Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฏีการพยาบาล ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเรม (Orem ’s self care Theory)…
ทฤษฏีการพยาบาล
ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเรม
(Orem ’s self care Theory)
กระบวนทัศน์หลัก
เกี่ยวกับทฤษฎี
สิ่งแวดล้อม
หมายถึง ทางกายภาพ เคมี ชีวภาพ และด้านสังคมวัฒนธรรม โอเรมเชื่อว่าคนกับเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่สามารถแยกออกจากกันได้ จะมีอิทธิพลซึ่งกันและกัน สิ่งแวดล้อมที่ดีจะช่วยจูงใจบุคคล ให้ตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมและปรับพฤติกรรมเพื่อให้ได้ผลตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ การจัดสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม จะมีส่วนในการพัฒนาความสามารถในการดูแลตนเอง ปัจจัยพื้นฐานตามแนวคิดของโอเรมเป็นสิ่งแวดล้อมหนึ่งที่กำหนดความสามารถในการดูแลตนเองและความต้องการในการดูแลตนเอง
สุขภาพ
เป็นภาวะที่มีความสมบูรณ์ไม่บกพร่อง ผู้ที่มีสุขภาพดี คือ คนที่มีโครงสร้างที่สมบูรณ์สามารถทำหน้าที่ของตนได้ เป็นการผสมผสานกันของทางสรีระ จิตใจสัมพันธภาพระหว่างบุคคล และด้านสังคมโดยไม่สามารถแยกจากกันได้ และการที่จะมีสุขภาพดีนั้นบุคคลจะต้องมีการดูแลตนเองในระดับที่เพียงพอและต่อเนื่องจนมีผลทำให้เกิดภาวะสุขภาพดี
บุคคล
เป็นผู้ที่มีความสามารถในการกระทำอย่างจงใจ (deliberate action) มีความสามารถในการเรียนรู้ วางแผนจัดระเบียบปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับตนเองได้ และบุคคลมีลักษณะเป็นองค์รวมทำหน้าที่ทั้งด้านชีวภาพ ด้านสังคม ด้านการแปลและให้ความหมายต่อสัญลักษณ์ต่างๆ และเป็นระบบเปิดทำให้บุคคลมีความเป็นพลวัตรคือเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
การพยาบาล
เป็นบริการการช่วยเหลือบุคคลอื่นให้สามารถดูแลตนเองได้อย่างต่อเนื่องและเพียงพอกับความต้องการในการดูแลตนเอง ซึ่งเป้าหมายการพยาบาลคือช่วยให้บุคคลตอบสนองต่อความต้องการการดูแลตนเองในระดับที่เพียงพอและต่อเนื่อง และช่วยเพิ่มความสามารถในการดูแลตนเอง
การดูแลตนเองเป็นการปฏิบัติกิจกรรมที่บุคคลริเริ่มและกระทำเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองในการดำรงไว้ซึ่งชีวิต สุขภาพ และความเป็นอยู่อันดี
มโนทัศน์หลักในทฤษฎี
ทฤษฎีความพร่องในการดูแลตนเอง
(The Theory of Self–care Deficit)
ความต้องการน้อยกว่าความสามารถ(Demand is less than abilities: TSCD<SCA )
ความต้องการมากกว่าความสามารถ(Demand is greater than abilities: TSCD> SCA )
ความต้องการที่สมดุล(Demand is equal to abilities: TSCD = SCA )
ทฤษฎีการดูแลตนเอง
(The Theory of Self-care)
การดูแลตนเอง(Self - care :SC)
หมายถึง การปฏิบัติกิจกรรมที่บุคคลริเริ่มและกระทำด้วยตนเองเพื่อดำรงไว้ซึ่งชีวิต สุขภาพและความผาสุก เมื่อการกระทำนั้นมีประสิทธิภาพจะมีส่วนช่วยให้โครงสร้าง หน้าที่และพัฒนาการดำเนินไปถึงขีดสูงสุด ของแต่ละบุคคลเพื่อตอบสนองความต้องการในการดูแลตนเอง (Self - care requisites )
ระยะที่ 1 ระยะการพิจารณาและตัดสินใจ ( Intention phase)
เป็นระยะที่มีการหาข้อมูลเพื่อพิจารณาและตัดสินใจเลือกกระทำ โดยหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องว่าคืออะไร เป็นอย่างไร จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ ทดสอบ และเชื่อมโยงปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ในขั้นตอนนี้ความรู้เป็นพื้นฐานสำคัญเพราะจะช่วยให้เกิดกระบวนการคิดเชิงวิทยาศาสตร์มากกว่าการใช้ความรู้สึก นอกจากนี้ยังต้องอาศัยสติปัญญาในการที่จะตัดสินใจที่จะกระทำ
ระยะที่ 2 ระยะการกระทำและผลของการกระทำ (Productive phase)
