Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความผิดปกติหลอดเลือดและการไหลเวียนเลือดโรคระบบไหลเวียน - Coggle Diagram
ความผิดปกติหลอดเลือดและการไหลเวียนเลือดโรคระบบไหลเวียน
ความดันโลหิตสูง
สูตรของความดันโลหิต
= จำนวนเลือดที่ออกจากหัวใจ x ความต้านทานหลอดเลือด
ความดันโลหิตสูงคือ ภาวะความดันโลหิตที่ผนังหลอดเลือดแดงสูงเกิน 140/90 mmHg
ปัจจัยที่มีผลต่อระดับความดันโลหิต
ปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจ (Cardiac output)
ปริมานเลือดในร่างกาย (Blood volume)
Resistance
ความดันโลหิตสูงมี 2 ประเภทคือ
ความดันโลหิตสูงไม่ทราบสาเหตุ
ความดันโลหิตสูงที่มีสาเหตุ
การแบ่งระดับของความดันโลหิตสูง
ระดับความดันโลหิตปกติคือ ต่ำกว่า 120/80 mmHg
ระดับขั้นของความดันโลหิตสูง มี 3 ระดับ
Prehypertension ระดับความดันโลหิตอยู่ในช่วง 120/80-139/89 mmHg
Stage 1 ระดับความดันโลหิตอยู่ในช่วง 140/90-159/99 mmHg
Stage 2 ระดับความดันโลหิตตั้งแต่ 160/100 mmHg เป็นต้นไป
การวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูง
สาเหตุของความดันโลหิตสูงทุติยภูมิ
โรคไต
ความปกติของเนื้อไต Renal parenchymal disease, เนื้อไตอักเสบ เฉียบพลัน (acute glomerulonephritis), ไตอักเสบเรื้อรัง (chronic nephritis),
. โรคของต่อมไร้ท่อ
2.1 Acromegaly ภาวะที่มีการเจริญเติบโตผิดปกติ
2.2 ต่อมไธรอยด์ทำงานน้อย (Hypothyroidsm)
2.3 ต่อมธัยรอยด์ทำงานมาก (Hyperthyroidsm)
2.4 โรคของต่อมหมวกไต
ความผิดปกติทางระบบประสาท
3.1 มีภาวะแรงดันในกระโหลกสูงขึ้น จากเนื้องอกในสมอง หรือเนื้อสมองอักเสบ
3.2 Sleep apnea
3.3 Autonomic dysreflexia
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ (Non modifiable risk factor)
ปัจจัยเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงได้ (Modifiable risk factor)
พยาธิสภาพ
ตัวรับความดันโลหิตและตัวรับเคมีในหลอดเลือดแดง (Arterial baroreceptor and chemoreceptor
การควบคุมปริมาตรน้ำในร่างกาย
ระบบเรนนินแอนจิโอเทนซิน
การควบคุมตัวเองของหลอดเลือด (Vascular autoregular)
ตัวรับความดันโลหิตและตัวรับเคมีในหลอดเลือดแดง
การควบคุมปริมาตรสารน้ำในร่างกาย
. การควบคุมตัวเองของหลอดเลือด
ระบบเรนิน-แอนจิโอเทนซิน
อาการ
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงเล็กน้อยหรือปานกลางมักไม่มีอาการแสดง
เมื่อมีความดันสูงมากขึ้น จะปรากฎอาการเหล่านี้ได้ แต่ไม่เฉพาะเจาะจง คือมีหรือไม่มีอาการก็ได้
ปวดศีรษะ ลักษณะอาการปวดมักจะปวดที่ท้ายทอย โดยเฉพาะช่วงเช้าหลังตื่นนอน และมักค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเอง
เวียนศีรษะ มึนงง ซึ่งอาจเกิดจากสมองขาดเลือดชั่วขณะ อาจมีอาการคล้ายจะเป็นลม
เลือดกำเดาไหล แต่ไม่พบบ่อย
การประเมินผู้ป่วย
การซักประวัติเจ็บป่วย ประวัติครอบครัว การวัด Blood pressure ที่ถูกต้อง
แบบแผนการดำเนินชีวิต อาชีพ การรับประทานอาหาร ออกกำลังกาย ฯลฯ
ความเครียดวิตกกังวล
การตรวจร่างกาย ตรวจระบบหัวใจหลอดเลือด สมอง ตาและไต
