Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
อาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง (Hyperemesis gravidarum) - Coggle Diagram
อาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง (Hyperemesis gravidarum)
สตรีตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนเล็กน้อยในช่วงเช้า เรียกว่า อาการแพ้ท้อง
(Morning sickness)
สาเหตุ
ระดับของฮอร์โมนที่สร้างจากรก Human chorionic gonadotropin และ estrogen สูงขึ้นอย่าง
รวดเร็ว
ผลของฮอร์โมน Progesterone ทำให้กระเพาะอาหารเคลื่อนไหวช้าลง
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เนื่องจากการได้รับอาหารไม่เพียงพอ
สภาพจิตใจของสตรีตั้งครรภ์ไม่ปกติ เช่น สตรีตั้งครรภ์กลัวการคลอดบุตร
ปัจจัยส่งเสริม
อายุน้อย ครรภ์แรก
การตั้งครรภ์แฝด ซึ่งรกใหญ่กว่าปกติ
ครรภ์ไข่ปลาอุก ซึ่งรกเจริญผิดปกติแต่ไม่มีตัวเด็ก
เคยมีประวัติ คลื่นไส้ อาเจียน ในขณะตั้งครรภ์ก่อน
มีประวัติการเจ็บป่วยทางจิต
เป็นสตรีที่มีลักษณะอารมณ์ตึงเครียดมาก่อน
พยาธิสภาพ
การเกิดภาวะแพ้ท้องอย่างรุนแรง มีการดำเนินเช่นเดียวกับอาการอาเจียนโดยทั่วไป เมื่อมีการกระตุ้นที่ศูนย์ควบคุมการอาเจียน จะส่งประสาทความรู้สึกไปผลักดันสิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารและลำไส้ส่วนต้นออกมา ซึ่งเป็นการตอบสนองของร่างกายที่อยู่ภายนอกอำนาจจิตใจ มีผลต่อมารดาและทารก
ด้านมารดา
ทางชีวภาพ มีไข้ ขาดน้ำ น้ำหนักตัวลด มีอาการขาดสารอาหาร
ผิวหนัง แห้งแตก ความตึงตัวและความยืดหยุ่นไม่ดี อาจตัวเหลือง
ตาเหลือง ขุ่นลึก มองภาพไม่ชัดเจน
ด้านทารก
ถ้ามารดาอาการไม่รุนแรงรักษาได้ถูกต้องทันที ทารกไม่มีความผิดปกติใดๆ
ถ้ามารดาน้ำหนักลดลงกว่า 5 ปอนด์ ขาดน้ำนานๆ ทารกจะขาดอาหาร เลือดไปเลี้ยงรกน้อยลง
ทารกจะมีการเจริญเติบโตน้อยลง น้ำหนักตัวแรกคลอดน้อยกว่าปกติ
อาการและการตรวจพบ
เมื่อมีอาการรุนแรงจะตรวจพบสิ่งต่อไปนี้
น้ำหนักตัวลดจากการขาดอาหารและน้ำ ท้องผูก
ภาวะขาดน้ำ ผิวหนังเหี่ยว ซีด เป็นมัน และบางครั้งมีอาการตัวเหลือง
Ketoacidosis
สิ่งตรวจพบจากเลือด ระดับฮีมาโตคริตจะเพิ่มเพราะน้ำเลือดเข้มขึ้น
การตรวจพบอย่างอื่น ในระยะสุดท้ายอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้น ตัวเหลือง
อาการแสดง แบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ คือ
อาการไม่รุนแรง
1,1 อาเจียนน้อยกว่า 5 ครั้ง/วัน สามารถทำงานได้ตามปกติ
1.2 ลักษณะอาเจียนไม่มีน้ำหรือเศษอาหาร
1.3 น้ำหนักตัวลดลงเล็กน้อย แต่ไม่มีอาการขาดสารอาหาร
1.4 มารดาสามารถทำกิจวัตรประจำวันได
อาการรุนแรงปานกลาง
2.1 อาเจียนติดต่อกันมากกว่า 5-10 ครั้ง/วัน
2.2 อาเจียนติดต่อกันไม่หยุดภายใน 2-4 ชั่วโมง
2.3 อ่อนเพลีย ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้
อาการรุนแรงมาก
