Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การบำบัดโดยหัตถการ - Coggle Diagram

- - - - ฝีที่ก้น เกิดบริเวณผิวหนังที่รอยแยกหรือร่องก้น
      - ฝีบริเวณทวารหนัก เกิดบริเวณลำไส้ตรงและทวารหนัก
      - ฝีต่อมบาร์โธลิน เกิดในต่อมบาร์โธลินบริเวณผิวหนังที่แคมอวัยวะเพศหญิง
      - ฝีไขสันหลัง เกิดบริเวณโดยรอบไขสันหลัง
      - หนองที่ทอนซิล เกิดบริเวณต่อมทอนซิลในช่องปาก และผนังด้านในลำคอ
      - ฝีในสมอง เกิดภายในเนื้อสมองใต้กะโหลกศีรษะ
      - โพรงหนองที่ฟัน เกิดบริเวณเนื้อใต้ฟัน หรือบริเวณเหงือกและกระดูกกรามใต้ฟัน
    - - ฝีที่เต้านม และบริเวณต่อมใต้ผิวหนัง
      - ฝีต่อมบาร์โธลิน
      - ฝีที่ก่อตัวขึ้นบริเวณใต้ผิวหนัง
  - - - มีเลือดออกจากบาดแผลมาก
      - แผลอักเสบติดเชื้อมากขึ้น
    - - ถ้าบริเวณแผลปวดมากผิดปกติหรือมีเลือดออกชุ่ม ตลอดเวลาให้กลับมาพบแพทย์ ก่อนนัด
      - นัดผู้ป่วยทำแผลวันละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณ หนอง ขนาดฝี และตำแหน่งของฝี
      - รับประทานยาแก้ปวดและยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่ง
- - - - เป็นการติดเชื้อที่เกิดขึ้นหลัง หรือระหว่างการรักษาการติดเชื้อที่เป็นเหตุทำให้ต้องถอดเล็บในตอนแรก
    - - อาจเกิดจากการใช้ยาทิงเจอร์หรือสารละลายเบโซอิน (Benzoin) ซึ่งมีส่วนผสมของสารก่อภูมิแพ้
  - - - มีเส้นสีแดงเป็นจ้ำตามแขนหรือขา
      - มีไข้ หรือหนาวสั่น
      - มีเลือดไหลออกมาจนชุ่มผ้าพันแผล
      - แผลบวมแดง หรือมีหนองไหลออกมา
      - มีอาการปวดเพิ่มมากขึ้น หรืออาการปวดไม่ทุเลาลงแม้รับประทานยาแก้ปวดไปแล้ว
      - มีข้อสงสัย ไม่สบายใจ เกี่ยวกับการป่วยและการรักษา
- - - - ดูการสูญเสียเลือด
        
        ประเมินโดยใช้ สัญญาชีพเป็นหลัก
        
        มีเลือดออกภายนอก/ภายในให้เห็น
      - ดูขนาดและลักษณะของบาดแผล
        
        ห้อเลือด หรือแผล
        
        การถลอก ฟกช้ำ
        
        บาดแผลที่ไม่ควรเย็บ
        
        ตกน้ำครำ
        
        แผลติดเชื้อ
        
        สุนัขกัด
    - - เตรียมอุปกรณ์เย็บแผลเลือกชนิด/ขนาดของเข็มและเส้นไหมให้เหมาะสมกับเเผล
      - ปูผ้าสี่เหลี่ยมปราศจากเชื้อใต้เเผลเเละปูผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลางคลุมบาดเเผล
      - ยึดหลักปราศจากเชื้อ (Sterile Technique) โดยเฉพาะการใส่ถุงมือ
      - ทำการเย็บแผล
      - ลักษณะการเย็บแผล
        
        เย็บแผลโดยใช้ไหมผูกเป็นปมแยกเป็นอัน ๆ (interupted)
        
        เย็บแผลโดยใช้ไหมต่อเนื่อง (continuous interupted)
        
        การเย็บต่อเนื่องด้วยวิธีธรรมดา (plain continuous)
        
        การเย็บต่อเนื่องชนิดสองชั้น (mattress continuous)
        
        การเย็บต่อเนื่องชนิดพันทบ (blanket continuous)
    - - ซ่อมแซมส่วนที่บาดเจ็บ (Reconstruction)
      - ลดอาการปวดและการติดเชื้อ (Decrease pain and infection)
      - เพื่อการห้ามเลือด (Stop Bleeding)
      - เพิ่มการหายของแผล (Increase healing of ulcer)
      - ลดรอยแผลเป็นที่อาจเกิดจากบาดแผลนั้น ๆ (Reduce scar)
    - - Non Tooth Forceps ใช้หยิบจับภายใน
      - Needle Holder ใช้สำหรับการจับเข็ม เพื่อคุมน้ำหนัก และทิศทางในการเย็บแผล
      - Tooth Forceps ใช้สำหรับหยิบจับภายนอก เช่น ผิวหนัง
      - วัสดุเย็บ หรือด้าย ที่ใช้กันโดยทั่วไปคือ Silk และ Nylon
      - กรรไกรตัดไหม
      - เข็มเย็บเเผล Needle
        
