตรที่อาจคุกตามต่อชีวิต
      - เสี่ยงต่อการเกิดภาวะช็อก เนื่องจากมีการรั่วของ
        พลาสมา และหรือมีเลือดออก
    - - กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
      - ป้องกันไม่ให้ยุงลายกัดในเวลากลางวัน
      - กำจัดยุงลาย โดยการแจ้งไปยังกรมควบคุมโรคติดต่อ
        กระทรวงสาธารณสุข