Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การจัดการในภาวะวิกฤตและฉุกเฉิน, นางสาว อรพิมล ปิ่นปี เลขที่ 60 612001141…
การจัดการในภาวะวิกฤตและฉุกเฉิน
ความหมาย
วิกฤษ คือ เหตุการณ์คับขันที่เกิดขึ้นเมื่อประสบกับอุปสรรคต่อเป้าหมายชีวิต
วิกฤษ คือ ภาวะที่เปลี่ยนแปลงไปจากภาวะปกติ ทำให้บุคคลต้องใช้กลไกการปรับตัวทำให้สมรรถภาพการแก้ไขปัญหาของบุคคลลดลง
องค์ประกอบภาวะวิกฤต
1.การรับรู้เหตุการณ์ของบุคคล
การสูญเสียแหละการพรากจากกัน
ท้าทายความสามารถ
เป็นจริงหรือบิดเบือน
2.การมีบุคคลที่ช่วยเหลือ ช่วยปกป้องและให้กำลังใจเกิดความรู้สึกมั่นคงในทางตรวกันข้ามอาจทำให้เกิดภาวะไม่สมดุลจะทำให้เกิดภาวะวิกฤตทางอารมณ์
3.ความสามารถในการเผชิญกับความเครียด บุคคลมีความสามารถในการเผชิญกับความเครียดได้ดี อาจใช้วิธีหาคนปรีกษา พูดถึงปัญหาทำกิจกรรมลดความเครียด
ระยะของภาวะวิกฤตทางอารมณ์ (Phase of crisis)
Pre-crisis period
บุคคลเริ่มเผชิญกับความเครียด สิ่งคุกคามที่ทำให้เกิดความคับข้องใจ เกิดความตึงเครียดเล็กน้อย แต่บุคคลจะรับรู้และนำประสบการณ์ที่เคยผ่านมาใช้แก้ปัญหา
Crisis period
บุคคลจะมีความตึงเครียดจะเพิ่มขึ้น รู้สึกกลัว วิตกกังวล บุคคลพยายามที่จะคิดหาวิธีการแก้ปัญหาใหม่
Post-crisis period
บุคคลมีการปรับตัวกลับมาเข้มแข็งและทำหน้าที่ได้
3 ระดับ
มีความเข้มแข็งและทาหน้าที่ได้เหมือนเดิม
มีความเข้มแข็งและทำหน้าที่ได้ดีกว่าเดิม
มีความเข้มแข็งและทำหน้าที่ได้ต่ำกว่าเดิม
ประเภทของภาวะวิกฤตทางอารมณ์
ภาวะวิกฤตจากพัฒนาการ
พัฒนาการออกเป็น 8 ขั้นตอน(Erik H.Erikson)
1-3 ปี ,3-5 ปี ,5-12 ปี ,วัยรุ่น , วัยผู้ใหญ่ , วัยกลางคน และวัยผู้สูงอายุ
ภาวะวิกฤตจากสถานการณ์
การว่างงานและตกงาน
การเสียชีวิตของบุคคลอันเป็นที่รัก
การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์
ภาวะวิกฤตจากภัยต่างๆ
ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ภัยพิบัติจากความขัดแย้งระหว่างชาติ
อาชญากรรมและการกระทำรุนแรง
ความรู้สึกของบุคคลในภาวะวิกฤตทางอารมณ์
ความวิตกกังวล
ความกลัว
ความโกรธ
ความหมดหนทาง
รูปแบบการช่วยเหลือบุคคลในภาวะวิกฤต
ระดับที่ 1
การจัดการสิ่งแวดล้อม
ระดับที่ 2
การประคับประคองทั่วไป
ระดับที่ 3
การช่วยเหลือแบบกลุ่ม
ระดับที่ 4
การช่วยเหลือรายบุคคล
การประเมิน (Assessment) ภาวะวิกฤตทางอารมณ์
เหตุการณ์ให้เกิดภาวะวิกฤต
การรับรู้เหตุการณ์ของผู้ใช้บริการ
ความรู้สึกและพฤติกรรมของผู้ใช้บริการ
ระบบสนับสนุนของผู้ใช้บริการ
ทักษะการแก้ปัญหาของผู้ใช้บริการ
ด้านอารมณ์
ข้อวินิจฉัย
วิตกกังวลจนไม่สามารถเผชิญปัญหาได้เนื่องจากภาวะวิกฤต
มีความรู้สึกสิ้นหวัง
เสี่ยงต่อพฤติกรรมรุนแรงเนื่องจากไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธได้
ด้านสติปัญญา
กระบวนการคิดบิดเบือนจากการรับรู้ถูกรบกวน
มีความจำบิดเบือน
การสื่อสารทางภาษาบกพร่อง
ด้านสังคม
มีความวิตกกังวลเนื่องจากสิ่งแวดล้อมที่ก่อให้เกิดความเครียด
มีความวิตกกังวลจนไม่สามารถเผชิญปัญหาได้
การมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมบกพร่องเพราะขาดแหล่งช่วยเหลือสนับสนุน
