Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเตรียมและการช่วยเหลือมารดาและทารก ที่ได้รับการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ,…
การเตรียมและการช่วยเหลือมารดาและทารก
ที่ได้รับการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ
Biochemical Assessment
MSAFP
อายุครรภ์ 16 – 18 สัปดาห์
ค่าปกติ AFP 2.0 – 2.5 MOM
MSAFP สูงผิดปกติจะพบได้ในกรณีที่ทารกมี open neural tube defect
MSAFP ต่ำกว่าปกติ พบว่ามีความสัมพันธ์กับ Down’s syndrome
CVS
อายุครรภ์ 8 – 11 สัปดาห์
การพยาบาล
อธิบายวัตถุประสงค์
ดูแลให้หญิงตั้งครรภ์อยู่ในท่านอนขึ้นขาหยั่ง กรณีจะตรวจโดย transcervical route
วัดสัญญาณชีพ
ให้กำลังใจและอยู่เป็นเพื่อนหญิงตั้งครรภ์ขณะแพทย์ทำการตรวจ
แนะนำให้งดทำงานหนักอย่างน้อย 1 วัน และงดการมีเพศสัมพันธ์ ภายใน 1- 2 สัปดาห์
ถ้ามีอาการผิดปกติภายหลังการทำ เช่น ปวดท้องรุนแรง มีเลือดออก ให้รีบมาโรงพยาบาลทันที
Amniocentesis
ช่วงเวลาในการเจาะน้ำคร่ำ
อายุครรภ์ 9-14 สัปดาห์ และช่วงอายุครรภ์ 16 -18 สัปดาห์
การพยาบาล
ก่อนการเจาะ
ให้ลงนามในใบอนุญาตการยอมรับการตรวจ
เตรียมผู้รับบริการถ่ายปัสสาวะ
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจและการแก้ปัญหา ในกรณีที่มีความผิดปกติ
ทำวามสะอาดหน้าท้องโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรค
ให้ผู้รับบริการตัดสินใจ เจาะน้ำคร่ำหรือไม่
ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาทางพันธุกรรม
ขณะเจาะ
ให้ผู้รับบริการพักผ่อนประมาณ 30 นาที –1 ชั่วโมง
ภายหลังการตรวจให้ผู้รับบริการนอนหงาย และปิดแผลด้วยพลาสเตอร์
ฟังเสียงFHS ทุก15 นาที จนครบ 1 ชั่วโมง
สังเกตอาการผิดปกติ
หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนหน้าท้อง 1 - 3 วันหลังเจาะ
อยู่กับผู้รับบริการขณะแพทย์ทำหัตถการ
งดมีเพศสัมพันธ์ภายหลังการเจาะ 7 วัน
แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์สังเกตอาการแทรกซ้อน
การเจาะน้ำคร่ำ
L/S ratio
ค่าปกติของ L/S ratio
อายุครรภ์ 26 – 34 สัปดาห์ ค่า L/S = 1 : 1
อายุครรภ์ 34 – 36 สัปดาห์ L/S = 2 : 1
ใน 26 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ค่า S > L
Shake Test
2 หลอด
ถ้าเกิดฟองทั้ง 2 หลอด แสดงว่าได้ผลบวก ปอดของทารกเจริญเต็มที่
5 หลอด
มีฟองอากาศเกิดขึ้น 3 หลอด แสดงว่า ได้ผลบวก ปอดของทารกเจริญเต็มที่
Cordocentesis/FBS
อายุครรภ์ 18 สัปดาห์ขึ้นไป
การพยาบาล
ประเมินสภาพทารกในครรภ์โดยใช้เครื่อง Electronic monitoring
ตรวจสอบการดิ้นของทารก
การเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
การฟังเสียงการเต้นของหัวใจทารก
การประเมินภาวะเลือดออกจากสายสะดือจากการตรวจด้วยคลื่นความถี่สูง และ fetal monitoring 30 – 60 นาที ภายหลังการตรวจ
estriol
วิธีการตรวจ
เก็บปัสสาวะ 24 ชั่วโมง
การแปลผล
ค่า estriol ลดลง แสดงว่าทารกอาจตายในครรภ์
ค่า estriol ต่ำอย่างเรื้อรัง ทารกพิการแต่กำเนิด ทารกติดเชื้อเรื้อรัง
Biophysical Assessment
Ultrasound
ข้อบ่งใช้
การวินิจฉัยเนื้องอกในอุ้งเชิงกราน
หาสาเหตุการมีเลือดออกทางช่องคลอด
บอกตำแหน่งที่รกเกาะ
การตรวจความพิการแต่กำเนิดของทารก
วินิจฉัยอายุครรภ์
บทบาทพยาบาล
ดูแลให้หญิงตั้งครรภ์ดื่มน้ำ 1 - 2 แก้ว ก่อนตรวจอย่างน้อย 1 ชั่วโมง และกลั้นปัสสาวะไว้จนกว่าจะตรวจให้เสร็จ
งดน้ำงดอาหารในบางกรณี เช่น ครรภ์นอกมดลูก, รกเกาะต่ำที่ต้องผ่าตัด
งดน้ำงดอาหารในบางกรณี เช่น ครรภ์นอกมดลูก, รกเกาะต่ำที่ต้องผ่าตัด
จัดให้นอนหงายหัวสูงเล็กน้อย มีหมอนรองใต้เข่าและหลัง
ให้คำปรึกษา
อธิบายให้หญิงตั้งครรภ์ทราบถึงระยะเวลาในการตรวจจะใช้เวลา 10-30 นาที
ทำความสะอาดหน้าท้องหลังตรวจ
Amniotic fluid volume measurement
MVP
ค่าปกติ คือ 2.1 – 8 ซม.
