ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
จัดทำโดย
นางสาวจริยา ทองมาก เลขที่40 ห้อง B
ท้องผูก😣
ปัญหา🤒
ท้องเสียง💩 😥
ความหมาย💩
สาเหตุ🤕
อาการ😫
ภาวะแทรกซ้อน😷
แนวทางการพยาบาล🏥
ปัญหา💩
ความหมาย💩
สาเหตุ💩
อาการ💩
ภาวะแทรกซ้อน💩
แนวทางการพยาบาล🚑
ท้องผูกอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดความไม่สุขสบายในกระเพราะอาหาร ทวารหนัก
อาจทำให้เกิดภาวะลำไส้อุดตัน เกิดโรคริดสีดวงทวารได้
มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
ทานอาหารได้น้อย
อาหารไม่ย่อยเกิน มีอาเจียนในผู้สูงอายุที่ให้อาการทางสายยาง
ลำไส้บวมและโป่งพอง
ปวดท้องเรื้อรัง
Sigmoid volvulus👉มีการบิดของ sigmoid colon ที่ยาวและขยายใหญ่ หรือท้องผูกเรื้อรัง ลำไส้ใหญ่จะขยายพอง มีloop คล้ายเกือกม้า
Stercoral ulceration👉บาดแผลของลำไส้ใหญ่
พฤติกรรมและแบบแผน
ดำเนินชีวิตประจำวัน
การรับประทานยาบางชนิด💊
โรคประจำตัว
โรคทางระบบประสาท🧠
โรคของลำไส้และทวารหนัก
การเคลื่อนไหวของร่างกายลดลง
นิสัยการกลั้นอุจจาระเป็นประจำ
รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อยเกินไป
ขากการออกกำลังกาย🏃🏼
ภาวะเครียด🤦🏻♀️
ยากลุ่ม Opiates
ยาต้านการซึมเศร้า
ยากันชัก
ยาลดกรดที่มีเกลืออลูมิเนียม
ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้ง/สัปดาห์
เวลาถ่ายอุจจาระต้องเบ่งมากกว่าปกติ
อุจจาระเป็นก้อนแข็งกว่าปกติ
รู้สึกถ่ายอุจจาระไม่สุด
มีความรู้สึกว่าถ่ายไม่ออกเนื่องจากมีสิ่งอุดกั้นบริเวณทวารหนัก
ต้องใช้นิ้วมือช่วยในการถ่ายอุจจาระ โดยถ้ามีอาการนานมากกว่า 3-6 เดือน จะถือว่าเป็นท้องผูกเรื้อรัง
อึดอัด แน่นท้อง ท้องอืด
มีไขี้ อาเจียน
สับสน
ถ่ายอุจจาระลำบาก การไม่ถ่ายอุจจาระต่อเนื่อง 3 วันขึ้นไป หรือถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้ง/สัปดาห์ หรือถ่ายอุจจาระแห้ง แข็ง ต้องออกแรงเบ่งและใช้เวลาเบ่งนานี
มีปัญหาเกี่ยวกับทวารหนัก
มีปัญหาเรื่องฟันและช่องปาก
มีปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมกล้ามเนื้อ
ที่เกี่ยวข้องกับการขับถ่าย
1.ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญ และปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาการขับถ่าย
2.กระตุ้นให้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ(>2,000 ml/day)
3.แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง🥗🍲
4.แนะนำให้รับประทานสมุนไพร🌿🌱พื้นบ้านต้านโรค บรรเทาอาการท้องผูก
