Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
dFQROr7oWzulq5FZYSPV0VPrfgig0BlT7A3mjBcEmM8dh0KI1M5g5TUrroJl6JbXpAE
…

ความผิดของระบบทางเดินอาหารในผู้สูงอายุ
ภาวะท้องผูก
-
สาเหตุ
ยา
ยารักษาอาการซึมเศร้า ยาลดการบีบเกร็งของล าไส้ยารักษาโรค Parkinson ยากันชัก ยาลดความดันโลหิตและยาแก้ปวดบางชนิด ยาที่มีธาตุเหล็ก เป็นต้น
-
โรคทางกาย
เบาหวาน ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยกว่าปกติภาวะแคลเซียมในเลือดต่ า
หรือโรคทางระบบประสาท เช่น การได้รับบาดเจ็บที่สมองหรือไขสันหลัง
-
-
ภาวะแทรกซ้อน
-
ทางกายภาพ
อาการปวดท้องหรือทำให้อาการของโรคบางอย่างกำเริบ เช่น มีเลือดออกจากทวารหนักในรายที่เป็นริดสีดวงทวาร ทำให้เกิดแผลในลำไส้ใหญ่หรือรอบทวารหนัก ทำให้ถ่ายอุจจาระแล้วรู้สึกเจ็บปวดทวารหนักผู้ป่วยจึงไม่อยากถ่ายอุจจาระ นอกจากนั้นอาการท้องผูกอาจเป็นอาการของโรคร้ายแรงเช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่
ปัญหา
เกิดจากการที่ลำไส้มีการเคลื่อนไหวลดลง เมื่อมีอาการท้องผูกุจจาระ แห้งแข็ง อัดแน่น การเคลื่อนไหวของ อุจจาระ เป็นไปด้วยความยากลำบาก
แนวทางการดูแล
-
การดื่มน้ำ
ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 -10 แก้ว แต่ถ้ามีอากาศร้อนมากเสียน้ำออกทางเหงื่อมาก ควรเพิ่มการดื่มน้ำวันละ 2,000-2,500 มิลลิลิตร ยกเว้นในบางคนเป็นโรคที่มีข้อห้ามการดื่มน้ำมากๆ หรือตามแพทย์แนะนำ เช่น โรคหัวใจ โรคไต เป็นต้น หลีกเลี่ยงการดื่ม ชา กาแฟ เพราะมีสารกาเฟอีนที่ขับน้ำ/ปัสสาวะมากขึ้น ร่างกายจึงขาดน้ำทำให้ท้องผูก
ปรับสิ่งแวดล้อม
มีความเป็นส่วนตัวในขณะขับถ่ายที่นั่งขับถ่ายควรมีความสูงเหมาะสม มีราวสำหรับจับที่ฝาผนังที่สะดวกขณะลุกยืนหรือขณะนั่งในห้องน้ำถ้าผู้สูงอายุมีปัญหาในการเคลื่อนไหวควรได้รับการช่วยเหลือในการถ่ายอุจจาระ มีอุปกรณ์เพื่อช่วยเรียกผู้ดูแลเมื่อต้องการความช่วยเหลือในการไปห้องน้ำ
การออกกำลังกาย
การเคลื่อนไหวร่างกายจะมีผลต่อการบีบตัวของลำไส้ ช่วยให้ขับถ่ายอุจจาระได้ตามปกติ การฝึกการหายใจ การแขม่วหน้าท้อง เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องให้แข็งแรง การนอนหงายยกขาขึ้นแบบถีบจักรยานในอากาศ ก็ช่วยได้ อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายในผู้สูงอายุ ควรเลือกชนิดของการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้สูงอายุแต่ละรายด้วย
-
จิตใจ
ทำจิตใจให้สบาย คลายความเครียด ด้วยการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น สวดมนต์ ภาวนา การทำสมาธิ การฟังเพลง การทำสวน/ปลูกต้นไม้ ทำกิจกรรมที่ชอบยามว่าง การช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้านที่เป็นงานเบาๆ(เช่น กวาดบ้าน กวาดใบไม้) จะช่วยให้ผู้สูงอายุได้เคลื่อนไหวร่างกาย และมีจิตใจที่ผ่อนคลาย ส่งเสริมให้มีการขับถ่ายอุจจาระได้ตามปกติ
การใช้สมุนไพร
ขี้เหล็ก
ขี้เหล็กเป็นสมุนไพรมีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้นเหมาะสำหรับผู้สูงอายุซึ่งมักจะนอนไม่หลับ รับประทานอาหารไม่ได้ และมีอาการท้องผูก ให้นำใบอ่อนหรือดอกตูมมาประกอบอาหารรับประทาน หรือจะนำใบขี้เหล็ก 4-5 กำมือ มาต้มกับน้ำพอท่วม แล้วดื่มก่อนนอนก็ได้
แมงลัก
ตักออกมาสัก 2 ช้อนชา แช่ในน้ำเปล่า 1 แก้ว (250 ซีซี) ให้พองตัวเต็มที่ แล้วค่อยดื่มช่วงก่อนนอน จะช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น เพราะแมงลักมีเมือกหล่อลื่น ช่วยให้อุจจาระอ่อนตัว แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้แมงลักพองตัวเต็มที่เท่านั้นจึงทานได้ หากเม็ดแมงลักยังพองตัวไม่เต็มที่แล้วเราทานเข้าไป เม็ดแมงลักจะไปดูดน้ำจากกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้อุจจาระแข็งและอุดตันเกิดอาการท้องผูกมากขึ้น
