Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างพยาบาลเเละผู้ป่วยของเพบพราว (Hildegard Peplau :…
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างพยาบาลเเละผู้ป่วยของเพบพราว
(Hildegard Peplau : Interpersonal Relations Theory
Phase of nurse-client relationship
ระยะสรุปผล (Resolution Phase)
ปัญหาและความต้องการของผู้รับบริการได้รับการตอบสนองผ่าน Collaborative efforts ผู้รับบริการและพยาบาล ปัญหาทั้งสองเกิดการพัฒนาและเติบโตขึ้นมีความคลี่คลาย เเล้วยุติสัมพันธภาพเพื่อการบําบัด
ผู้รับบริการเข้าใจตนเองและสามารถแก้ไขปัญหาได้ ความต้องการใน
การช่วยเหลือก็ลดน้อยลง
ระยะดำเนินการแก้ปัญหา (Exploitation phase)
ให้การสนับสนุนทางด้านจิตใจ โดยการให้เวลา ให้กำลังใจ ให้การช่วยเหลืออย่างจริงใจช่วยให้ผู้รับบริการมีสังคมกับคนอื่น
พยาบาลต้องชำนาญในการใช้ทักษะต่าง ๆ เช่น การฟัง การยอมรับ การทำความเข้าใจเพื่อให้ผู้รับบริการนำมาใช้ในการปรับตัวและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ช่วยพัฒนาการเข้าใจตนเองและการแก้ไขปัญหาของผู้รับบริการ พยาบาลใช้ทักษะการสนทนาเพื่อการบำบัดช่วยให้ผู้รับบริการได้วิเคราะห์พฤติกรรม ความคิดและการกระทำของตนเอง
ระยะระบุปัญหา (Identification phase)
พยาบาลมีแนวทางปฏิบัติ คือ ใช้เทคนิคการสนทนาที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้รับบริการได้ระบายปัญหาความวิตกกังวลออกมาให้มากที่สุด เพื่อช่วยให้สามารถระบุปัญหาโดยเทคนิค การฟังและการถามอย่างตั้งใจ
ขั้นตอนของการมองปัญหาผู้รับบริการจะเลือกตอบสนองต่อบุคคลที่ทำให้มองเห็นปัญหาผู้รับบริการบางรายอาจจะให้ความร่วมมือมากขึ้นและพึ่งพาตนเองบ้างบางเรื่อง
1.Orientation (ระยะเริ่มต้น)
กำหนดข้อตกลงของสัมพันธภาพได้แก่ สถานที่ เวลาที่นัดหมายเพื่อสนทนา ระยะเวลาของการสนทนา
ลดความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นจากการพบกันครั้งแรก
แนะนำตนเอง เพื่อเพิ่มความรู้สึกไว้วางใจในตัวพยาบาล
ประเมินความคิดความรู้สึกและพฤติกรรมของผู้รับบริการในระยะเริ่มต้นของสัมพันธภาพ
ระยะที่พยาบาลและผู้รับบริการทำความรู้จักกันครั้งแรก
ระยะของสัมพันธภาพและประยุกต์ใช้ในกระบวนการพยาบาล
การวินิจฉัยการพยาบาล(Nursing diagnosis) และการวางแผน
การพยาบาล (Planning)ประยุกต์ใช้กับ
ระยะระบุปัญหา
คือนำข้อมูลที่ได้มากำหนดลำดับปัญหาเเล้ววางเเผนการพยาบาล
การปฏิบัติการพยาบาล(Implementation)ประยุกต์ใช้กับ
ระยะดำเนินการแก้ปัญหา
พยาบาลและผู้รับบริการต่างเคารพซึ่งกันเเละกันเกิดกิจกรรมทางการพยาบาลที่ต่างฝ่ายต่างได้รับประโยชน์
ประเมินสภาพ (Assessment) ประยุกต์ใช้กับ
ระยะเริ่มต้นสร้างสัมพันธภาพ
หรือปฐมนิเทศ คือเป็นขั้นตอนเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง โดยการสัมภาษณ์ ซักประวัต
การประเมินผล (Evaluation)ประยุกต์ใช้กับ
ระยะสรุปผล
คือประเมินผลและรับทราบผลของการปฏิบัติกิจกรรมการพยาบาล
บทบาทของพยาบาล
ครู (Teacher)
ช่วยให้ผู้รับบริการเกิดความรู้การเรียนรู้ตามความต้องการหรือในสิ่งที่ผู้รับบริการสนใจ
ผู้นำ (Leader)
่ช่วยเป็นตัวแทนที่ทำหน้าที่ทดแทน ในภาวะที่ผู้รับบริการอาจ
ไม่สามารถปฏิบัติด้วยตนเองได้
ผู้ให้การสนับสนุน (Resource person)
ช่วยตอบคำถาม ให้ความรู้ ในข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงข้อมูลที่จฎเป็น
เพื่อความเข้าใจปัญหา
ผู้ทดแทน (Surrogate)
่ช่วยเป็นตัวแทนที่ทำหน้าที่ทดแทน ในภาวะที่ผู้รับบริการอาจ
ไม่สามารถปฏิบัติด้วยตนเองได้
