Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะช็อค สัตว์กัดต่อย แผลไฟไหม้ การแพ้อย่างรุนแรง, image, image - Coggle…
ภาวะช็อค สัตว์กัดต่อย แผลไฟไหม้
การแพ้อย่างรุนแรง
ภาวะช็อค
หมายถึง
ภาวะที่ร่างกาย หรือเนื้อเยื่อต่างๆได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอทำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างความ ต้องการ และปริมาณออกซิเจนที่เลือดนำไปเลี้ยงเนื้อเยื่อ
สาเหตุ
ความผิดปกติในการทำงานของหัวใจ ประสาท และต่อมไร้ท่อ
2.Hypovolumic shock
3.Septic shock
4.ได้รับสารพิษ เช่น ถูกสัตว์แมลงกัด ได้รับสารเคมี หรือยาบางอย่าง
มีความผิดปกติของเมตาบอลิซึม เช่น น้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำผิดปกติ
อาการร่วม/อาการแสดง
ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว เช่น BP < 90/60 มม.ปรอท
กระสับกระส่าย ชิพจรเบาเร็ว ซีด เหงื่อออก ตัวเย็น กระหายน้ำ อ่อนเพลีย อาเจียน จะเป็นลม ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย หายใจเร็วถี่ขึ้น ไม่สม่ำเสมอ หมดสติ
ถ้ามีอาการช็อกรุนแรงม่านตาจะไม่ค่อยตอบสนองต่อแสง
การรักษาเบื้อต้น/ส่งต่อ
ประเมินความรู้สึกตัว ABCs
2.ให้นอนราบยกขาสูงขึ้น 10-20 นิ้ว เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดจากส่วนปลายกลับสู่หัวใจ และเพิ่มเลือดไปเลี้ยงสมอง
3.ให้ออกซิเจนและให้ความมอบอุ่นแก่ร่างกาย
ให้สารน้ำทดแทนทางหลอดเลือดดำ เพื่อรักษาสัญญาณชีพควรให้สารน้ำที่มีความเข้มข้นใกล้เคียงกับเลือด (isotonic solution) เช่น NSS, Lactated Ringer’s solution ไม่ควรให้สารน้ำที่มีความเข้มข้นน้อยกว่าเลือด เช่น 5% D/W
NPO
6.ใส่สายสวนปัสสาวะค้างไว้เพื่อดูปริมาณปัสสาวะ
7.แก้สาเหตุของการช็อก เช่น ถ้าเสียเลือดจากบาดแผลทำการห้ามเลือด
8.ส่งต่อไปสถานบริการที่มีความพร้อม
การแพ้อย่างรุนแรง
การรักษาเบื้องต้น/ส่งต่อ
• ประเมินความรู้สึกตัว, ABCs
• ถ้าระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตหยุดทำงานให้ทำการช่วยฟื้นคืนชีพ
• ให้ adrenaline 1:1000 ขนาด 0.30 - 0.5 ml IM, IV ในเด็กให้ 0.01 ml / kg / dose ( ตาม standing order )
• ให้ออกซิเจน
• ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำโดยใช้ isotonic solution เพื่อรักษาภาวะความดันโลหิตต่ำลงหรือช็อก และเป็นการเปิดเส้นเลือดไว้สำหรับฉีดยา
• ให้ยาแก้แพ้
• ถ้ามีอาการ bronchospasm หรือ laryngeal edema ให้ยาพ่นขยายหลอดลม ( ตาม standing order )
• ส่งต่อไปสถานบริการที่มีความพร้อม
สาเหตุ
1.การแพ้ยาโดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ (เช่น penicillin, sulfonamide group ) ยากลุ่ม NSAIDS,อิมมูนโกลบูลิน