5.แนะนำการบดเคี้ยวอาหารอย่างละเอียด ถ้าผู้สูงอายุมีปัญหาแรื่องฟันและช่องปากแนะนำให้รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย
6.จัดสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตร มีความเป็นส่วนตัว ให้เวลาในการขับถ่าย
7.แนะนำให้หลีกเลี่ยงการกลั้นอุจจาระ
8.ควรฝึกการขับถ่ายให้เป็นนิสัย
9.กรณีนอนติดเตียง ควรจัดท่าศีรษะสูงในการขับถ่ายอุจจาระ
10.กระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
11.กรณีที่อุจจาระอัดแน่นใหทำการล้วง(Evacuation)ด้วยความนุ่มนวล
12.หากต้องใช้ยาระบาย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
1.มะขามแขก
👉ห้ามในคนที่มีภาวะทางเดินอาหารอุดตันหรือปวดท้องไม่ทราบสาเหตุ❌
2.ใบมะรุม☘️
👉ผู้ป่วยโรคตับควรหลีกเลี่ยงเพราะส่งผลให้ค่าเอนไซม์ของตับสูงขึ้น❌
👉ผู้ป่วยโรคเลือดไม่ควรรับประทานเพราะทำให้เม็ดเลือดแตกง่าย❌
👉ผู้ป่วยโรคเกาต์ไม่ควรรับประทานเพราะทำให้ได้รับโปรตีนสูง เกิดอันตรายต่อโรคเกาต์❌
3.ขี้เหล็ก 🌿
👉ถ่านำเอาใบขี้เหล็กไปตากแห้งแล้วบรรจุเป็นเม็ด👉อาจทำให้เกิดการเสื่อมและการตายของเซลล์ตับหรือเกิดตับอักเสบทำให้เป็นโรคตับได้
4.ชุมเห็ดเทศ
👉ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีภาวะทางเดินอาหารหรือลำไส้อุดตันหรือมีอาการอักเสบของลำไส้เฉียบพลัน❌
5.ส้มแขก
👉ห้ามในคนเป็นโรคตับ เพราะตับจะถูกทำลายมากขึ้น❌
👉ห้ามในโรคไบโพลาร์ เพราะทำให้อารมณ์แปรปรวนในไบโพลาร์ทรุดหนักลง❌
6.คูน 👉นำเนื้อในฝักแก่ของดอกคูนมาต้ม
7.สมอไทย
8.ผักกาดขาว
👉หลีกเลี่ยงผู้ที่อาหารไม่ย่อย ม้ามพร่อง
9.ลูกเกด
👉คนที่เป็นไตวายไม่แนะนำให้กิน
แกงขี้เหล็ก
แกงมะรุม
แกงผัดหวานป่า
แกงส้มมะรุมกุ้ง
แกงเหลืองมะละกอกุ้ง
ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่
โรคลำไส้แปรปรวน
ภาวะย่ิยน้ำตาลแล็กโทสบกพร่อง
กลุ่มอาการเม็ดเลือดแดงแตกยูรีเมีย
หากท้องเสียจากการติดเชื้อบางชนิด
การติดเชื้อลุกลามไปยังอวัยวะอื่นในร่างกาย
ร่างกายส่วนอื่นตอบสนองต่อการติดเชื้อ
ในทางเดินอาหารจนเกิดการอักเสบตาม
มีอาการถ่ายอุจจาระบ่อยเกินกว่าวันละ 3 ครั้ง
มีไข้ ปวดเมื่อยตัว
ชนิดเฉียบพลัน
ชนิดเรื้อรัง
(ถ่ายนานเกิน 3 สัปดาห์ หรือ เป็นๆหายๆ)
มีปัญหาการใช้ยาไม่จำเป็น นำไปสู่ปัญหาเชื้อดื้อยา
มีปัญหาเรื่องการปล่อยปละละเลยของผู้ดูแลทำให้เกิดปัญหาการกินที่ไม่ถูกสุขลักษณะและไม่สะอาด
1.ให้หยุดรับประทานอาหาร 2-4 ชั่วโมง เพื่อให้ลำไส้หยุดการทำงาน
อุจจาระเหลวเป็นน้ำหรืมากกว่าเนื้อ