เป็นระยะที่เมื่อตัดสินใจแล้วจะกำหนดเป้าหมายที่ต้องการและดำเนินการกระทำกิจกรรมเพื่อไปสู่เป้าหมายที่กำหนด ในขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความสามารถของบุคคลทางด้านสรีระที่จะกระทำกิจกรรม(psychomotor action ) และมีการประเมินผลการกระทำเพื่อปรับปรุง
ความสามารถในการดูแลตนเอง(Self- care agency : SCA)
หมายถึง คุณสมบัติที่ซับซ้อนหรือพลังความสามารถของบุคคลที่เอื้อต่อการกระทำกิจกรรมการดูแลตนเองอย่างจงใจ แต่ถ้าเป็นความสามารถในการดูแลบุคคลอื่นที่อยู่ในความรับผิดชอบ เรียกว่า Dependent – care Agency ความสามารถนี้ประกอบด้วย 3 ระดับ
พลังความสามารถ 10 ประการ
(Ten power component )เป็น
คุณลักษณะที่จำเป็นและเฉพาะเจาะจงเป็นตัวกลางเชื่อมการรับรู้และการกระทำประกอบด้วย
ความสามารถที่จะควบคุมส่วนต่างๆ ของร่างกายเพื่อการเคลื่อนไหวที่จำเป็นเพื่อการดูแลตนเอง
ความสามารถที่จะใช้เหตุผล
ความสามารถที่จะควบคุมพลังงานทางด้านร่างกายของตนเองให้สามารถปฏิบัติกิจกรรม
มีแรงจูงใจที่จะกระทำในการดูแลตนเอง
ความสนใจและเอาใจใส่ในตนเองในฐานะที่ตนเป็นผู้รับผิดชอบ
มีทักษะในการตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลตนเองและปฏิบัติตามการตัดสินใจ
มีความสามารถในการเสาะแสวงหาความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเองจากผู้ที่เหมาะสมและสามารถนำความรู้ไปใช้ได้
มีทักษะในการใช้กระบวนการทางความคิดและสติปัญญา การรับรู้ การจัดกระทำ
มีความสามารถในการจัดระบบการดูแลตนเอง
ความสามารถที่จะปฏิบัติการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่องและสอดแทรกการดูแลตนเองเข้าเป็นส่วนหนึ่งในแบบแผนการดำเนินชีวิต
ความสามารถในการปฏิบัติเพื่อดูแลตนเอง (Capabilities for self–care operations)ประกอบด้วย
ความสามารถในการปรับเปลี่ยน
เป็นความสามารถในการตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งที่ตนสามารถและควรกระทำ เพื่อตอบสนองความต้องการและความจำเป็นในการดูแลตนเอง
ความสามารถในการลงมือปฏิบัติ
เป็นความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆรวมถึงการเตรียมการเพื่อการดูแลตนเอง
ความสามารถในการคาดคะเน
เป็นความสามารถที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับข้อมูลความหมายและความจำเป็นของการกระทำรู้ปัจจัยภายในภายนอกที่สำคัญ เพื่อประเมินสถานการณ์
ความสามารถและคุณสมบัติขั้นพื้นฐาน
(Foundational capabilities and
disposition) เป็นความสามารถของมนุษย์ขั้นพื้นฐานที่จำเป็นในการรับรู้และเกิดการกระทำ
ความตั้งใจและสนใจสิ่งต่างๆ
ความเข้าใจในตนเองตามสภาพที่เป็นจริง
นิสัยประจำตัว
ความห่วงใยในตนเอง
การเห็นคุณค่าในตนเอง
การยอมรับในตนเองตามสภาพความเป็นจริง
การรับรู้ในเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกตนเอง
การจัดลำดับความสำคัญของการกระทำรู้จักเวลาในการกระทำ
หน้าที่ของประสาทรับความรู้สึกทั้งการสัมผัส มองเห็น ได้กลิ่นและรับรส
ความสามารถที่จะจัดการเกี่ยวกับตนเอง
ความสามารถและทักษะในการเรียนรู้ ได้แก่ ความจำ การอ่าน เขียน การใช้เหตุผลอธิบาย
ปัจจัยพื้นฐาน (Basic Conditioning Factors : BCFs)
สังคมขนบธรรมเนียมประเพณี
ระบบครอบครัว
ระบบบริการสุขภาพ
แบบแผนการดำเนินชีวิต
ภาวะสุขภาพ
สิ่งแวดล้อมสภาพที่อยู่อาศัย
ระยะพัฒนาการ
แหล่งประโยชน์ต่างๆ
เพศ
ประสบการณ์ที่สำคัญในชีวิต
อายุ
ความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมด (Therapeutic Self-care Demand : TSCD)
หมายถึง การปฏิบัติกิจกรรม(Action demand)การดูแลตนเองทั้งหมดที่จำเป็นต้องกระทำในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อที่จะตอบสนองต่อความจำเป็นในการดูแลตนเอง(Self-care Requisites) ความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมด( Therapeutic Self- care Demand)เป็นเป้าหมายสูงสุด (Ultimate goal)ของการดูแลตนเองที่จะถึงซึ่งภาวะสุขภาพ หรือความผาสุก