2.พิษจากแมงสัตว์กัดต่อย
3.การแพ้อาหาร พืช สารเคมี สารที่เป็นโปรตีนต่างๆ
4.การออกกำลังกาย ความเย็น
หมายถึง
ภาวะที่เกิดขึ้นฉับพลัน และเป็นอันตรายต่อชีวิต เกิดจากปฏิกริยาภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีต่อสิ่งแปลกปลอม ซึ่งเคยเข้าไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีต่อสิ่งแปลกปลอม ซึ่งเคยเข้าไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมาก่อนแล้ว ( sensitized ) โดยอาจมีอาการเฉพาะที่ ( local ) หรือมีอาการทุกระบบ (systemic) ก็ได้
อาการและอาการแสดง
ผื่นคันตามร่างกาย หน้าแดง ตัวแดง
ไอจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล น้ำตาไหล เสียงแหบ
ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม อ่อนเพลีย เป็นลม
การรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง
ช็อก เป็นลม หมดสติ เสียชีวิต
สัตว์กัดต่อย
งู
พิษต่อระบบประสาท
งูเห่าไทย และงูเห่าพ่นพิษ
งูจงอ่าง
งูทับสมิงคลา
งูสามเหลี่ยมหางแดง
พิษต่อกล้ามเนื้อ
งูทะเล
พิษต่อระบบเลือด
Viper ได้แก่ งูแมวเซา
Pit-viper ได้แก่ งูกะปะ งูเขียวหางไหม้
พิษอ่อน
กลุ่มงูพิษเขี้ยวหลัง ได้แก่ งูปล้องทอง, งูลายสาบคอแดง, งูหัวกะโหลก ฯลฯ ซึ่งมีพิษอ่อน, มักไม่มีอาการหรือมีเพียงแค่ปวด บวม แดง ร้อนบริเวณที่ถูกกัด, แต่ก็มีรายงานการเป็นพิษต่อระบบเลือดจากการถูกงูลายสาบคอแดงกัด
สุนัข แมว คนกัด
ทำความสะอาดบาดแผลทันทีด้วยน้ำและสบู่ เช็ดรอบแผลด้วย แอลกอฮอล์ 70 % และทาเบตาดีน และพาคนเจ็บไปพบแพทย์เพื่อฉีดบาดทะยักหรือ วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า
ผึ้ง ต่อ แตน ต่อย
1.พยายามเอาเหล็กในออกให้หมด โดยใช้วัตถุที่มีรู เช่น ลูกกุญแจ กดลงไปตรงรอยที่ถูกต่อย เหล็กในจะโผล่ขึ้นมาให้คีบออกได้
2.ใช้ผ้าชุบน้ำยาที่ฤทธิ์ด่างอ่อน เช่น น้ำแอมโมเนีย น้ำโซดาไบคาบอร์เนต น้ำปูนใส ทาบริเวณแผลให้ทั่วเพื่อฆ่าฤทธิ์กรดที่ค้างอยู่ในแผล
3.อาจมีน้ำแข็งประคบบริเวณที่ถูกต่อยถ้าแผลบวมมาก
4.ถ้ามีอาการปวดให้รับประทานยาแก้ปวด ถ้าคันหรือผิวหนังมีผื่นขึ้นให้รับประทานยาแก้แพ้
5.ถ้าอาการไม่ทุเลาลง ควรไปพบแพทย์
แมงป่อง ตะขาบ
ปฐมพยาบาล
1.ใช้สายรัดหรือขันชเนาะเหนือบริเวณเหนือบาดแผล เพื่อป้องกันไม่ให้พิษแพร่กระจายออกไป
2.พยายามทำให้เลือดไหลออกจากบาดแผลให้มากที่สุด อาจทำได้หลายวิธี เช่น เอามือบีบ เอาวัตถุที่มีรูกดให้แผลอยู่ตรงกลางรูพอดี เลือดจะได้พาเอาพิษออกมาด้วย
3.ใช้แอมโมเนียหอมหรือทิงเจอร์ไอโอดี 2.5% ทาบริเวณแผลให้ทั่ว
4.ถ้ามีอาการบวม อักเสบและปวดมาก ใช้ก้อนน้ำแข็งประคบบริเวณแผล เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดด้วย