มะขามแขก
มีฤทธิ์เป็นยาระบายเช่นกัน โดยใช้ใบแห้ง 1-2 หยิบมือ หรือ ใช้ฝัก 4-5 ฝัก หักเป็นชิ้นเล็ก ๆ ต้มกับน้ำ 1 ถ้วย นาน 15 นาที ดื่มก่อนนอน ถ้ามีอาการแน่นจุกเสียดให้ใช้ร่วมกับยาขับถ่าย เช่น ขิงแก่ กระวาน หรือ กานพูล เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีอาการท้องผูกประจำ แต่ถึงกระนั้นก็ควรระวัง อย่ารับประทานมะขามติดต่อกันนนเกินไป ควรใช้รักษาอาการท้องผูกเป็นครั้งคราวเท่านั้น เพราะจะทำให้ขาดธาตุโปแตสเซียม และทำลายระบบประสาทที่ควบคุมการบีบตัวของลำไส้
ชุมเห็ดเทศ
เป็นสมุนไพรไทยที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายชั้นเลิศอีกหนึ่งตัว โดยให้ใช้ดอกสดมาต้มจิ้มกินกับน้ำพริก หรือนำใบสดไปหั่นตากแห้ง แล้วนำไปต้มดื่มเป็นน้ำชาก็ได้
มะขามเปียก
นำมาขยำกับน้ำสุกประมาณ 3 แก้ว จะได้น้ำมะขามข้น ๆ เติมเกลือลงไป 1 ช้อนกาแฟ แล้วดื่มให้หมดก่อนนอนสัก 1-2 ชั่วโมง จะช่วยทำให้ถ่ายง่าย หรือหากไม่ได้ท้องผูกมาก ๆ ก็นำมะขามเปียกแกะเมล็ดแล้วมาจิ้มเกลือกินสัก 5-10 ฝัก แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ ก็ช่วยได้
คูน
เนื้อในฝักคูนแก้อาการท้องผูก ทำได้โดยเอาเนื้อในฝักแก่ก้อนเท่าหัวแม่มือ (ประมาณ 4 กรัม) ต้มกับน้ำใส่เกลือเล็กน้อย ดื่มก่อนนอนหรือตอนเช้าก่อนอาหารเหมาะเป็นยาระบาย
ภาวะท้องเสีย
สาเหตุ
ท้องร่วงชนิดเฉียบพลัน
-
-
การติดเชื้อ
ซึ่งพบได้บ่อยกว่าสาเหตุอื่นๆ อาจเกิดจากเชื้อไวรัส บิด ไทฟอยก์ อหิวาต์ มาลาเรีย พยาธิบางชนิด เช่น ไทอาร์เดีย พยาธิแส้ม้า
-
-
ท้องร่วงเรื้อรัง
-
- การติดเชื้อ เช่น บิด อะมีบา วัณโรคลำไส้ และพยาธิแส้ม้า
- โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน คอพอกเป็นพิษ
- ขาดน้ำย่อย สำหรับย่อยน้ำตาลที่อยู่ในนม จึงทำให้เกิดอาการท้องเสียหลังดื่มนม
- ความผิดปกติของการดูดซึมอาหารที่ลำไส้
- เนื้องอก มะเร็งลำไส้ หรือมะเร็งตับอ่อน
- ยา เช่น รับประทานยาถ่าย หรือยาลดกรดเป็นประจำ
- สาเหตุอื่นๆ เช่น ผ่าตัดกระเพาะอาหาร ทำให้การย่อยอาหารผิดปกติ การฝังแร่อาจทำให้เกิดอาการท้องเดินเรื้อรังได้
-
อาการ
มีการถ่ายอุจจาระเหลว ถ่ายเป็นน้ำมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป ถ่ายบ่อยกว่าปกติของแต่ละคน หรือถ่ายเป็นมูกปนเลือด 1 ครั้งหรือมากกว่านั้นภายใน 24 ชั่วโมง ในบางรายอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ อ่อนเพลีย รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว และมีไข้
-
แนวทางการดูแล
ดูแลความสุขสบาย
ช่วยเหลือให้ไปห้องน้ำได้ทัน เพราะส่วนมากจะกลั้นอุจจาระไม่ได้ จัดท่าให้สุขสบายขณะขับถ่าย ควรให้นั่งถ่ายบนโถส้วม ไม่ควรนั่งยอง ๆ ช่วยเหลือทำความสะอาดหลังการขับถ่ายด้วยการชำระด้วยน้ำและซับให้แห้งทุกครั้ง ดูแลผิวหนังบริเวณทวารหนักและฝีเย็บให้สะอาดแห้งอยู่เสมอ ให้นอนพักบนเตียง ให้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ (ถ้ามี)
-
ปัญหา
“โรคท้องร่วงกับผู้สูงอายุ” โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนมักพบได้บ่อย สำหรับคนหนุ่มสาวเกิดภาวะท้องเดิน 7-8 ครั้ง อาจไม่อันตรายเท่ากับคุณตาคุณยายถ่ายหนักเกิน 2 ครั้ง เพราะอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและบางรายอาจถึงขั้นชีวิตได้จากการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วง
นางสาววิมลสิริ ทางชอบ เลขที่ 46 ห้อง B ชั้น ปีที่ 2
-