Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้คลอดที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับปัจจัยการคลอด - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้คลอดที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับปัจจัยการคลอด
3.การประเมินสภาพและการพยาบาลผู้คลอดที่มีความผิดปกติของทารก
1.ท่าและส่วนนำผิดปกติ(faulty position and presentation)
ความผิดปกติเกี่ยวกับท่าของทารก
ท่าท้ายทอยคงอยู่หลัง (Occiput Persistent Posterior : OPP)
ท่าท้ายทอยคงอยู่หลัง (Occiput Persistent Posterior : OPP)
ท่าท้ายทอยเฉียงหลัง (Occiput posterior position)
อันตรายต่อผู้คลอดและทารก
ผู้คลอดมีลมเบ่งเกิดขึ้นในระยะที่ปากมดลูกเปิดน้อย
ผนังช่องคลอดด้านหลังและฝีเย็บมีการยืดขยายและฉีกขาดมาก
ผู้คลอดมีอาการปวดบริเวณหลังและเอวมาก
ปากมดลูกบวมช้า
ทารกมีโอกาสขาดออกซิเจน
การรักษา
ถ้าสามารถให้คลอดทางช่องคลอดได้
ใช้คีมช่วยหมุนเป็นท่า occiput anterior แล้วทำคลอด
ใช้มือช่วยหมุน (manual rotation) เป็นท่า occiput anteriorแล้วใช้คีมช่วยคลอด
ใช้คีมช่วยคลอดในท่า posterior position
รอคอยให้คลอดเองทางช่องคลอด ตามธรรมชาติ
ปากมดลูกเปิดช้า
ให้ยาลดอาการเจ็บครรภ์ และยาระงับประสาท
ให้สารละลายเด็กซโทรส 10% ทางหลอดเลือดดา เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
ติดตามความก้าวหน้าของการคลอด
ความผิดปกติเกี่ยวกับทรง
อันตรายต่อผู้คลอดและทารก
เกิดการคลอดติดขัด ถ้าให้การช่วยเหลือไม่ทัน มดลูกอาจแตกได้ หรือถ้าช่วยเหลือช้าเกินไป ทารกอาจเสียชีวิตเนื่องจากขาดออกซิเจนในครรภ์ผู้คลอดได้
การรักษา
1.ถ้าทารกมีขนาดปกติหรือใหญ่กว่าปกติ ให้ผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง ไม่ควรให้คลอดทางช่องคลอด
2.ถ้าศีรษะทารกเล็กและเชิงกรานใหญ่
ถ้าหน้าผากอยู่ทางด้านหลัง กดศีรษะให้ก้มมากขึ้นเพื่อให้เปลี่ยนเป็นท่าปกติ
ถ้าหน้าผากอยู่ทางด้านหน้า ดันศีรษะให้แหงนมากขึ้น เพื่อให้กลายเป็นท่าหน้าที่คางอยู่ทางด้านหน้า ถ้าปรับไม่สาเร็จให้ทาการผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
ถ้าศีรษะทารกลงไปต่ามากและติดแน่น ซึ่งเรียกว่า Neglected brow presentation และมดลูกหดรัดตัวอย่างรุนแรง อาจทาให้มดลูกแตกได้ ต้องรีบผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
ศีรษะ (mento-vertical diameter)
ท่าหน้าผาก (Brow Presentation)
ท่าหน้า (Face Presentation)
2.ทารกมีพัฒนาการผิดปกติ(abnormal development of fetus)
hydrocephalus
Conjoined Twins
macrosomia
การช่วยคลอดทารกติดไหล่
การที่ไหล่ไม่สามารถเคลื่อนผ่านช่องเชิงกรานได้โดยการใช้หัตถการมาตรฐานจาเป็นต้องใช้หัตถการอื่นช่วย คลอดไหล่หลังจากที่ศีรษะของทารกคลอดแล้ว หรือ การที่ไหล่หน้าอัดแน่นอยู่ด้านหลังของกระดูกหัวหน่าว หรือ ภาวะที่ใช้เวลาในการคลอดศีรษะถึงคลอดลาตัว (head-to-body delivery interval) นานกว่า 60วินาที
2.การประเมินสภาพและการพยาบาลผู้คลอดที่มีความผิดปกติของหนทางคลอด
กระดูกเชิงกรานแคบจาแนกได้ 3 ชนิด
เชิงกรานแคบที่ช่องกลาง (midpelvic contraction) ช่องกลางของเชิงกรานอยู่ที่ระดับ ischial spine ระยะระหว่าง ischial spine ทั้งสองข้างน้อยกว่า 9.5 เซนติเมตร ซึ่งมักเป็นผลทาให้เกิด transverse arrest of fetal head ในตาแหน่งนี้เป็นจุดที่ทารกในครรภ์จะเกิด internal rotation ของศีรษะ ถ้าแคบทาให้ศีรษะทารกหมุนเป็นท่า occiput anterior ได้ยาก
