Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลของเพบพราว Hildegard : Interpersonal Relations…
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลของเพบพราว Hildegard : Interpersonal Relations Theory
มโนมติหลัก (Metaparadigm)
สิ่งแวดล้อม (Environment)
ปัจจัยทางด้านกายภาพ จิตใจ และสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา และรวมไปถึงบริบทของสัมพันธภาพระหว่างพยาบาลกับผู้ป่วย
สุขภาพ (Health)
เป็นความรู้สึกสบาย เพียงพอ และมีสุขอิสระจากความไม่สุขสบายกายและใจ
บุคคล (person)
ผู้ซึ่งแสดงออกถึงพฤติกรรม ทั้งด้วยคำพูดและท่าทาง บอกถึงความต้องการเฉพาะตัว ความต้องกาารการช่วยเหลือในการแก้ปัญหา
การพยาบาล (Nursing)
เป็นสถานการณ์เกิดจากการที่ผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาหรือเสี่ยงต่อการเกิดปัญหา เป็นการใช้กระบวนการลดความไม่สุขสบายหรือภาวะหมดทางช่วยเหลือ โดยพยาบาลมีปฏิสัมพันธ์กับผู้รับบริการ ลดความไม่สุขสบาย ปรับปรุงพฤติกรรมแลกเปลี่ยนข้อมูล
การนำทฤษฎีไปประยุกต์ใช้ทางการพยาบาล
กระบวนการพยาบาล
การรวบรวมข้อมูล (Assessment)
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing Diagnosis) และการวางแผนการ พยาบาล (Nursing Plan)
การปฏิบัติตามแผนการพยาบาล (Intervention)
การประเมินผลการปฏิบัติการพยาบาล (Evaluation)
ระยะสัมพันธภาพ
ระยะเริ่มต้น (Orientation phase)
ระยะระบุปัญหา (Identification)
ระยะดำเนินการแก้ปัญา (Exploitation)
ระยะสรุปผล (Resolution Phase)
ผู้ป่วยเข้าใจตนเองและสามารถแก้ไขปัญหาได้ ความ ต้องการในการช่วยเหลือลดลง ระยะนี้ผู้ป่วยอาจเกิดความ กังวลจากการพลัดพราก ซึ่งอาจแสดงออกในรูปแบบต่างๆ เช่น ซึมเศร้า ก้าวร้าวทางคำพูดท่าทาง ช่วยเหลือตนเอง น้อยลงหรือไม่ยอมช่วยเหลือตนเอง
ในระยะนี้พยาบาลช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจตนเองเข้าใจปัญหา ให้ข้อมูล และสนับสนุนให้กำลังใจ
เป็นระยะของการมองปัญหาผู้ป่วยอาจพึ่งพิงพยาบาล บางรายอาจดูแลตนเองได้บ้าง หรือบางรายไม่พึ่งพิงพยาบาล เลย ซึ่งขึ้นอยู่กับสัมพันธภาพที่เกิดขึ้น
ต่างเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน พยาบาลควรแนะนำตัว เพื่อเพิ่มความรู้สึกไว้วางใจ
แนวคิดที่สำคัญ (Major concepts)
บทบาท (Roles) บทบาทของพยาบาลอธิบบายถึงบทบาทที่มีความเกี่ยวพันกันของพยาบาลในการช่วยเหลือผู้ป่วย บทบาทของพยาบาลโดยทั่วไป
ความคิด (Thinking) เป็นกระบวนการที่ประสบการณ์ต่างๆถูกรวบรวม เก็บสะสม จัดระบบ และสามารถเรียกกลับคืนได้ ความคิดประกอบด้วยแนวคิดย่อย 2 แนวคิด
5.1 Preconceptions คือ การสร้างสัมพันธภาพระหว่างผู้ป่วยกับพยาบาล
5.2 Self – understanding คือ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับพยาบาลเพื่อให้การ ปฏิบัติการพยาบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
แบบแผนการมีปฏิสัมพันธ์ (Pattern integration) เกิดเมื่อแบบแผนของบุคคลหนึ่งใช้ใน การมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลหนึ่ง หรือบุคคลอื่นๆ
การเรียนรู้ (Learning) มาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ 3 ประการคือ 1) ให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้เพื่อนำไป อธิบายเหตุการณ์ต่างๆ 2) เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนแปลง และ 3) เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหา
การติดต่อสื่อสาร (Communication) เป็นกระบวนการระหว่างบุคคลประกอบด้วยการ สื่อสารแบบใช้คำพูด (Verbal) และไม่ใช่คำพูด (Nonverbal) การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมีหลักสำคัญ 2 ข้อ
2.1 ความชัดเจน (Clarity)
2.2 ความต่อเนื่อง (Continuity)
สมรรถนะ (Competencies) คือ ทักษะที่ถูกพัฒนาขึ้น สมรรถนะหรือศักยภาพที่สำคัญ ได้แก่ สติปัญญา การแก้ไข ปัญหา และปฏิสัมพันธ์ของบุคคล
สัมพันธภาพระหว่างบุคค (Interpersonal relationships) เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้น ระหว่างบุคคลตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไป
ความวิตกกังวล (Anxiety) ความวิตกกังวลเป็นพลังงานที่ถูกกระตุ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือ เกิดขึ้นจากจินตนาการ เกิดจากภายในหรือเกิดจากภายนอก ซึ่งสิ่งที่จะมากระตุ้นได้จะต้องคุกคามความเป็น ตัวตนของบุคคล การต่อต้านการปรับเปลี่ยนตัวเอง
สรุป
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลของเพบพลาว (Peplau‘s Theory of Interpersonal Relations) ได้กล่าวถึงระยะสัมพันธภาพระหว่างพยาบาลและผู้ป่วยประกอบด้วยระยะเริ่มต้น (Orientation phase) ระยะดำเนินการ (Working phase) และระยะสรุปผล (Resolution Phase) ซึ่งก่อให้เกิดเคารพความแตกต่างของแต่ละบุคคล และนำไปสู่ช่วยเหลือบุคคลที่เจ็บป่วย หรือผู้ที่มีความ ต้องการในการดูแลสุขภาพ
ประวัติของผู้พัฒนาทฤษฎี
1947: สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขา Psychiatric nursing from Teachers College, Columbia, New York.
1953: สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขา Curriculum development from Teachers College, Columbia, New York
1943: สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขา Interpersonal psychology from Bennington College, Vermont, New York
1931: สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรทางการพยาบาลที่เมือง Pottstown, Pennsylvania Hospital School of Nursing.
1909: Hildegard E. Peplau was born in Reading, Pennsylvania USA on September 1st,1909 เป็นบุตรคนที่ 2 จากจำนวนบุตร 6 คน
พัฒนาการของทฤษฎี
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหวา่ง บุคคลของแฮรี่ สแต็ค ซัลลิแวน (Harry Stack Sullivan) มาอธิบายในการสังเกตการกระทำของการ พยาบาล เพื่อให้พยาบาลเข้าใจและเห็นคุณค่าของการกระทำของมนุษย์ (Peplau,1952)
นางสาววรรณรดา ทาศรีทอง ปีEA เลขที่ 67 รหัสนักศึกษา 613601072