ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
จัดทำโดย
นางสาวจริยา ทองมาก เลขที่40 ห้อง B ดาวน์โหลด (7)

ท้องผูก😣 ดาวน์โหลด

ปัญหา🤒

ท้องเสียง💩 😥ดาวน์โหลด (9)

ความหมาย💩

สาเหตุ🤕

อาการ😫

ภาวะแทรกซ้อน😷 ดาวน์โหลด (11)

แนวทางการพยาบาล🏥

ปัญหา💩

ความหมาย💩

สาเหตุ💩

อาการ💩

ภาวะแทรกซ้อน💩

แนวทางการพยาบาล🚑

ท้องผูกอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดความไม่สุขสบายในกระเพราะอาหาร ทวารหนัก

อาจทำให้เกิดภาวะลำไส้อุดตัน เกิดโรคริดสีดวงทวารได้

มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน

ทานอาหารได้น้อย

อาหารไม่ย่อยเกิน มีอาเจียนในผู้สูงอายุที่ให้อาการทางสายยาง

ลำไส้บวมและโป่งพอง

ปวดท้องเรื้อรัง

Sigmoid volvulus👉มีการบิดของ sigmoid colon ที่ยาวและขยายใหญ่ หรือท้องผูกเรื้อรัง ลำไส้ใหญ่จะขยายพอง มีloop คล้ายเกือกม้า

Stercoral ulceration👉บาดแผลของลำไส้ใหญ่

พฤติกรรมและแบบแผน
ดำเนินชีวิตประจำวัน

การรับประทานยาบางชนิด💊

โรคประจำตัว

โรคทางระบบประสาท🧠

โรคของลำไส้และทวารหนัก

การเคลื่อนไหวของร่างกายลดลง

นิสัยการกลั้นอุจจาระเป็นประจำ

รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อยเกินไป

ขากการออกกำลังกาย🏃🏼

ภาวะเครียด🤦🏻‍♀️

ยากลุ่ม Opiates

ยาต้านการซึมเศร้า

ยากันชัก

ยาลดกรดที่มีเกลืออลูมิเนียม

ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้ง/สัปดาห์

เวลาถ่ายอุจจาระต้องเบ่งมากกว่าปกติ

อุจจาระเป็นก้อนแข็งกว่าปกติ

รู้สึกถ่ายอุจจาระไม่สุด

มีความรู้สึกว่าถ่ายไม่ออกเนื่องจากมีสิ่งอุดกั้นบริเวณทวารหนัก

ต้องใช้นิ้วมือช่วยในการถ่ายอุจจาระ โดยถ้ามีอาการนานมากกว่า 3-6 เดือน จะถือว่าเป็นท้องผูกเรื้อรัง

อึดอัด แน่นท้อง ท้องอืด

มีไขี้ อาเจียน

สับสน

ถ่ายอุจจาระลำบาก การไม่ถ่ายอุจจาระต่อเนื่อง 3 วันขึ้นไป หรือถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้ง/สัปดาห์ หรือถ่ายอุจจาระแห้ง แข็ง ต้องออกแรงเบ่งและใช้เวลาเบ่งนานี

มีปัญหาเกี่ยวกับทวารหนัก

มีปัญหาเรื่องฟันและช่องปาก

มีปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมกล้ามเนื้อ
ที่เกี่ยวข้องกับการขับถ่าย

1.ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญ และปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาการขับถ่าย

2.กระตุ้นให้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ(>2,000 ml/day)

3.แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง🥗🍲

4.แนะนำให้รับประทานสมุนไพร🌿🌱พื้นบ้านต้านโรค บรรเทาอาการท้องผูก

5.แนะนำการบดเคี้ยวอาหารอย่างละเอียด ถ้าผู้สูงอายุมีปัญหาแรื่องฟันและช่องปากแนะนำให้รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย

6.จัดสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตร มีความเป็นส่วนตัว ให้เวลาในการขับถ่าย