เชิงกรานแคบที่ช่องออก (outlet contraction) ระยะระหว่าง ischial tuberosity น้อยกว่า 8 เซนติเมตร(ปกติ 10 ซ.ม.) และ pubic arch แคบกว่าปกติ ถ้าเชิงกรานช่องกลางแคบ จะพบเชิงกรานแคบที่ช่องออกด้วย ซึ่งจะทาให้คลอดยากเพิ่มขึ้น
เชิงกรานแคบที่ช่องเข้า (inlet contraction) โดยตรวจพบเส้นผ่าศูนย์กลางแนวหน้าหลังน้อยกว่า 10 เซนติเมตรหรือเส้นผ่าศูนย์กลางขวาง(transverse diameter) น้อยกว่า 12 เซนติเมตร ถ้าแคบจะทาให้ศีรษะทารกไม่สามารถเกิด engagement ได้ หรือเกิดได้ยาก
อันตราย
ต่อมารดา
เกิดการคลอดยาวนานและคลอดยาก
ถุงน้ำทูนหัวแตกก่อนเวลา
เกิดการตายของเนื้อเยื่อ
การช่วยคลอดโดยใช้คีมหรือเครื่องดูดสุญญากาศทาได้ยาก
ต่อทารก
เกิดสายสะดือย้อยได้ง่ายเ
เลือดออกในกะโหลกศีรษ
เกิดอันตรายกับศีรษะทารก
เกิดการติดเชื้อ
ทำให้กะโหลกศีรษะทารกผิดรูป
การรักษา
ไม่ควรใช้ oxytocin
ถ้าการแคบอยู่ในระดับที่ไม่มากนัก การช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศจะปลอดภัยกว่าการช่วยคลอดด้วยคีม
ให้ยาระงับปวดหรือยาระงับความรู้สึกควรให้ในเวลาที่เหมาะสม
ผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
การไม่ได้สัดส่วนกันของศีรษะทารกกับช่องเชิงกราน (Cephalopelbic dixproportion: CPD)
การรักษา
2.สงสัยมี CPD (Borderline disproportion) ทดลองคลอด (Trial of labour) ถ้าไม่สาเร็จ หรือมีความผิดปกติของผู้คลอดหรือทารกในระหว่างการทดลองคลอดควรผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
1.ถ้าเกิด CPD ชัดเจน ผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
ข้อห้ามของการทดลองคลอด
เคยผ่าตัดที่มดลูก
ผู้คลอดครรภ์แรกและอายุมาก
ทารกอยู่ในท่าหรือทรงผิดปกติ
มีโรคร่วมกับการตั้งครรภ์
ผู้คลอดมีประวัติมีบุตรยาก คลอดยาก
เชิงกรานช่องออกแคบกว่าปกติ
1.การประเมินสภาพและการพยาบาลผู้คลอดที่มีความผิดปกติของแรง
การหดรัดตัวของมดลูกน้อยกว่าปกติ
( Hypotonic uterine dysfunction)
การหดรัดตัวของมดลูกที่มีแรงดันในมดลูก น้อยกว่า 25 มิลลิเมตรปรอทหรือมีการหดรัดตัวน้อยกว่า 2 ครั้งใน 10 นาที หรือทั้ง 2 อย่าง
สาเหตุ
การได้รับยาแก้ปวดหรือยาระงับความรู้สึกมากเกินไป
มดลูกมีการยืดขยายมากกว่าปกติ ในรายตั้งครรภ์แฝด หรือแฝดน้า
มีความผิดปกติของมดลูก
ร้อยละ 50 ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง
อันตราย
ต่อมารดา
ผู้คลอดเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลีย หมดแรง (maternal distress)
การตายของผู้คลอด
ต่อทารก
โดยปกติการหดรัดตัวของมดลูกที่น้อยกว่าปกติ ไม่มีผลทาให้ทารกขาดออกซิเจน นอกจากมีการคลอดยาวนาน และผู้คลอดอยู่ในสภาพคับขัน จึงจะส่งผลให้ทารกได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ (fetal distress)
ติดเชื้อ
การดูแลรักษา
การดูแลรักษาที่ดีที่สุต คือ การใช้ ออกซิโตซิน(oxytocin) เพื่อกระตุ้นทาให้การหดรัดตัวของมดลูกให้ดีขึ้น เนื่องจากการหดรัดตัวที่ผิดปกติของมดลูกชนิดนี้ตอบสนองเป็นอย่างดีกับการได้รับ oxytocin
.การให้สารน้ำที่เพียงพอเพื่อแก้ไขภาวะขาดน้าของผู้คลอด