การดูแลตนเองที่จำเป็นตามพัฒนาการ(Developmental Self–care Requisites: DSCR)
เป็นความต้องการการดูแลตนเองที่สัมพันธ์กับระยะพัฒนาการของบุคคล สถานการณ์และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละระยะของวงจรชีวิต เป็นความต้องการที่อยู่ภายใต้ความต้องการการดูแลตนเองที่จำเป็นโดยทั่วไปแต่แยกตามพัฒนาการเพื่อเน้นให้เห็นความสำคัญและความเฉพาะเจาะจง
การดูแลตนเองที่จำเป็นโดยทั่วไป(Universal Self–care Requisites: USCR)
เป็นความต้องการของมนุษย์ทุกคนตามอายุ พัฒนาการ สิ่งแวดล้อมและปัจจัยอื่นๆ เพื่อให้คงไว้ซึ่งโครงสร้างและหน้าที่สุขภาพและสวัสดิภาพของบุคคลและความผาสุก ซึ่งความต้องการจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคลทั้งทางด้านคุณภาพหรือปริมาณตามอายุ เพศ ระยะพัฒนาการ ภาวะสุขภาพ สังคมวัฒนธรรม และแหล่งประโยชน์ กิจกรรมการดูแลตนเองเพื่อตอบสนองต่อความต้องการนี้ ( Action demand )
ทฤษฎีระบบการพยาบาล
(The Theory of Nursing System)
ระบบทดแทนทั้งหมด (Wholly compensatory nursing system)
ผู้ที่รับรู้และอาจจะสามารถสังเกต ตัดสินใจเกี่ยวกับดูแลตนเองได้ และไม่ควรจะเคลื่อนไหวหรือจัดการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวใดๆได้แก่ ผู้ป่วยด้านออร์โธพีดิกส์ที่ใส่เฝือก หรือกระดูกหลังหัก
ผู้ที่ไม่สนใจหรือเอาใจใส่ในตนเองไม่สามารถตัดสินใจอย่างมีเหตุผลในการดูแลตนเอง เช่น ผู้ป่วยทีมีปัญหาทางจิต
ผู้ที่ไม่สามารถจะปฏิบัติในกิจกรรมที่จะกระทำอย่างจงใจ ไม่ว่ารูปแบบใดๆทั้งสิ้น เช่น ผู้ป่วยที่หมดสติ หรือผู้ที่ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ ได้แก่ ผู้ป่วยอัมพาต ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว
ระบบทดแทนบางส่วน (Partly compensatory nursing system)
ขาดความรู้และทักษะที่จำเป็นเพื่อการดูแลตนเองตามความต้องการการดูแลตนเองที่จำเป็น
ขาดความพร้อมในการเรียนรู้และกระทำในกิจกรรมการดูแลตนเอง
ต้องจำกัดการเคลื่อนไหวจากโรค หรือการรักษา แต่สามารถเคลื่อนไหวได้
ระบบการพยาบาลแบบสนับสนุนและให้ความรู้ (Educative supportive nursing System )
การชี้แนะ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจและเลือกวิธีการกระทำได้
การกระทำให้หรือกระทำแทน
การสนับสนุน เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยคงไว้ซึ่งความพยายามและป้องกันไม่ให้เกิด ความล้มเหลว
การสอน เป็นการพัฒนาความรู้และทักษะที่เฉพาะ
การสร้างสิ่งแวดล้อม
ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเรมกับกระบวนการพยาบาล
ขั้นตอนที่ 2 ขั้นวางแผน ( Design and Plan )
เป็นขั้นตอนที่ต่อเนื่องเมื่อทราบถึงความพร่องในการดูแลตนเองแล้ว จากนั้นจะทำการเลือกระบบการพยาบาลให้เหมาะสม แล้วนำมาวางแผนโดยมีการกำหนดเป้าหมายหรือผลลัพท์ทางการพยาบาล(Expected Outcome) และกำหนดกิจกรรมการพยาบาล
ขั้นตอนที่ 3 ขั้นปฏิบัติการพยาบาลและควบคุม (Regulate and Control)
เป็นขั้นตอนที่พยาบาลนำกิจกรรมไปลงมือปฏิบัติตามแผนการพยาบาล โดยมีจุดมุ่งหมาย คือการบรรลุความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมด ( TSCD ) และในตอนนี้ยังรวมถึงการประเมินผลลัพท์ทางการพยาบาลว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ และปกป้องหรือพัฒนาความสามารถหรือไม่ และนำข้อมูลย้อนกลับเข้าสู่การประเมินสภาวะอีกครั้ง
ขั้นตอนที่ 1 ขั้นวินิจฉัยและพรรณนา(Diagnosis and Prescription )
เป็นขั้นตอนที่ระบุถึงความพร่องในการดูแลตนเอง โดยมีขั้นตอนของการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถในการดูแลตนเอง ความต้องการในการดูแลตนเองทั้ง 3 ด้านรวมทั้งปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง แล้วจากนั้นจะพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถกับความต้องการการดูแลตนเองเพื่อบ่งชี้ถึงภาวะพร่องในการดูแลตนเอง และเขียนข้อวินิจฉัย