3.1 อาเจียนมากกว่า 10 ครั้ง/วัน ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ นอนอยู่บนเตียงตลอดเวลา
3.2 อาเจียนทันทีภายหลังรับประทานอาหาร และอาเจียนติดต่อกันเกิน 4 สัปดาห์
3.3 เกิดการขาดสารอาหารอย่างรุนแรง
การวินิจฉัย
ประวัติการตั้งครรภ์มีอาการคลื่นไส้
จากการตรวจร่างกาย
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจเลือดพบโซเดียม โปตัสเซียม และคลอไรด์ต่ำ SGOT และ Liver function test สูง, ฮีมา
โตคริตสูง, BUN สูง และโปรตีนในเลือดต่ำ
การวินิจฉัยแยกโรค
โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (Gastroenteritis)
โรคตับอักเสบ (Hepatitis)
โรคถุงน้ำดีอักเสบ (Cholecystitis)
แผลในกระเพาะอาหาร (Peptic ulcer)
ครรภ์ไข่ปลาอุก (Molar pregnancy)
ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis)
การดูแลรักษา
ให้ดื่มของอุ่นๆ ทันทีที่ตื่นนอน เช่น นมชง โอวัลตินหรือน้ำอุ่น
แนะนำให้รับประทานอาหารแข็งที่ย่อยง่าย เช่น ขนมปังปิ้ง
ให้ยาระงับประสาท หรือยาแก้คลื่นไส้ อาเจียน ที่นิยมใช้ได้แก่ Dimenhydrinate
ป้องกันมิให้ท้องผูก โดยให้ยาระบายอ่อนๆ จำพวกสกัดจากพืช และสวนอุจจาระให้ เมื่อท้องผูก
ให้วิตามินและแร่ธาตุ วิตามินที่สำคัญ ได้แก่ บี 1 บี 6 และบี 12
บันทึกอุณหภูมิ ชีพจร การหายใจ และความดันโลหิตทุก 4 ชั่วโมง ตามความจำเป็น
ตรวจปัสสาวะหาความถ่วงจำเพาะ คีโตน คลอไรด์ และโปรตีนทุกวัน
ชั่งน้ำหนักตัวทุกวัน
อยู่ในที่สงบไม่มีผู้มารบกวน ให้ความเห็นอกเห็นใจและดูแลอย่างใกล้ชิด
ตัวอย่างข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล มีโอกาสเกิดภาวะขาดสารน้ำและเกลือแร่ เนื่องจากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เป็น
เวลานาน
ข้อมูลสนับสนุน O : คลื่นไส้ อาเจียน ตั้งแต่อายุครรภ์ 10 สัปดาห์ มีอาการเพิ่มมากขึ้น อาเจียนทุกวัน
ประมาณ 4 สัปดาห์ รับประทานอาหารไม่ได้ น้ำหนักลดลง 10 กิโลกรัม
S : มารดาบอกว่าอ่อนเพลียมาก และผิวหนังแห้ง
วัตถุประสงค์การพยาบาล: สตรีตั้งครรภ์ไม่เกิดภาวะขาดสารน้ำและเกลือแร่
เกณฑ์การประเมินผล
น้ำหนักตัวไม่ลดลง
ปริมาณสารน้ำที่ได้รับและขับออกจากร่างกาย อยู่ในภาวะสมดุล
กิจกรรมการพยาบาล
บันทึกปริมาณสารน้ำที่ได้รับ และขับออกจากร่างกายเพื่อประเมินการทำงานของไต ปัสสาวะออกไม่
น้อยกว่า 30 มิลลิลิตร/ชั่วโมง และปริมาณน้ำที่ควรได้รับ 2,500 – 3,000 มิลลิลิตร/วัน
ตรวจบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ 5% D/NSS/2 1,000 ml+Vit B.co 1 amp vein drip 120
ml/hr เพื่อให้ได้รับสารน้ำและอิเล็กโทรไลต์ที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
ประเมินอาการและอาการแสดงของการขาดน้ำ ได้แก่ ความตึงตัวของผิวหนัง
ชั่งน้ำหนักตัวทุกวัน เปรียบเทียบกับน้ำหนักเดิม เพื่อประเมินระดับการขาดน้ำ
นางสาวนลิตา ลือโสภา รหัสนักศึกษา 602701041