ถ้าอาการยังไม่ทุเลาลง ต้องรีบนำส่งแพทย์
แมงกะพรุนไฟ
ปฐมพยาบาล
1.ใช้ผ้าเช็ดตัวหรือทรายขัดถูบริเวณที่ถูกพิษแมงกะพรุนไฟ เพื่อเอาพิษที่ค้างอยู่ออกหรือใช้ผักบุ้งทะเลซึ่งหาง่ายและมีอยู่บริเวณชายทะเล โดยนำมาล้างให้สะอาด ตำปิดบริเวณแผลไว้
2.ใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์เป็นด่าง เช่น แอมโมเนียหรือน้ำปูนใส ชุบสำลีปิดบริเวณผิวหนังส่วนนั้นนานๆ เพื่อฆ่าฤทธิ์กรดจากพิษของแมงกะพรุน
3.ให้รับประทานยาแก้ปวด
4.ถ้าอาการยังไม่ทุเลาลง ให้รีบนำส่งแพทย์โดยเร็ว
เม่น
ปฐมพยาบาล
ล้างด้วยน้ำสะอาด ให้เขี่ยขนเม่นส่วนที่เห็นชัดออกเท่านั้น ขนที่ยังค้างอยู่ ถ้าฝังอยู่ในบริเวณที่ไกลจาก กระดูก ให้ทุบจน แหลกเพื่อให้ร่างกายกำจัดได้ง่ายหรือประคบด้วยน้ำส้มสายชู หากปวดมาก ให้ประคบเย็น และทานยาแก้ปวด
แผลไฟไหม้ (Burn)
แนวทางในการดูแล
การประเมินสภาพทั่วไปในระยะแรก
1.รักษาให้มีทางเดินหายใจเปิดโล่ง มีการหายใจได้ปกติและประคับประคองระบบหมุนเวียนโลหิต
2.ตรวจร่างกายเพื่อหาการบาดเจ็บของอวัยวะส่วนอื่นๆ และให้การรักษาตามลำดับความรีบด่วน
3.สอบถามและบันทึกประวัติ วิธีการเกิดบาดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก และสถานที่ซึ่งเกิดอุบัติเหตุ ถ้าเกิดไฟไหม้ภายในห้องที่มีการระบายอากาศไม่ดี ต้องคำนึงว่าอาจเกิด inhalation injury ร่วมด้วย
4.ตรวจดูบาดแผลไฟไหม้ในคนไข้ หลังจากถอดเสื้อผ้าออกหมด ประเมินดูความลึกและขนาดของบาดแผลที่คนไข้ได้รับ
การประเมินความลึกของบาดแผล และขนาดของบาดแผล ความลึกของบาดแผลไฟไหม้ แบ่งได้เป็น 3 ระดับ
First degree burnผิวหนังมีสีแดง, ไม่มีถุงน้ำพองใส, มีอาการปวดแสบและกดเจ็บ
Second degree burn ผิวหนังมีถุงน้ำพองใสเกิดขึ้น ถ้าผนังของถุงน้ำแตก จะเห็นผิวหนังสีชมพูหรือแดง และมีน้ำเหลืองซึม, ขนจะติดกับผิวหนัง และมีอาการปวดแสบแผล ความยืดหยุ่นของผิวหนังยังปกติอยู่
Third degree burn ผิวหนังจะถูกทำลายตลอดชั้นความหนาของผิวหนัง ซึ่งจะแห้ง, แข็ง, ไม่มีความยืดหยุ่น, เส้นเลือดบริเวณ ผิวหนังอุดตัน, ขนหลุดจากผิวหนัง, ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด
ความลึกของแผลไหม้(Depth of burn)
First degree burn มีการทำลายเฉพาะชั้นหนงกำพร้า ผิวหนังบริเวณนั้นจะมีสีชมพูหรือสีแดง มีความนุ่ม ไม่มีตุ่มพอง มีอาการปวดแสบ แผลหายได้เองภายใน 3-5 วัน
Second degree burn แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ Superficial partial thickness (SPT) มีการทำลายชั้นหนังกำพร้าทั้งหมดและบางส่วนของหนังแท้ skin appendage ได้แก่ ต่อมเหงื่อ ต่อมไขมัน รากขน ยังคงอยู่ ผิวจะมีสีแดง มีตุ่มพอง ปวดแสบมาก เพราะมีเส้นประสาทรับความรู้สึกอยู่ในชั้นหนังแท้ ระยะเวลาในการหายของแผลประมาณ 7-14 วัน มีแผลเป็น
