Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมสัมพันธาภาพมารดาและทารกหลังคลอด, นางสาวจุฑามาศ สงวนนาม เลขที่…
การส่งเสริมสัมพันธาภาพมารดาและทารกหลังคลอด
บทบาทของพยาบาลผดุงครรภ์ในการส่งเสริมสัมพันธาภาพระหว่างมารดากับทารก
ระยะตั้งครรภ์
ยอมรับการตั้งครรภ์
ครอบครัวคอยให้กำลังใจ
การปรับบทบาทการเป็นบิดา มารดา
ยอมรับความเป็นบุคคลของทารกในครรภ์
การกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์
ระยะคลอด
สร้างบรรยากาศให้เกิดความไว้วางใจ
ลดความวิตกกังวลของผู้คลอด
ให้ข้อมูล เป็นสื่อกลางระหว่างผู้คลอดและครอบครัว
ส่งเสริมให้การคลอดผ่านไปอย่างปลอดภัย
ระยะหลังคลอด
ส่งเสริมให้มารดาสัมผัส โอบกอดทารกทันทีหลังคลอด ในระยะ sensitive period
Rooming in โดยเร็วที่สุด
ให้คำแนะนำในการดูแลบุตร
ตอบสนองความต้องการของมารดา
กระตุ้นให้มีปฏิสัมพันธ์กับทารก
เป็นตัวแบบในการสร้างสัมพันธภาพกับทารก
ให้มารดา ทารก บิดา ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง
การพัฒนาสัมพันธาภาพในระยะหลังคลอด
ในระยะแรกหลังคลอดทันที มารดาจะแสดงความรักความผูกพันกับลูก ตั้งแต่นาทีแรกหลังคลอดจนกระทั่งถึง 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เป็นช่วงเวลาที่มารดามีความรู้สึกไวที่สุด (Sensitive period period)
*
และทารกมีความตื่นตัว จึงเป็นช่วงเวลาสาคัญที่ก่อให้เกิดความรักใคร่ผูกพันระหว่างมารดาทารก
พฤติกรรมปฏิสัมพันธา์ระหว่างมารดาและทารก
การสัมผัส (T ouch , Tactile sensesense)
พฤติกรรมสำคัญที่จะผูกพันมารดาและบุตร คือ ความสนใจของมารดาในการสัมผัสบุตร โดยจะเริ่มสัมผัสบุตรด้วยการใช้นิ้วสัมผัสแขนขา จากนั้นจะบีบนวดสัมผัสตามลำตัว ทารกจะมีการจับมืดและดึงผมมารดาเป็นการตอบสนอง
การประสานสายตา (Eye to eye contactontact)
เป็นสื่อที่สำคัญต่อการเริ่มต้นพัฒนาการด้านความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น มารดาจะรู้สึกผูกพันใกล้ชิดมากขึ้นเมื่ดทารกลืมตาและสบตาตนเอง มารดาส่วนใหญ่จึงพยายามมองอย่างเผชิญหน้า (Face to face positionposition) เพื่อให้ประสานสายตากับทารกได้ดีขึ้น ระยะที่ทารก
สามารถมองเห็นมารดาได้ชัดเจน คืด 8-12 นิ้ว
การใช้เสียง (V oiceoice)
การตอบสนองเริ่มทันทีที่ทารกเกิด มารดาจะรอฟังเสียงทารกร้องครั้งแรก เพื่อยืนยันภาวะสุขภาพของทารก และทารกแรกเกิดจะตอบสนองต่อระดับเสียงสูง (High pitch v oiceoice) ได้ดีกว่าเสียงต่ำ (Deep loud voicevoice)
การเคลื่อนไหวเป็นจังหวะตามเสียงพูด (EntrainmentEntrainment)
ทารกจะเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกายเป็นจังหวะสัมพันธ์กับเสียงพูดสูงต่ำของมารดา เช่น ขยับแขน ขา ยิ้ม หัวเราะ เป็นต้น
จังหวะชีวภาพ (BiorhythmcityBiorhythmcity)
หลังคลอดทารกจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมภายนอกที่แตกต่างจากในครรภ์ของมารดา มารดาจะช่วยทารกให้สร้างจังหวะชีวภาพได้โดยขณะที่ทารกร้องไห้ มารดาอุ้มทารกไว้แนบอก ทารกจะรับรู้เสียงการเต้นของหัวใจมารดา ซึ่งทารกจะคุ้นเคยตั้งแต่ในครรภ์ ทำให้ทารกมีความรู้สึกมั่นคงยิ่งขึ้น