7.แนะนำให้หลีกเลี่ยงการกลั้นอุจจาระ

8.ควรฝึกการขับถ่ายให้เป็นนิสัย

9.กรณีนอนติดเตียง ควรจัดท่าศีรษะสูงในการขับถ่ายอุจจาระ

10.กระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

11.กรณีที่อุจจาระอัดแน่นใหทำการล้วง(Evacuation)ด้วยความนุ่มนวล

12.หากต้องใช้ยาระบาย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

1.มะขามแขก
👉ห้ามในคนที่มีภาวะทางเดินอาหารอุดตันหรือปวดท้องไม่ทราบสาเหตุ❌
2.ใบมะรุม☘️
👉ผู้ป่วยโรคตับควรหลีกเลี่ยงเพราะส่งผลให้ค่าเอนไซม์ของตับสูงขึ้น❌
👉ผู้ป่วยโรคเลือดไม่ควรรับประทานเพราะทำให้เม็ดเลือดแตกง่าย❌
👉ผู้ป่วยโรคเกาต์ไม่ควรรับประทานเพราะทำให้ได้รับโปรตีนสูง เกิดอันตรายต่อโรคเกาต์❌
3.ขี้เหล็ก 🌿
👉ถ่านำเอาใบขี้เหล็กไปตากแห้งแล้วบรรจุเป็นเม็ด👉อาจทำให้เกิดการเสื่อมและการตายของเซลล์ตับหรือเกิดตับอักเสบทำให้เป็นโรคตับได้
4.ชุมเห็ดเทศ
👉ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีภาวะทางเดินอาหารหรือลำไส้อุดตันหรือมีอาการอักเสบของลำไส้เฉียบพลัน❌
5.ส้มแขก
👉ห้ามในคนเป็นโรคตับ เพราะตับจะถูกทำลายมากขึ้น❌
👉ห้ามในโรคไบโพลาร์ เพราะทำให้อารมณ์แปรปรวนในไบโพลาร์ทรุดหนักลง❌
6.คูน 👉นำเนื้อในฝักแก่ของดอกคูนมาต้ม
7.สมอไทย
8.ผักกาดขาว
👉หลีกเลี่ยงผู้ที่อาหารไม่ย่อย ม้ามพร่อง
9.ลูกเกด
👉คนที่เป็นไตวายไม่แนะนำให้กิน

แกงขี้เหล็ก
แกงมะรุม
แกงผัดหวานป่า
แกงส้มมะรุมกุ้ง
แกงเหลืองมะละกอกุ้ง

ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่

โรคลำไส้แปรปรวน

ภาวะย่ิยน้ำตาลแล็กโทสบกพร่อง

กลุ่มอาการเม็ดเลือดแดงแตกยูรีเมีย
หากท้องเสียจากการติดเชื้อบางชนิด

การติดเชื้อลุกลามไปยังอวัยวะอื่นในร่างกาย

ร่างกายส่วนอื่นตอบสนองต่อการติดเชื้อ
ในทางเดินอาหารจนเกิดการอักเสบตาม

มีอาการถ่ายอุจจาระบ่อยเกินกว่าวันละ 3 ครั้ง

มีไข้ ปวดเมื่อยตัว

ชนิดเฉียบพลัน

ชนิดเรื้อรัง
(ถ่ายนานเกิน 3 สัปดาห์ หรือ เป็นๆหายๆ)

มีปัญหาการใช้ยาไม่จำเป็น นำไปสู่ปัญหาเชื้อดื้อยา

มีปัญหาเรื่องการปล่อยปละละเลยของผู้ดูแลทำให้เกิดปัญหาการกินที่ไม่ถูกสุขลักษณะและไม่สะอาด