ด้านจิตวิญญาณ
มีความรู้สึกสิ้นหวัง
มีความบีบคั้นทางจิตวิญญาณเพราะการรับรู้บิดเบือน
การวางแผนการพยาบาล
ด้านจิตใจ เพื่อช่วยให้บุคคลสามารถแยกแยะสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดภาวะวิกฤตได้
ด้านอารมณ์ เพื่อลดความวิตกกังวลซึ่งก่อให้เกิดภาวะวิกฤต
ด้านสติปัญญา เพื่อช่วยให้บุคคลเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านสังคม เพื่อช่วยหาแหล่งช่วยเหลือสนับสนุน
ด้านจิตวิญญาณ เพื่อช่วยให้บุคคลมีความรู้สึก มีความหวัง รู้สึกมั่นคงปลอดภัยในตนเอง
จิตเวชฉุกเฉิน
ภาวะที่เกิดมีความคิด อารมณ์หรือพฤติกรรมที่ผิดปกติเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันหรือรุนแรง จนอาจทำให้เกิดความเสียหาย หรืออันตรายต่อตัวผู้ป่วยเอง ผู้อื่น และทรัพย์สินได้
การพยาบาลจิตเวชฉุกเฉิน
การพยาบาลผู้ป่วยทางจิตเวชที่มีอาการทางจิตรุนแรง หรือมีลักษณะเสี่ยงต่อภาวะก่อพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อชีวิตหรือทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่น
หลักการประเมินความฉุกเฉินทางจิตเวช
ผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมรุนแรง ทำร้ายตนเอง ผู้อื่น หรือทำลายทรัพย์สิน
ผู้ป่วยตะโกนเสียงดัง รบกวนบุคคลอื่น
ผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ทำให้ญาติและบุคคลอื่นตื่นกลัว
ผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
ผู้ป่วยที่ควบคุมพฤติกรรมตนเองไม่ได้
ผู้ป่วยที่หลีกเลี่ยงการตอบคาถาม และพยายามหนีจากเหตุการณ์
ผู้ป่วยที่มีอาการทางด้านร่างกายที่แสดงให้เห็นว่าเจ็บป่วยกะทันหันและมีสัญญาณชีพที่ผิดปกติ และมีพฤติกรรมแปลกไป
คุณลักษณะของพยาบาลจิตเวชในการพยาบาลจิตเวชในภาวะฉุกเฉิน
มีความตื่นตัวในการช่วยเหลือ และปฏิบัติด้วยความคล่องแคล่วว่องไว
แสดงถึงความเต็มใจที่จะจัดการกับภาวะเสี่ยง และมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติจนเกิดผลสำเร็จ
ท่าทางที่สงบ สุขุม รอบคอบ ในการควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินเข้าใจเป้าหมายในการปฏิบัติการช่วยเหลือ
เข้าใจเจตนาตนเองในการกระทำและเชื่อมั่นในการเลือกใช้วิธีการที่ดีที่สุดในการปฏิบัติการ
สามารถแยกปัญหาฉุกเฉินที่แท้จริงออกจากสถานการณ์วิกฤตที่ดำเนินอยู่ได้
การจำแนกสภาพความฉุกเฉินและการจัดลำดับความสำคัญ
เร่งด่วนฉุกเฉิน (Urgent)
สภาพเร่งด่วนที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนึ่งทันที
เร่งด่วน (Acute)
สภาพความเร่งด่วนที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือทันทีภายใน นาที
ไม่เร่งด่วน (Non acute)
สภาพที่ไม่เร่งด่วน สามารถรอเวลาเพื่อสังเกตการณ์
เปลี่ยนแปลงได้
ส่งต่อ (Refer)
ผู้รับบริการที่ควรส่งไปรับบริการจากแหล่งที่มีบริการ
รักษาและช่วยเหลือเฉพาะทาง
การวินิจฉัยทางการพยาบาลจิตเวชในภาวะฉุกเฉิน
ต้องวิเคราะห์สถานการณ์บนพื้นฐานของข้อมูลความรวดเร็ว และระมัดระวังเพื่อให้เข้าใจธรรมชาติของปัญหา
ทำความเข้าใจต่อลักษณะเฉพาะของปัญหาแต่ละปัญหาและพฤติกรรมตอบสนองต่อปัญหาที่แตกต่างกัน
ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินก่อให้เกิดความกดดันต่อบุคคลซึ่งมีผลให้ความอดทนต่อปัญหาของบุคคลต่ำลง รวมทั้งจะไม่สามารถรับรู้ และตอบสนองต่อความช่วยเหลือ
การพิจารณาตัดสินและลำดับความสำคัญของปัญหาที่ต้องการการช่วยเหลือต้องอาศัยการสังเกต และการทำความเข้าใจความรู้สึก
การที่พยาบาลสามารถวินิจฉัยปัญหา และสามารถควบคุมสถานการณ์อันตรายในเบื้องต้นได้
เป้าหมายของการวางแผนการพยาบาลจิตเวชในภาวะฉุกเฉิน
เป้าหมายหลัก
ป้องกันอันตรายต่อชีวิตของผู้รับบริการ
และผู้อื่น
เป้าหมายรอง
การช่วยเหลือเพื่อให้ผู้รับริการสามารถ
จัดการกับภาวะอารมณ์ของตนเองได้
กิจกรรมการช่วยเหลือบุคคลในภาวะฉุกเฉิน
ใช้กลยุทธ์ทางการพยาบาลในการจัดการกับปัญหาตามสภาพความเร่งด่วน
มีการวางแผนการใช้แหล่งสนับสนุนอย่างเหมาะสมก่อนดำเนินการช่วยเหลือ
ปฏิบัติการช่วยเหลือบุคคลในภาวะฉุกเฉินทางจิตเวช
เป็นแผนที่ปฏิบัติได้ทันที และมีวิธีการที่ยืดหยุ่นได้
ใช้กระบวนการจัดการที่มุ่งการป้องกัน ไม่ให้เกิดความรุนแรงหรืออันตรายต่อชีวิต
เป็นการจัดการที่ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงลงสู่ระดับที่คนสามารถควบคุมได้
เป็นแผนที่สามารถประเมินได้ ทั้งระหว่างการช่วยเหลือและหลังการช่วยเหลือ
การดูแลและการพยาบาลผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมรุนแรง
ระดับที่ 1 การป้องกันการเกิดความรุนแรง (prevention ofviolence)
การจัดการสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม อาจช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยงของการเกิดความรุนแรงได้
เทคนิคการติดต่อสื่อสาร (communication skill) ช่วยใช้ผู้ป่วยที่เริ่มจะมีอาการโกรธ และก้าวร้าวนั้นสงบสติอารมณ์ลง
ระดับที่ 2 การป้องกันอันตรายต่อผู้ป่วยและผู้อื่น (protection of patient and others)
ผู้ป่วยที่เริ่มเข้าสู่ Escalation Stage
มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมตนเองได้ และไม่ทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
พยาบาลยังคงใช้น้ าเสียงที่นุ่มนวล สุภาพแต่มั่นคง
ผู้ป่วยได้ระบายความรู้สึก
ตั้งข้อจำกัดทางพฤติกรรมโดยการบอกให้ผู้ป่วยทราบ
อย่างนุ่มนวลเมื่อผู้ป่วยแสดงกิริยาไม่เหมาะสม
ระดับที่ 3การควบคุมพฤติกรรมรุนแรง (Violence Control)
การแยก/จำกัดบริเวณ คือ การจำกัดอิสรภาพของป่วยในการเคลื่อนย้ายไปในที่อื่นๆเป็นการบังคับให้ผู้ป่วยอยู่ในห้องที่เงียบ สงบและปลอดภัย โดยไม่มีการผูกยึด
การผูกยึด ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะก้าวราวรุนแรง มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
การใช้ยาควบคุมอาการ ในกรณีที่ผู้ป่วยก้าวร้าวและมีพฤติกรรมรุนแรงจนควบคุมไม่ได้
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย(suicide)
วัตถุประสงค์
1.ขจัดความคิดในเรื่องการฆ่าตัวตาย
ขจัดความคิดทางลบ
3.สามารถมองเห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา
ทักษะการช่วยเหลือ
1.การสร้างความตระหนักในคุณค่าชีวิตจะช่วยขจัดความคิดฆ่าตัวตาย
ค้นหาสิ่งยึดเหนี่ยวและคุณค่าของต้นเอง