การรับกลิ่น (OdorOdor)
มารดาจากลิ่นกายของทารกได้ตั้งแต่แรกคลอด และแยกกลิ่นทารกออกจากทารกอื่นได้ภายใน 3-4 วันหลังคลอด ส่วนทารกสามารถแยกกลิ่นมารดาและหันเข้าหากลิ่นน้ำนมมารดาได้ภายในเวลา 6-10 วันหลังคลอด
การให้ความอบอุ่น (Body warmth หรือ H eateat)
มีการศึกษาพบว่า หลังทารกคลอดทันที ได้รับการ เช็ดตัวให้แห้ง ห่อตัวทารกและนำทารกให้มารดาโอบกอดทันที ทารกจะไม่เกิดการสูญเสียความร้อน และทารกจะเกิดความผ่อนคลายเมื่อได้รับความอบดุ่นจากมารดา
การให้ภูมิคุ้มกันทางน้ำนม (T and B lymphocytelymphocyte)
ทารกจะได้รับภูมิคุ้มกันในนมแม่ ได้แก่ T lymphocyte, B lymphocyte และ Immunoglobulin A ช่วยป้องกันและทำลายเชื้อโรคในระบบทางเดินอาหาร
การให้ภูมิคุ้มกันทางเดินหายใจ (Bacteria nasal flora)
ขณะที่มารดาดอุ้ม โอบกอดทารก จะมีการถ่ายทอดเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจ (normal flora) ของมารดาสู่ทารก เกิดภูมิคุ้มกันช่วยป้องกันทารกติดเชื้อจากสิ่งแวดล้อมภายนอก
พฤติกรรมของมารดาและทารกที่แสดงถึงการขาดสัมพันธภาพ (Lack of attachment attachment)
ไม่สนใจมองบุตร สีหน้าเมินเฉยหรือหันหน้าหนี
2.ไม่ตอบสนองต่อบุตร เช่น ไม่สัมผัส ไม่ยิ้ม ไม่อุ้มกอดทารก เป็นต้น
พูดถึงบุตรในทางลบ
4.แสดงท่าทางหรือคำพูดที่ไม่พึงพอใจขณะดูแลบุตร
ขาดความสนใจในการซักถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุตรและการเลี้ยงดูบุตร
Attachment
(สัมพันธาภาพ) หมายถึง ความรู้สึกรักใคร่ผูกพันระหว่างทารกกับพ่ดแม่หรืดผู้เลี้ยงดู เกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นพิเศษและคงดยู่ถาวร จะเกิดขึ้นทีละเล็กละน้อยจากความใกล้ชิด ห่วงใย อาทร เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นความผูกพันทางใจ จะใช้เวลาในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
การประเมินสัมพันธาภาพระหว่างมารดากับทารก
ความสนใจในการดูแลตนเองของตนเองและทารก
พฤติกรรมปฏิสัมพันธ์ระหว่างมารดาและทารก
ความสามารถในการปฏิบัติบทบาทการเป็นมารดา
ความสามารถในการตอบสนองความต้องการของทารก
กระบวนการพัฒนาสัมพันธาภาพระหว่างมารดากับทารก
ระยะก่อนการตั้งครรภ์
ขั้นที่ 1 การวางแผนการตั้งครรภ์
ระยะคลอดและระยะหลังคลอด
ขั้นที่ 6การสนใจดูแลสุขภาพตนเองและทารกในครรภ์และการแสวงหาการคลอดที่ปลอดภัย
ขั้นที่ 7การมองดูทารก
ขั้นที่ 8การสัมผัสทารก
ขั้นที่ 9 การดูแลทารกและให้ทารกดูดนม
ระยะตั้งครรภ์
ขั้นที่ 2การยืนยันการตั้งครรภ์
ขั้นที่ 3การยอมรับการตั้งครรภ์
ขั้นที่ 4 การรับรู้การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์
ขั้นที่ 5การยอมรับว่าทารกในครรภ์เป็นบุคคลคนหนึ่ง
Bonding
(ความผูกพัน) หมายถึง กระบวนการผูกพันทางอารมณ์ที่พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดู มีต่อทารกฝ่ายเดียว เกิดขึ้นตั้งแต่วางแผนตั้งครรภ์ ทราบว่าตั้งครรภ์หรือเกิดขึ้นชัดเจนเมื่อรับรู้ว่าลูกดิ้นและเพิ่มสูงสุดเมื่ดทารกคลอดออกมา
นางสาวจุฑามาศ สงวนนาม เลขที่ 54 ห้อง A