ถ่ายเป็นมูกหรือมูกเลือดเพียงครั้งเดียว
1.การติดเชื้อ🦠
ไวรัส
เช่น Rotavirus บิด
🦠แบคทีเรีย
โปรโตซัว
พยาธิ
เช่น พยาธิแส้ม้า
เช่น อะมีบา มาลาเรีย
เช่น shigella typhoid อหิวาต์
2.สาพิษจากเชื้อโรค🦠
โดยการรับประทานพิษของเชื้อโรคที่ปนเปื้อนในอาหารและนำ้
3.สารเคมี🧪
เช่น ตะกั่ว สารหนู Nitrate ยาฆ่าแมลง
4.ยา💊
เช่น ยาถ่าย ยาลดกรด
1.อาจเกิดจากกลุ่มอาการลำไส้ไวต่อสิ่งเร้า
2.การติดเชื้อ เช่น บิดอะมีบา (Amoeba)วัณโรคลำไส้ พยาธิแส้ม้า
3.โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน คอพอกเป็นพิษ
4.การขาดเอนไซม์Lactase ที่ย่อยน้ำตาล Lactose ซึ่งมีในนมสด ทำให้ท้องเดินหลังดื่มนม
5.ความผิดปกติเกี่ยวกับการดูดซึมของลำไส้
6.เนื้องอก หรือมะเร็งของลำไส้หรือตับอ่อน
7.ยา💊 เช่น รับประทานยาถ่าย หรือยาลดกรดเป็นประจำ
8.สาเหตุอื่น เช่น หลังผ่าตัดกระเพาะอาหาร หลังผ่าตัดลำไส้
หลังผ่าตัดนำถุงน้ำดีออก
ปวดท้อง ปวดมวนท้อง ปวดเบ่ง อ่อนเพลีย
กระหายน้ำมาก
การถ่ายอุจจาระตั้งแต่วันละ 3 ครั้ง
ปัสสาวะน้อย ปัสสาวะมีสีเหลืองเข็มจัด
ปากแห้ง ลิ้นแห้ง ผิวแห้ง เมื่อเป็นมากตาจะลึกโหล
เพราะเนื้อเยื่อรอบๆตาขาดน้ำไปด้วย
เมื่อขาดน้ำมากรุนแรงจะวิงเวียน มึนงง กระสับกระส่าย และช็อกในที่สุด
2.แนะนำให้ดื่มเกลือแร่ผงผสมกับน้ำต้มสุก หรือใช้เกลือป่นผสมกับน้ำต้มสุกเพื่อทดแทนน้ำกับเกลือแร่ที่ร่างกายสูญเสียไป
3.หลังจากนั้นจึงเริ่มรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวใส่เกลือ
ข้าวต้ม🍲 หรือโจ๊ก งดอาหารรสจัด
และอาหารที่มีกากใยมาก เช่น ผัก🥬
ผลไม้🍎
4.แนะนำรับประทานโยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติก เชื้อแบคทีเรียมีชีวิตที่มีอยู่ในโยเกิร์ตสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องเสียบางชนิด และจะทำให้หายเร็วขึ้น
5.แนะนำให้รับประทานพวก กล้วย ข้าว แอปเปิ้ล หรือน้ำแอปเปิ้ล และขนมปังปิ้งแห้ง ช่วยให้อาการท้องเสียหายเร็วขึ้น
6.งดดื่มนม🥛 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์🍺 หรือคาเฟอีน☕️ จนกว่าจะหายท้องเสีย
7.หลีกเลี่ยงยารักษาโรคท้องเสีย ยกเว้นแพทย์สั่งเท่านั้น เนื่องจากท้องเสียเป็นการขับสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากร่างกาย ดังนั้นทางเดียวที่จะดีขึ้นได้คือต้องยอมถ่ายเหลวให้หมด
8.ต้องรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาแก้อาเจียน ยาแด้ปวดท้อง หรือยาลดไข้💊เมื่อมีอาการเหล่านั้นขณะท้องเสีย