Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล (Interpersonal Theory), J5, unnamed,…
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล (Interpersonal Theory)
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
ซัลลิแวนมีความเชื่อว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมีความสำคัญกว่าสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจ บุคคลที่ มีสุขภาพดีจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการมีสัมพันธภาพกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพและความเจ็บป่วยทางจิตเกิดจากการขาดทักษะในการสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
แนวคิดหลัก
มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของบุคคลผ่านการมีสัมพันธภาพ และเป็นการลดความวิตกกังวล โดยซัลลิแวนกล่าวว่าความรู้สึกวิตกกังวลเป็นความรู้สึกเจ็บปวดจากความรู้สึกที่ไม่ได้รับความมั่นคง ปลอดภัย และความพึงพอใจทางสรีรวิทยา
แสดงออกได้ 3 ลักษณะ
2.บุคคลที่อยู่ในภาวะวิตกกังวล สามารถบอกได้ว่าเขารู้สึกอย่างไรและแสดงออกทางพฤติกรรมอย่างไร
เรียนรู้เพื่อหลีกเลี่ยงความวิตกกังวลที่เกิดจากการถูกลงโทษและแสวงหาความมั่นคงโดยการยินยอมกระทำตามความปรารถนาของบุคคล
ความวิตกกังวลที่เริ่มมาจากสัมพันธภาพระหว่างบุคคล เกิดจากความวิตกกังวลของมารดาถ่ายทอดไปสู่บุตร
ลักษณะของทฤษฎี
เป้าหมายเพื่อไปสู่ความพึงพอใจ (Satisfaction) ซึ่งเน้นความต้องการทางสรีรวิทยา เช่น ความหิว การนอนหลับพักผ่อน และความต้องการทางเพศ
เป้าหมายเพื่อไปสู่ความมั่นคง (Security) เป็นความต้องการเพื่อความเป็นอยู่อย่างมีความสุข ต้องการการยอมรับในสังคม ซึ่งเกิดจากการมีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
ระบบแห่งตน (Self-System)
ฉันดี (Good me)
เป็นการมองภาพตนเองว่าเป็นคนดี ซึ่งเป็นผลมาจาก
ประสบการณ์ที่ได้รับความพึงพอใจ การยอมรับจากบุคคลสำคัญในชีวิต
ภาพของบุคคลที่มีต่อตนเองซึ่ง
สร้างขึ้นภายในขวบปีแรก เป็นเครื่องมือที่ทำให้บุคคลสามารถจัดการและหลีกเลี่ยงจากความ
วิตกกังวล รวมทั้งสร้างความมั่นคงปลอดภัยได้
ไม่ใช่ฉัน (Not me)
เป็นผลมาจากปฏิกิริยาตอบสนองต่อความวิตกกังวลสูง เป็นเพราะปฏิสัมพันธ์ของมารดากับทารกนั้น เกิดเป็นครั้งเป็นคราว เช่น บางครั้งก็ห้าม บางครั้งก็กอดรัด บางครั้งก็ไล่
ฉันเลว (Bad me)
เป็นผลมาจากประสบการณ์ที่ไม่ได้รับการยอมรับหรือการสนับสนุนจากบุคคลสำคัญในชีวิต เช่น
มารดาปฏิเสธการให้ความรัก ความอบอุ่น ทอดทิ้ง หรือท่าทีต่างๆ
การบำบัดรักษาตามแนวทฤษฏีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ป่วยเพื่อให้สามารถสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นๆ
กระตุ้นให้ผู้ป่วยสร้างสัมพันธภาพใหม่กับบุคคลอื่น และเชื่อว่าสัมพันธภาพระหว่าง
ผู้รักษากับผู้ป่วยจะเป็นประสบการณ์ที่ดีที่จะช่วยให้ผู้ป่วยเกิดความเข้าใจตนเองและ
ไว้วางใจผู้อื่นได้มากขึ้น
ผู้บําบัดจะต้องพยายามสร้างความรู้สึกไว้วางใจ (trust) โดยการใช้กระบวนการ
ของสัมพันธภาพที่อบอุ่นจริงใจ สร้างการเรียนรู้ใหม่ที่เหมาะสม
ผู้รักษาจะต้องสร้างความเชื่อถือไว้วางใจ โดยการแสดงความจริงใจไม่เสแสร้ง และใน
ขณะเดียวกัน ผู้รักษาจะช่วยผู้ป่วยไม่ให้แยกแยะปัญหาของตนเองและทําความเข้าใจตนเอง
การปฏิบัติการพยาบาล
2.ให้การช่วยเหลือผู้ป่วยโดยการสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบําบัด (Nurse-patient Relationship) พยาบาลจะต้องช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้ที่จะขจัดความวิตกกังวลของ ตนเองและคํานึงถึงความต้องการของผู้อื่นด้วย
3.กระตุ้นสนับสนุนให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น ให้มีความสัมพันธ์ในทางที่เหมาะสมถูกต้อง
(Improve Interpersonal Relationship)
4.ช่วยให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย (security)
1.ให้การพยาบาลแบบองค์รวม
5.การให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการอบรมเลี้ยงดูบุตรตั้งแต่ทารก โดยเน้นความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกเพื่อป้องกัน
การเกิดปัญหาทางสุขภาพจิต
6.ช่วยเหลือผู้ป่วยค้นหาจุดดีของตนเอง (good me) พยายามควบคุมจุดที่คิดว่าตนเองด้อยหรือตนเองสับสน
เพื่อจะได้เผชิญกับปัญหาต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้เริ่มทฤษฎีคือ
Harry Stack Sullivan
(1892-1949)
นักจิตแพทย์ชาวอเมริกัน
นางสาวสิริวิมล สงกรานต์ เลขที่80 ห้องB รหัส613601189
เอกสารอ้างอิง
ฐิตวันต์ หงษ์กิตติยานนท์.(2557).
แนวคิดทฤษฎที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช
. [เว็บบล็อก]. สืบค้นจาก
http://www.teacher.ssru.ac.th/thitavan_ho
จิราพร รักการ.(2558).
แนวคิดทฤษฎีที่ใช้ทางการพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช
. [เว็บบล็อก]. สืบค้นจาก
http://www.elnurse.ssru.ac.th