การตรวจพิเศษ EKG, Film chest
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ BUN, Cr, urine albumin, lipid profile, electrolyte, serum for potassium and calcium
การรักษา/พยาบาล
การรักษาแบบไม่ใช้ยา
การลดเกลือ
การลดน้ำหนัก
การออกกำลังกาย
การลดความเครียด
งดแอลกอฮอล์และบุหรี่
2.การรักษาโดยการใช้ยา
เบต้าบล็อคเกอร์ (beta blocker)
ยากลุ่ม Calcium channel blocker
ยากลุ่ม ACEI
2.2 ยาขับปัสสาวะกลุ่ม Loop diuretic เช่น ฟูโรซีไมด์
ยาต้านอะดรีเนอจิก (แอลฟาและเบตารีเซฟเตอร์)
ยาที่มีผลเฉพาะต่อเบต้ารีเซฟเตอร์ เช่น ยาเมทโทรโพลอล ออกฤทธิ์ขัดขวางการกระตุ้นที่เบต้า 1 รีเซฟเตอร์ในหัวใจ ออกฤทธิ์ลดการทำงานของหัวใจ โดยลดอัตราการเต้นของหัวใจและลดความดันโลหิต
ยากลุ่มเบต้าและและแอลฟาบล็อกเกอร์ เช่น ลาบิทาลอล (Labitalol) ออกฤทธิ์ลดความต้านทานหลอดเลือดส่วนปลายและไม่ทำให้ปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจลดลง
ยาต้านแคลเซี่ยมเข้าเซล
การออกฤทธิ์ของยารักษาความดันโลหิตสูง
การรักษาความดันโลหิตสูงในระยะวิกฤติ
ความดันโลหิตสูงในระยะวิกฤติ เป็นภาวะที่ผู้ป่วยมีระดับความดันโลหิตสูงมาก ซึ่งอาจเกิดอันตรายและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
ผู้ป่วยที่เป็น Hypertensive emergency ผู้ป่วยเหล่านี้ ต้องได้รับการควบคุมความดันโลหิตทันที เนื่องจากมีภาวะเสี่ยงสูงที่อวัยวะเป้าหมายจะถูกทำลายมากขึ้น
อาการ
การให้ยาลดความดันในผู้ป่วย Hypertensive emergency มักให้ยาทางปาก ร่วมกับยาฉีดลดความดันโลหิตทางหลอดเลือดดำ เช่น Sodium nitroprusside
หลักการลดความดันโลหิตในผู้ป่วยจะลดช้าๆ โดยมีเป้าหมายที่ 160/100 mmHg เนื่องจากการลดความดันโลหิตที่รวดเร็วเกินไปจะเกิดอันตรายต่ออวัยวะเป้าหมายมากขึ้น เช่น สมอง หัวใจและ ไต
หลอดเลือดอักเสบเฉียบพลัน (TAO)
อุบัติการณ์ พบมากในผู้ชายอายุระหว่าง 20-35 ปี ที่มีประวัติสูบบุหรี่
อาการ
ในระยะแรก มีอาการปวดบริเวณขา และหลังเท้ารุนแรง อาจมีอาการปวดน่องร่วมด้วยเวลาเดิน เดินไม่ได้ไกล เป็นตะคริวบ่อยที่เท้าและน่อง หลังเดินหรือออกกำลังกาย อาการหายไปเมื่อพัก อาการเหล่านี้เรียกว่า Intermittent Claudication อาการจะเป็นมากขึ้นเมื่ออารมณ์แปรปรวน สูบบุหรี่ อากาศเย็น ถ้าหลอดเลือดอักเสบที่มือ จะมีอาการดังกล่าวที่มือ
ในระยะต่อมาจะมีแผลเรื้อรัง ตามนิ้วมือ นิ้วเท้า ในที่สุดอาจถูกตัดนิ้วมือและเท้าได้
การวินิจฉัย
เบื้องต้นจากประวัติ
การตรวจ ABI หรือ Droppler ultrasound, Artheriograms เพื่อวินิจฉัย ภาวะขาดเลือดที่หลอดเลือดส่วนปลาย
การรักษา/พยาบาล
งดสูบบุหรี่
รักษาแผลเรื้อรังที่เท้า
ให้ยาขยายหลอดเลือด แก้ปวด ตามอาการ
ให้ยา NSIAD เมื่อมีอาการหลอดเลือดดำอักเสบ
การคำนวณ
การคำนวน ABI = Ankle pressure/Brachial pressure (highest)
การแปลค่า ABI มากกว่าหรือเท่ากับ 1 ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการตีบตันของหลอดเลือด
ABI อยู่ในช่วง 0.3 – 0.8 Claudication