        เข็ม round/ taper
        
        ไม่ต้องการให้ขอบเข็มบาดเนื้อเยื่อ
        
        ใช้เย็บเนื้อเยื่ออ่อน
        
        เข็ม Cutting
        
        มีความคมด้านข้าง
        
        ใช้เย็บเนื้อเยื่อที่หนา เหนียว
    - - คำเเนะนำ
        
        ไม่ให้เปลี่ยนผ้าปิดเเปลหรือเเกะแผลเอง
        
        ยกอวัยวะที่มีเเผลให้สูงกว่าหัวใจ
        
        รักษาเเผลให้เเห้งสะอาดอยู่เสมอโดยเฉพาะใน 24 ชม.แรก ห้ามเปียกน้ำ
        
        รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง
        
        สังเกตอาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ เช่น มีไข้ เเผลบวมเเดง มี discharge ซึมมาก
      - นัดมาทำเเผลในวันรุ่งขึ้น
        
        แผลเเห้งดี รอบเเผลไม่บวม นัดวันเว้นวันจนครบวันตัดไหม
        
        แผลมี discharge บวม แดง นัดมาทำแผลทุกวัน
      - ระยะเวลาในการตัดไหม
        
        ลำตัว ผิวหนังไม่ตึงมาก 7 วัน
        
        แขน ขา หรือผิวหนังที่ตึงมาก 7-10 วัน
        
        บริเวณศีรษะและใบหน้า 5วัน
        
        ตำเเหน่งที่มีการเคลื่อนไหวมาก 10- 14วัน
  - - - ยาที่ออกฤทธิ์ปิดกั้นการส่งกระเเสประสาทกับเส้นประสาทเท่านั้น ทำให้หมดความรู้สึกบริเวณที่เส้นประสาทนั้นไปเลี้ยง เเต่ผู้ป่วยจะรู้สึกตัวตลอดเวลา
    - - Procaine Hydrochlorideหรือ Novocaine ราคาถูก ออกฤทธิ์เร็วนาน 30 นาทีถึง 2 ชม.
        
        อาจพบอาการแพ้
        
        อย่างอ่อน
        
        อาเจียน
        
        เวียนศีรษะ
        
        คลื่นไส้
        
        แพ้มาก
        
        ชักหมดสติ
        
        หน้ามืด
        
        ตามองไม่เห็น
      - Lignocaine hydrochloride หรือ Lidocaine หรือ Xylocaine นิยมใช้เนื่องจากออกฤทธิ์ต่อประสาทส่งความรู้สึกมากกว่าประสาทสั่งการเคลื่อนไหว
      - Pontocaine hydrochloride ระงับความรู้สึกดีเเต่มีพิษมาก มีประโยชน์ในการทาลงบนเยื่อเพื่อให้หมดความรู้สึก
    - - ผลต่อระบบประสาท คลื่นไส้ อาเจียน มึนงง ตื่นเต้นกระสับกระส่าย กล้ามเนื้อกระตุก ชัก โคม่า
        หมดสติ ศูนย์ควบคุม การหายใจอาจถูกกด
      - ผลต่อระบบเลือด ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นช้าลง อาการแพ้แบบ anaphylaxis ซึ่งพบได้น้อย
      - ถ้าความเข้มข้นของยาในกระแสเลือดสูง อาจเกิดจากการใช้ยาชาเกินขนาด หรือฉีดยาชาเข้าหลอดเลือดโดยไม่ตั้งใจ
    - - พูดคุยกับผู้ป่วยให้คลายกังวล จัดให้นอนในท่านอนที่สบาย
      - เลือกใช้เข็มที่มีขนาดเล็ก ตรวจสอบเข็มไม่ให้ตัน
      - ก่อนฉีดยาชาควรปฏิบัติดังนี้
        
        อธิบายให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของการฉีดยาชา
        
        ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการเเพ้ หรืออาการเเทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการได้รับยาชา ถ้ามีอาการผิดปกติต้องรีบแจ้งพยาบาลทันที
        
        ซักประวัติการเเพ้ยา ประวัติการถอนฟัน
      - เริ่มฉีดยาเข้าในผิวหนังบริเวณ Intradermal wheal
      - เริ่มเดินยาช้าๆประมาณ 1-2 cc. แล้วรอดูประมาณ 1-2 นาที่ หากไม่เเพ้เริ่มฉีดต่อตามปริมาณที่ต้องการ
      - ทดสอบการชาโดยใช้ Tooth forceps จับบริเวณตำเเหน่งที่ต้องการให้ชา ถ้าผู้ป่วยไม่เจ็บเเสดงว่าชา เเละเริ่มทำหัตถการได้