AFI
ค่าปกติ คือ 5 – 24 ซม.
Biophysical profile
อายุครรภ์ 28-30 สัปดาห์ขึ้นไป
การแปลผล
คะแนน 4 – 6 คะแนน
ผิดปกติ ควรเฝ้าติดตามอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
คะแนน 8 – 10 คะแนน
ปกติ
คะแนน 0 - 2 คะแนน
ผิดปกติ ควรยุติการตั้งครรภ์
บทบาทของพยาบาล
ให้ความรู้ วิธีการตรวจแก่หญิงตั้งครรภ์
ผ่อนคลายความวิตกกังวลและความกลัวต่าง ๆ
ติดตามผลการตรวจ
การนับลูกดิ้น
Count-to-ten
เคลื่อนไหวตั้งแต่ 09.00 น. จนครบ 10 ครั้ง ซึ่งไม่ควรเกิน 12 ชั่วโมง (ถึง 21.00 น.)เริ่มอายุครรภ์ 32 สัปดาห์
Liston
เริ่มทำตั้งแต่อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ถ้าเด็กดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งใน 12 ชั่วโมง แสดงว่าเกิดภาวะ DFM
Sadovask
1 ชั่วโมงตอนเช้า 1 ชั่วโมงตอนเที่ยง และ 1 ชั่วโมงตอนเย็น ในแต่ละช่วงเวลาควรดิ้นน้อยกว่า 3 ครั้ง ในหนึ่งวันควรได้มากกว่า10 ครั้ง
Electronic Fetal monitoring
Non Stress test (NST)
การแปลผล
Reactive
FHS ิbaseline 110-160 ครั้ง/นาที FHSเพิ่มจาก baseline เท่ากับหรือมากกว่า 15 ครั้ง/นาทีและคงอยู่นานเท่ากับหรือมากกว่า 15 วินาที การดิ้นมีจำนวน 2 ครั้งหรือมากกว่า ภายใน 20 นาที
Non-reactive
การเพิ่มขึ้นของ FHR ไม่เป็นไปตามเกณฑ์หรือไม่มีการเพิ่มขึ้นของ FHR เลยในการตรวจนาน 40 นาที
บทบาทพยาบาล
อธิบายให้หญิงตั้งครรภ์ทราบถึงขั้นตอนและวิธีการตรวจ
จัดท่านอนในลักษณะ Semi-fowler หรือนอนตะแคง
แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์กด marker เพื่อบันทึกเมื่อรู้สึกว่าเด็กดิ้น
วัดความดันโลหิต
สังเกตอาการและอาการแสดงของ Supine hypotension
Oxytocin challenge test (OCT)
การแปลผล
Positive
base line variability มักจะลดลงกว่าปกติ
อัตราการเต้นของหัวใจไม่เพิ่ม เมื่อทารกดิ้นหรือมดลูกหดรัดตัว
มี late deceleration ทุกครั้งในระยะช่วงท้ายของการหดรัดตัวของมดลูก หรือพบ late deceleration มากกว่าครึ่งหนึ่งของการทดสอบที่มีการหดรัดตัวของมดลูก
Negative
ไม่มี late deceleration
base line variability ปกติ
อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นหลังทารกดิ้นหรือมดลูกหดรัดตัว
บทบาทพยาบาล
อธิบายให้หญิงตั้งครรภ์ทราบถึงขั้นตอนและวิธีการตรวจ
จัดท่านอนในลักษณะ Semi-fowler หรือนอนตะแคง
สังเกตอาการทุก 15-20 นาที ประเมิน FHR reactivity และอาจจะมีการหดรัดตัวของมดลูกที่เกิดขึ้นเองประมาณร้อยละ 10-15 โดยกำหนดให้มดลูกมีการหดรัดตัว 3 ครั้งใน 10 นาที duration 40-60 วินาที
วัดความดันโลหิต
ดูแลให้ได้รับ Oxytocin ทางหลอดเลือดดำ
ถ้ามีการหดรัดตัวของมดลูกเองไม่ต้องให้ Oxytocin
ถ้าพบว่ามี late deceleration เกิดขึ้นทุกครั้งที่มดลูกหดรัดตัวให้สรุปว่าเป็นผลบวก และให้หยุดทดสอบ
จุฬาลักษณ์ ฝ่ายเพ็ชร 602701011