ช่วยผู้รับบริการค้นหาศักยภาพของตนเอง
2.การคิดทางบวก(positive thinking) ต่อเหตุการณ์ ตนเองอนาคต หรือผู้อื่น
ให้ผู้รับบริการได้ตระหนักถึงความคิดทางลบของตนเอง คืออะไร
ผู้ให้การปรึกษาช่วยผู้รับบริการค้นหาการคิดทางบวกท้าทายความคิดทางลบ
การประเมินภาวะเสี่ยง
ซักประวัติเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงของการฆ่าตัวตาย
ศึกษาประวัติของผู้ป่วย เกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย
พูดคุยซักถามญาติของผู้ป่วย เกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย
การให้ความช่วยเหลือ
ให้การพยาบาลภาวะอันตราย หรือบาดเจ็บจากการฆ่าตัวตาย
จัดสภาพแวดล้อมเพื่อลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก
สนับสนุนให้ผู้ป่วยรู้สึกมีความหวัง มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง
สังเกตพฤติกรรมและคำพูดของผู้ป่วย
ถ้าจำเป็นควรส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของพยาบาล
ให้ญาติเยี่ยมเป็นประจำ
ปรึกษาญาติเกี่ยวกับปัญหาของผู้ป่วยและหาทางช่วยเหลือ
ผู้ป่วยที่มีอาการหายใจถี่
(Hyperventilation Syndrome)
เป็นอาการของความวิตกกังวลที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางสรีระวิทยา และมีอาการหายใจหอบเป็นลักษณะที่เด่น ซึ่งทำให้ผู้ป่วยเป็นทุกข์และกลับมาวิตกกังวลมากยิ่งขึ้น
การดูแลและการพยาบาล
แนะนำให้หายใจช้าลง โดยหายใจในถุงกระดาษหรือให้ยา
การพยาบาล
ปลอบและให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยและญาติ
ไม่ควรบอกว่าผู้ป่วยแกล้งทำแต่ความถามถึงความไม่สบายใจ หรือปัญหาความเครียดที่ผู้ป่วยมี
ช่วยให้ผู้ป่วยแก้ปัญหา และสามารถจัดการปัญหาด้วยตัวเอง
ควรสำรวจความสัมพันธ์ของญาติผู้ป่วย ก่อนที่จะอธิบายให้ญาติเข้าใจถึงอาการของผู้ป่วย
การถูกข่มขืนกระทำชำเรา (Rape)
บุคคลใช้การบังคับคู่นอนที่ไม่เต็มใจให้มีเพศสัมพันธ์และกระทำโดยใช้ความรุนแรงและข่มขู่
ร่างกาย
ร่างกายมีบาดแผล รอยฟกช้ำ บริเวณศีรษะ ใบหน้า คอ ลำตัว และอวัยวะเพศ
จิตใจ
เกิดความรู้สึกสะเทือนใจ เศร้า เสียใจ หมดหวัง เกิดความหวาดผวา
ปฏิกิริยาตอบสนอง
2 ระยะ
ระยะวิกฤตภายหลังเหตุการณ์ทันที (Acute phase)
หมดสติ หรือช็อก เก็บซ่อนความรู้สึกด้วยอารมณ์ที่สงบ อาจมีปฏิกิริยาทางร่างกายที่แสดงออกให้เห็น เช่น นอนไม่หลับ
ระยะปรับตัวภายหลังเหตุการณ์ (Long termreorganizationprocess)
ค่อยๆ ปรับตัวทำใจรับเหตุการณ์ร้าย และประคับประคองตนเองให้ดำรงชีวิตต่อไป
อ่อนแอ หวั่นไหวต่อคำพูด ท่าทีของคนอื่น อาจจะฆ่าตัวตายหรือมีอาการทางจิต
การพยาบาล
ประเมินผู้ป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ตรวจอวัยวะเพศ ทางเดินปัสสาวะ และทวารหนัก
ส่ง vaginal discharge ตรวจ acid phosphatase เพื่อหาน้ำอสุจิ
ตรวจความเคลื่อนไหวของตัวอสุจิโดยส่องดูด้วยกล้องจุลทัศน์
ส่งขน ผม เล็บ เศษผ้าเพื่อตรวจหา DNA
แพทย์ต้องรายงานต่อหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ให้ความคุ้มครอง
ปรึกษาจิตแพทย์ทุกราย เพราะเป็นปัญหาซับซ้อนต้องดูแลรักษาโดยทีมสหวิชาชีพ
ภาวะฉุกเฉินทางจิตเวชเด็ก (Child psychiatric emergency)