1.ให้หยุดรับประทานอาหาร 2-4 ชั่วโมง เพื่อให้ลำไส้หยุดการทำงาน

อุจจาระเหลวเป็นน้ำหรืมากกว่าเนื้อ

ถ่ายเป็นมูกหรือมูกเลือดเพียงครั้งเดียว

1.การติดเชื้อ🦠

ไวรัส

เช่น Rotavirus บิด

🦠แบคทีเรีย

โปรโตซัว

พยาธิ

เช่น พยาธิแส้ม้า

เช่น อะมีบา มาลาเรีย

เช่น shigella typhoid อหิวาต์

2.สาพิษจากเชื้อโรค🦠

โดยการรับประทานพิษของเชื้อโรคที่ปนเปื้อนในอาหารและนำ้

3.สารเคมี🧪

เช่น ตะกั่ว สารหนู Nitrate ยาฆ่าแมลง

4.ยา💊

เช่น ยาถ่าย ยาลดกรด

1.อาจเกิดจากกลุ่มอาการลำไส้ไวต่อสิ่งเร้า

2.การติดเชื้อ เช่น บิดอะมีบา (Amoeba)วัณโรคลำไส้ พยาธิแส้ม้า

3.โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน คอพอกเป็นพิษ

4.การขาดเอนไซม์Lactase ที่ย่อยน้ำตาล Lactose ซึ่งมีในนมสด ทำให้ท้องเดินหลังดื่มนม

5.ความผิดปกติเกี่ยวกับการดูดซึมของลำไส้

6.เนื้องอก หรือมะเร็งของลำไส้หรือตับอ่อน

7.ยา💊 เช่น รับประทานยาถ่าย หรือยาลดกรดเป็นประจำ

8.สาเหตุอื่น เช่น หลังผ่าตัดกระเพาะอาหาร หลังผ่าตัดลำไส้
หลังผ่าตัดนำถุงน้ำดีออก

ปวดท้อง ปวดมวนท้อง ปวดเบ่ง อ่อนเพลีย

กระหายน้ำมาก

การถ่ายอุจจาระตั้งแต่วันละ 3 ครั้ง

ปัสสาวะน้อย ปัสสาวะมีสีเหลืองเข็มจัด

ปากแห้ง ลิ้นแห้ง ผิวแห้ง เมื่อเป็นมากตาจะลึกโหล
เพราะเนื้อเยื่อรอบๆตาขาดน้ำไปด้วย

เมื่อขาดน้ำมากรุนแรงจะวิงเวียน มึนงง กระสับกระส่าย และช็อกในที่สุด

2.แนะนำให้ดื่มเกลือแร่ผงผสมกับน้ำต้มสุก หรือใช้เกลือป่นผสมกับน้ำต้มสุกเพื่อทดแทนน้ำกับเกลือแร่ที่ร่างกายสูญเสียไป

3.หลังจากนั้นจึงเริ่มรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวใส่เกลือ
ข้าวต้ม🍲 หรือโจ๊ก งดอาหารรสจัด
และอาหารที่มีกากใยมาก เช่น ผัก🥬
ผลไม้🍎

4.แนะนำรับประทานโยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติก เชื้อแบคทีเรียมีชีวิตที่มีอยู่ในโยเกิร์ตสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องเสียบางชนิด และจะทำให้หายเร็วขึ้น

5.แนะนำให้รับประทานพวก กล้วย ข้าว แอปเปิ้ล หรือน้ำแอปเปิ้ล และขนมปังปิ้งแห้ง ช่วยให้อาการท้องเสียหายเร็วขึ้น

6.งดดื่มนม🥛 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์🍺 หรือคาเฟอีน☕️ จนกว่าจะหายท้องเสีย

7.หลีกเลี่ยงยารักษาโรคท้องเสีย ยกเว้นแพทย์สั่งเท่านั้น เนื่องจากท้องเสียเป็นการขับสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากร่างกาย ดังนั้นทางเดียวที่จะดีขึ้นได้คือต้องยอมถ่ายเหลวให้หมด

8.ต้องรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาแก้อาเจียน ยาแด้ปวดท้อง หรือยาลดไข้💊เมื่อมีอาการเหล่านั้นขณะท้องเสีย

images (6)

ดาวน์โหลด (10)

images (7)