Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีทางการพยาบาล ทฤษฎีการพยาบาลของเพบพราว Hildegard Peplau :…
ทฤษฎีทางการพยาบาล
ทฤษฎีการพยาบาลของเพบพราว Hildegard Peplau : Interpersonal
Relations Theory
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลของเพบพลาว (Peplau’s Interpersonal Relations Theory)
Hildegard E. Peplau (1909-1999) ประยุกต์Sullivan’s Interpersonal Theory มาใช้ในการพัฒนา Interpersonal Relations Theory เน้นบทบาทของพยาบาลในรูปแบบของ Therapeutic nurse-patient relationship
สมมติฐานหรือความเชื่อเบื้องต้น
บุคคลประกอบด้วย unique biological-psychological-spirityal-sociological structure ซึ่งทําให้แต่ละบุคคลมีความแตกต่าง
ภาวะ Anxiety เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อภาวะคุกคามทางจิตใจ และส่งผลต่อสัมพันธภาพที่บุคคลมีกับบุคคลอื่น
Therapeutic nurse-patient relationship ช่วยให้ผู้ป่วยเกิดความเข้าใจในปัญหาของตน บุคลิกภาพหรือความเป็นตนเองของผู้ป่วยและพยาบาลได้รับการพัฒนาแนวคิดหลักของทฤษฎี
Psychodynamic nursing (จิตพลวัตรทางการพยาบาล)
เป็นสัมพันธภาพระหว่างพยาบาลและผู้รับบริการ โดยพยาบาลมีความเข้าใจถึงพฤติกรรมของตนเองและของผู้รับบริการ สามารถช่วยผู้รับบริการให้เกิดความเข้าใจถึงปัญหาของเขาผ่านกระบวนการสัมพันธภาพเพื่อการบําบัด
พยาบาลและผู้รับบริการให้เกียรติซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน(mutually sharing) เข้าใจใน
บทบาทของแต่ละฝ่าย ปัญหาที่เกิดขึ้นและแนวทางการจัดการปัญหา ทําให้ทั้ง 2 เกิดการพัฒนาไปด้วยกัน
Nursing role (บทบาทของพยาบาล)
Resource person - ผู้ให้ข้อมูลเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงปัญหาของตน
Counselor - ผู้ให้คําปรึกษาโดยรับฟังความคิดเห็น ความรู้สึก และช่วยให้ผู้ป่วยตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยตนเองได้
Teacher - ผู้ให้ข้อมูลที่ผู้ป่วยต้องการและเสนอแนะสิ่งที่ผู้ป่วยต้องเรียนรู้เพิ่มเติม
Leader - ผู้กําหนดทิศทางของสัมพันธภาพเพื่อการบําบัดให้ดําเนินไปสู่เป้าหมายที่กําหนด
Surrogate - เป็นผู้ทดแทนบุคคลอื่นให้ผู้ป่วย
Phase of nurse-client relationship (ระยะของสัมพันธภาพระหว่างพยาบาลและผู้รับบริการ) แบ่งเป็น 4 Phases
1.Orientation (ระยะเริ่มต้น)
ผู้ป่วย ญาติ และพยาบาลร่วมกันค้นหาปัญหาที่แท้จริงของผู้ป่วย
ผู้ป่วยเข้าใจปัญหาที่แท้จริงของตน
ผู้ป่วย ญาติ และพยาบาลตัดสินใจร่วมกันเกี่ยวกับความช่วยเหลือและบริการที่ต้องการจากทีมสุขภาพ (Collaborative
process)
ผู้ป่วย ญาติ และพยาบาลวางแผนร่วมกันเกี่ยวกับความช่วยเหลือและบริการที่ต้องการ
2.Identification (ระยะระบุปัญหาและความต้องการบริการ)
ผู้ป่ วยเข้าใจปัญหา ความช่วยเหลือ และบริการที่ต้องการโดยผู้ป่วยมีการตอบสนองต่อผู้ที่สามารถช่วยเขาแก้ปัญหา
ได้ 3 รูปแบบ
Interdependence
Independence
Dependence
Exploitation (ระยะการแก้ปัญหาและใช้ประโยชน์จากแหล่งช่วยเหลือ)
ผู้ป่วยเรียนรู้ถึงบริการที่มีอยู่สําหรับเขารวมถึงช่องทางต่างๆที่นําไปสู่การเปลี่ยนแปลง
ผู้ป่วยใช้ประโยชน์จากแหล่งช่วยเหลือและบริการที่มี
พยาบาลช่วยผู้ป่ วยให้สามารถพึ่งตนเองในการปฏิบัติให้ถึงเป้าหมายและค่อยๆลดการใช้ประโยชน์จากแหล่งช่วยเหลือลง
Resolution (ระยะปัญหาคลี่คลายและยุติสัมพันธภาพ)
ปัญหาและความต้องการของผู้ป่วยได้รับการตอบสนองผ่าน Collaborative effortsของผู้ป่วยและพยาบาล
ผู้ป่วยและพยาบาลเกิดการพัฒนาและเติบโตขึ้น
ผู้ป่วยและพยาบาลยุติสัมพันธภาพเพื่อการบําบัด
การอธิบายสาเหตุของพฤติกรรมที่ผิดปกติ
หากบุคคลสามารถประกอบกิจกรรมหลักในแต่ละช่วงพัฒนาการได้สําเร็จ ศักยภาพทางกายก็จะถูกนํามาใช้อย่าง
เต็มที่ มีการสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นอย่างเหมาะสม นําไปสู่ชีวิตที่มีคุณค่าและมีความหมาย
หากกิจกรรมหลักในช่วงวัยใดไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม ก็จะติดไปถึงวัยผู้ใหญ่ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัว
ของบุคคล ทําให้บุคคลเกิดปัญหาในการเข้าใจตนเองและการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น
การบำบัดรักษา และบทบาทของพยาบาล
ทฤษฎีการพยาบาลของเพบพลาว ให้ความสําคัญกับสัมพันธภาพระหว่างพยาบาลกับผู้รับบริการซึ่ง
สัมพันธภาพนี้เป็นทั้งเครื่องมือและการบําบัด
นด้านการเป็นเครื่องมือนั้นพยาบาลใช้สัมพันธภาพในการติดต่อ ค้นหา
และทําความเข้าใจผู้รับบริการ
ส่วนการบําบัดนั้นพยาบาลใช้สัมพันธภาพทําให้ผู้รับบริการเกิดความเข้าใจตนเอง ยอมรับ
ตนเองและนําศักยภาพออกมาใช้ในการดูแลตนเอง
ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะช่วยให้ระบบการพยาบาลเป็นระบบของการ
ตอบสนองแบบสองทาง อันจะส่งเสริมให้พยาบาลและผู้รับบริการตระหนักถึงความสามารถและคุณค่าของตนเอง ซึ่งจะ
ทําให้เกิดความร่วมมือและทัศนคติที่ดีต่อบริการทางสุขภาพ
นางสาวนริศรา เชียงแสงทอง ห้อง 2B เลขที่ 35 รหัสนักศึกษา 613601143