1.การฆ่าตัวตายในเด็กและวัยรุ่น
(Suicide)
การพยาบาลและการช่วยเหลือ
ช่วยให้ครอบครัว และผู้ป่วยได้มีโอกาสมาแก้ปัญหาร่วมกัน
สนับสนุนให้ครอบครัวมีส่วนร่วมรับผิดชอบ และร่วมมือในการรักษา
ควรรับไว้ในโรงพยาบาล ในกรณีที่บิดามารดาไม่ให้ความร่วมมือเด็กมีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสูงหรือยังมีอาการของโรคจิต
2.เด็กที่เกิดถูกทำร้าย
การพยาบาลและการช่วยเหลือ
รับไว้ในโรงพยาบาลระยะหนึ่งและให้การรักษาเพื่อปกป้องให้เด็กพ้นอันตรายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และดูปฏิกิริยาของบิดา มารดาว่าต้องการบุตรหรือไม
ประเมินเด็กทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ในกรณี sexual abuse การพยาบาลและการช่วยเหลือผู้ถูกข่มขืนกระทำชำเรา (Rape)
ไม่ควรกล่าวโทษหรือแสดงท่าทีรังเกียจบิดา มารดาหรือผู้เลี้ยงดูควรให้ความสนใจดูแลไต่ถามปัญหา และช่วยเหลือปัญหา
แพทย์ต้องรายงานต่อหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ให้ความคุ้มครองดูแลเด็กตามกฎหมายสิทธิเด็ก
ปรึกษาจิตแพทย์เด็กทุกราย เพราะเป็นปัญหาซับซ้อนและต้องดูแลรักษาโดยทีมสหวิชาชีพ
3.การไม่ยอมไปโรงเรียน (School refusal)
การพยาบาลและการช่วยเหลือ
เด็กมักบอกอาการทางกายที่เป็นสาเหตุให้ไปโรงเรียนไม่ได้ ต้องตรวจร่างกายเพื่อค้นหาโรคทางกายให้ชัดเจน
ประเมินสภาพจิตใจเด็ก โดยประเมินปัญหาต่างๆ ที่ทำให้เด็กปฏิเสธการไปโรงเรียน
หาบุคคลที่จะมีส่วนร่วมในการรักษาพยาบาล เช่น ครูประจำชั้น
อธิบายให้ครอบครัวทราบถึงผลเสียจากการขาดโรงเรียน เพื่อจะได้รับความร่วมมือในการรักษา
แจ้งครูที่โรงเรียนให้ทราบถึงแผนการรักษาที่จะนำเด็กกลับไปเรียน
ให้กำลังใจ แนะนำ สนับสนุนแก่เด็ก บิดา มารดา และครูที่โรงเรียน
ติดตามการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ถึงแม้เด็กจะไปโรงเรียนได้แล้ว
การได้รับพิษจากสุราหรือพิษสุราเรื้อรัง (Delirium tremens)
ให้อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทดี อยู่ใกล้ห้องพยาบาล
จำกัดคนเยี่ยมในระยะเฉียบพลัน
ดูแลผู้ป่วยด้วยความนุ่มนวลเพื่อลดความกลัวของผู้ป่วย
บอกให้ผู้ป่วยรู้สึกตัวก่อนเข้าไปให้การพยาบาล แจ้งให้ทราบว่าผู้ให้การพยาบาลเป็นใคร จะมาทำอะไร
ลดความกลัวของผู้ป่วยโดยเปิดไฟสว่างตลอดในเวลากลางคืน
การดูแลด้านร่างกาย เช่น ความสะอาดของร่างกาย การได้รับอาหาร และน้ำเพียงพอ
ระมัดระวังอุบัติเหตุต่าง ๆ ในระหว่างที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว ระวังการทำร้ายผู้อื่นและทำร้ายตนเอง
การใช้ยาเสพติดเกินขนาด (Opiate overdose)
ตรวจสอบสัญญาณชีพ
ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง
ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ หมดสติ ให้รีบรายงานแพทย์
ดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะผู้ป่วยหลังให้ยาแล้วจะมีอาการหงุดหงิดกระวนกระวาย
อาจมีการสำลัก อาเจียนร่วมด้วย ต้องดูแลสุขภาพปากและฟันและป้องกันการสำลักลงหลอดลม
ถ้าจำเป็นอาจจะต้องผูกยึดผู้ป่วย
นางสาว อรพิมล ปิ่นปี เลขที่ 60 612001141 36/2