ตรวจดูว่ามีปัสสาวะคั่งค้างในกระเพาะปัสสาวะจนเต็มหรือไม่ ถ้ามีควรสวนออกเพราะอาจทาให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดีพอได้
การพยาบาลผู้คลอดที่มีการหดรัดตัวของมดลูกผิดปกติ
สาเหตุของความผิดปกติของแรงเบ่ง
ความอ่อนเพลียหรือการเจ็บครรภ์คลอดยาวนาน
เหนื่อยล้าจากการได้รับน้ำไม่เพียงพอ ได้รับอาหารไม่เพียงพอ
การที่ผู้คลอดได้รับยาแก้ปวดในปริมาณมาก
อันตราย
ต่อมารดา
ทาให้ไม่สามารถคลอดได้เองทางช่องคลอดตามธรรมชาติ ต้องใช้วิธีทางสูติศาสตร์หัตถการ ทาให้เกิดอันตรายจากการทาสูติศาสตร์หัตถการ
ต่อทารก
ทารกขาดออกซิเจนเนื่องจากใช้เวลาเบ่งยาวนาน
การรักษา
การเลือกใช้ชนิดของยาชาและเวลาที่จะใช้อย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสาคัญ
สูติศาสตร์หัตถการช่วยคลอด
สอนวิธีการเบ่งที่ถูกต้อง
การหดรัดตัวของมดลูกมากกว่าปกติ
( Hypertonic uterine dysfunction)
การหดรัดตัวของมดลูกที่มีแรงดันในมดลูก มากกว่า 50 มิลลิเมตรปรอทหรือช่วงของการหดรัดตัวแต่ละครั้งน้อยกว่า 2 นาที หรือทั้ง 2 อย่าง
สาเหตุ
ขนาดของทารกและช่องเชิงกรานของผู้คลอดไม่ได้สัดส่วน
ส่วนนาของทารกผิดปกติ (Malpresentation) หรืออยู่ในท่าผิดปกติ (Malposition)
ร้อยละ 50 ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง
อันตราย
ต่อมารดา
เกิดการติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ
มดลูกแตกทำให้เสียเลือดมาก และอาจเสียชีวิตได้
ร่างกายอ่อนเพลีย เกิดภาวะขาดน้ำ
เกิดการตกเลือดหลังคลอด
เจ็บปวดมาก
ต่อทารก
เกิดภาวะขาดออกซิเจน
เกิดการติดเชื้อ
ศีรษะทารกถูกกดนาน
การรักษา
ให้ยานอนหลับและยาระงับปวดที่มีความแรงพอ
ถ้ามีภาวะ fetal distressต้องรีบผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
การคลอดยาก(dystocia)
ลักษณะของการคลอดที่ไม่ได้ดาเนินไปตามปกติ มีความก้าว หน้าของการคลอดล่าช้า หรือมีการหยุดชะงักของความก้าวหน้าในการคลอด
การแบ่งลักษณะการคลอดยาก
Protraction disorder
ความผิดปกติเนื่องจากการเปิดขยายของปากมดลูกล่าช้า หรือการเคลื่อนต่าของศีรษะทารกในระยะ active phase ล่าช้ากว่าปกติ
Protracted active phase dilatation
Protracted descent
Prolongation disorder
ความผิดปกติเนื่องจาก Latent phase ยาวนาน ในครรภ์แรกระยะ latent phase ยาวนานกว่า 20 ชั่วโมง หรือในครรภ์หลังระยะ latent phase ยาวนานกว่า 14 ชั่วโมง
ภาวะแทรกซ้อนจากการคลอดยาก
ต่อมารดา
ฝีเย็บบวม และฉีกขาดได้ง่าย
เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากการทาสูติศาสตร์หัตถการต่าง ๆ
ผู้คลอดเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลีย หมดแรง
ตกเลือดหลังคลอด
การติดเชื้อ(infection)
พื้นเชิงกรานยืดขยายเ
ต่อทารก
ทารกได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ (fetal distress)ซึ่
ติดเชื้อ
อันตรายจากการคลอด
4.ภาวะทางจิตใจของผู้คลอด
การรักษา
มารดาที่เจ็บปวดมาก ควรได้รับยาแก้ปวด เพื่อไม่ให้เกิดกลุ่มอาการ fear-tension-pain syndrome
มารดาที่อ่อนเพลียขาดน้าควรได้รับสารน้าอย่างเพียงพอ
มารดาที่มดลูกหดรัดตัวไม่ดี ควรได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
ทัศนคติต่อการคลอด
การคลอดทาให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง
การคลอดนั้นเต็มไปด้วยอันตราย อาจถึงตายได้