คนแปลกหน้า (Stranger)
ในการพบกันครั้งแรก ช่วยทำให้ผู้รับบริการยอมรับและไว้วางใจพยาบาล
ผู้ให้คำปรึกษา (Counselor)
ช่วยให้เกิดความเข้าใจและบูรณาการเป้าหมายของชีวิตส่งเสริมประสบการณ์และให้กำลังใจในการเปลี่ยนแปลง
สัมพันธภาพเพื่อการบำบัด
การกำหนดหรือตั้งเป้าหมายชัดเจน (Goal
Formulation)
8.การมีอารมณ์ขัน (Humor) เพื่อผ่อนคลายความ
ตึงเครียด
มีการถ่ายโอนความรู้สึก (Transference)
มีการติดต่อสื่อสารที่มีจุดประสงค์ (Purposefulcommunication) เน้นการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนาส่งเสริมและป้องกันปัญหา
การเข้าถึงความรู้สึกหรือเข้าใจตามการรับรู้ของผู้รับบริการ (Empathy)
การมองในแง่ดีและการยอมรับโดยปราศจากเงื่อนไข พยาบาลต้องมีความเต็มใจ
การสร้างความไว้วางใจ (Trust)เป็นความรู้สึกเชื่อมั่นอย่างจริงใจที่บุคคลหนึ่งมีต่ออีกบุคคลหนึ่ง
การเข้ากันได้ (Rapport) พยาบาลจะต้องเข้ากันได้กับผู้รับบริการอย่างกลมกลืน
แนวคิดเกี่ยวกับมโนทัศน์หลักทางการพยาบาล
การพยาบาล (Nursing)
เป็นสถานการณ์เกิดจาก ที่ผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาเป็นการใช้กระบวนการลดความไม่สุขสบายหรือภาวะหมดทางช่วยเหลือ โดยพยาบาลมีปฏิสัมพันธ์กับผู้รับบริการและให้การช่วยเหลือ
สุขภาพ (Health)
เป็นความรู้สึกสบาย เพียงพอ และ มีสุขอิสระจากความไม่สุขสบายกายและใจ
คน คือบุคคล (Person)
ผู้ซึ่งแสดงออกถึงพฤติกรรมคำพูดและท่าทางที่บอกถึงความต้องการเฉพาะตัวและยังต้องการความช่วยเหลือ
สิ่งแวดล้อม (Environment)
จะกำหนดด้วยสถานการณ์ที่มีพยาบาลและผู้รับบริการและระบบการพยาบาล ไม่เจาะจงสิ่งเเวดล้อมผู้ป่วย
เพบพราว เป็นผู้ริเริ่มวางรากฐานในเรื่องของสัมพันธภาพระหว่างพยาบาลกับผู้รับบริการโดยการเปลี่ยนบทบาทของพยาบาล
"จากการกระทำต่อผู้รับบริการ เป็นผู้กระทำร่วมกับผู้รับบริการ "
ความหมายคือ พยาบาลและผู้รับบริการ ต่างเคารพซึ่งกันและกันในความเป็นปัจเจกบุคคล ทั้งสองต่างเกิดการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้นช่วยส่งเสริมให้ผู้รับบริการเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
ทฤษฎีของเพบพลาวเน้น ความสำคัญของกระบวนการสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัดระหว่างพยาบาลกับผู้รับบริการ โดยมีเป้าหมายให้ผู้รับบริการได้มีการพัฒนาทักษะในการสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลอื่น ทำความเข้าใจตนเองเกิดการยอมรับตนเอง
สมมติฐานหรือความเชื่อเบื้องต้น
บุคคลประกอบด้วย unique biological-psychological-spirityal-sociological structure ซึ่งทําให้แต่ละบุคคลมีความแตกต่าง
ภาวะ Anxiety เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อภาวะคุกคามทางจิตใจ และส่งผลต่อสัมพันธภาพที่บุคคลมีกับบุคคลอื่น
Therapeutic nurse-patient relationship ช่วยให้ผู้ป่วยเกิดความเข้าใจในปัญหาของตน บุคลิกภาพหรือความเป็นตนเองของผู้ป่วยและพยาบาลได้รับการพัฒนา
เป็นสัมพันธภาพระหว่างพยาบาลและผู้รับบริการ โดยพยาบาลมีความเข้าใจถึงพฤติกรรมของตนเองและของ
ผู้รับบริการ สามารถช่วยผู้รับบริการให้เกิดความเข้าใจถึงปัญหาของเขาผ่านกระบวนการสัมพันธภาพเพื่อการบําบัด
พยาบาลและผู้รับบริการให้เกียรติซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน(mutually sharing) เข้าใจในบทบาทของแต่ละฝ่าย ปัญหาที่เกิดขึ้นและแนวทางการจัดการปัญหา ทําให้ทั้งสอง เกิดการพัฒนาไปด้วยกัน
นางสาวณัฐพร บุตรนนท์ เลขที่21 ห้องB ชั้นปีที่2 รหัส613601129