Third degree burn หรือ Full thickness ผิวหนังถูกทำลายทุกชั้น ทั้งชั้นหนังกำพร้า หนังแท้ รวมทั้ง skin appendage ทั้งหมด อาจกินลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อหรือกระดูก แผลไหม้จะมีลักษณะขาว ซีด เหลือง น้ำตาลไหม้ หรือดำ หนาแข็งเหมือนแผ่นหนัง แห้งและกร้าน
หลักการในการดูแล
การให้ยาปฏิชีวนะ ยาปฏิชีวนะที่สำคัญได้แก่ topical antibacterial agent ส่วนการให้ยาปฏิชีวนะแบบ systemic ไม่แนะนำให้ใช้ใน
lsolation ในกรณีบาดเจ็บระดับรุนแรงมาก และ ระดับอันตราย ซึ่งควรจะแยกคนไข้ออกจากคนไข้ประเภทอื่น ก็ควรให้อยู่เป็นห้อง ๆ แยกจากกัน บรรยากาศภายในห้อง
Aseptic technic ในการดูแลบาดแผล
การกำจัดเนื้อตาย ซึ่งเป็นต้นตอของเชื้อ โดยเฉพาะเนื้อตายที่อยู่ที่แผลลึก ควรกำจัดออกแล้วทำความสะอาด
พยายามหาทางปิดแผลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ เช่นการใช้ skin grafting
การดูแลเฉพาะที่
บาดแผลไฟไหม้บริเวณใบหน้า ควรทาแผลด้วย 1% chloramphenicol ointment และเปิดแผลทิ้งไว้ ควรทายาบ่อยๆ วันละ 3-4 ครั้ง เพื่อไม่ให้แผลแห้ง ถ้าจะใช้ยาทา silver sulfadiazine ต้องระวังอย่าให้ยาเข้าตา
บาดแผลไฟไหม้บริเวณหู ต้องระวังอย่าปิดแผลกดทับหู ควรทาแผลด้วย topical chemotherapeutic agent และอาจปิดแผลด้วย fluffy, bulky dressing
บาดแผลไฟไหม้ที่มือ หลังจากทายาแล้วแนะนำให้ปิดแผลด้วย bulky dressing และใส่ splint ในท่า functional position ยกมือและแขนสูงกว่าระดับหัวใจ หลังจาก 72 ชั่วโมงไปแล้ว สามารถถอดเฝือกออกและเริ่มทำการบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่มีบาดแผลต่อ
บาดแผลไฟไหม้ที่ขา หลังจากทายาและปิดแผลด้วย bulky dressing แล้วให้ยกขาสูง และ bed rest นาน 72 ชั่วโมง แล้วจึงเริ่มให้เดินได้ ถ้าไม่มีแผลที่ฝ่าเท้า
บาดแผลไฟไหม้ที่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ (genitalia) ให้เปิดแผลทิ้งไว้หลังจากทายาแล้วโดยไม่ต้องปิด dressing และล้างแผลและทายาใหม่ทุกครั้งที่ขับถ่าย
บาดแผลที่ไม่ลึก โดยทั่วไปจะหายภายใน 3 อาทิตย์ ถ้าบาดแผลลึกจะมี eschar หนา จำเป็นต้องรีบตัด Eschar ออก มิฉะนั้นจะมีการติดเชื้อเกิดขึ้น
บาดแผลที่เกิดจากสารเคมี จะต้องล้างสารเคมีที่เปื้อนผิวหนังออกให้มากที่สุด และใช้เวลาล้างนานพอสมควร เพื่อมิให้มีสารเคมีตกค้าง ถ้ามี antidote การรักษาแผลจะต้องรีบตัดผิวหนังส่วนที่ถูกทำลายชนิด full thickness ออก ส่วนการดูแลอื่นๆ ก็ให้การรักษาแบบแผลที่ถูกไฟไหม้ การให้ fluid ทดแทนจะต้องให้มากกว่าคนไข้ที่มีแผลจากถูกไฟไหม้