ABI น้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.3 Rest pain
โรคหลอดเลือดสมอง Stroke
สรีรภาพของสมอง
ได้รับเลือดที่สูบฉีดจากหัวใจไปเลื้ยงโดยเลือดได้นำออกซิเจน กลูโคส และสารอาหารต่าง ๆ ไปเลี้ยง
โดยปกติ สมองมีเลือดมาเลี้ยงประมาณ 50 - 55 มล. /100 กรัมของสมอง/ นาที
ถ้า<18 มล. /100 กรัมของสมอง/ นาที เซลล์สมองจะเสียหน้าที่ทางสรีระ
ถ้า <15 มล./100 กรัมของสมอง/ นาที จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์สมองอย่างถาวร
ประเภทของ Stroke มีดังนี้
Ischemia stroke
1.1 Thrombosis
1.2 Emboli การเกิด Stroke จากลิ่มเลือด ซึ่งสาเหตุของการเกิด ลิ่มเลือด
Hemorrhagic stroke
สาเหตุของ Stroke
อาการของ Stroke
ระยะเฉียบพลัน (Acute stage) เป็นระยะ 24 - 48 ชั่วโมง ผู้ป่วยมีอาการหมดสติ มีภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง ระบบการหายใจและการทำงานของหัวใจผิดปกติ
ระยะหลังเฉียบพลัน (Post acute stage) เป็นระยะที่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการคงที่ 1- 14 วัน
ระยะฟื้นฟูสภาพ (Recovery stage) 3 เดือนแรก
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
อายุ อายุที่สูงขึ้นมีภาวะเสี่ยงสูงขึ้น
เพศ ชายมีภาวะเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง
ประวัติครอบครัว
ประวัติเคยเป็น โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke มาก่อน
ปัจจัยเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงได้
เป็น HT, DM, สูบบุหรี่, สุรา หรือยาเสพติด
โรคของ carotid artery disease และ peripheral
โรคของหัวใจและระบบไหลเวียน cardiovascular disease (HF, congenital heart defects, CHD, cardiomegaly, cardiomyopathy)
Atrial Fibrillation
Transient ischemic attack (TIA)
ไขมันในเลือดสูง
อ้วน
ไม่ออกกำลังกาย
การรักษา/พยาบาล
การรักษา Ischemic Stroke ที่เกิดจากลิ่มเลือดหรือการอุดตัน ตีบแคบของเส้นเลือด
1.1 ให้ยาละลายลิ่มเลือดต้องมีข้อบังชี้ในการรักษาครบทุกข้อดังต่อไปนี้
จึงสามารถให้ยาละลายลิ่ม
เลือดผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น
โรคหลอดเลือดสมองตีบและอุดตันภายใน 3 ชั่วโมง (4.5 ชม.)
อายุมากกว่า 18 ปี
มีอาการทางระบบประสาทที่สามารถวัดได้โดยใช้ NIHSS จะประเมินโดยแพทย์เป็นส่วนใหญ่
ผล CT scan ของสมองไม่พบเลือดออก
ข้อห้ามของการให้ยาละลายลิ่มเลือด
มีอาการของโรคหลอดเลือดสมองตีบและอุดตันที่ไม่ทราบเวลาที่เริ่มเป็นอย่างชัดเจน :
มีอาการเลือดออกใต้ชั้นเยื่อหุ้มสมอง (subarachnoid hemorrhage)
มีอาการทางระบบประสาทที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว (NIHSS < 4) หรือ
มีอาการทางระบบประสาท อย่างรุนแรง (NIHSS >18)
ความดันโลหิตสูง (SBP≥ 185 mmHg, DBP≥ 110 mmHg)
มีประวัติเลือดออกในสมองหรือ มีประวัติเป็น Stroke/Head injury ภายใน เดือน History of prior intracranial hemorrhage, neoplasm, or vascular malformation
Thrombopheblitis
สาเหตุ
การอักเสบของผนังหลอดเลือดดำร่วมกับการอุดตันโดยลิ่มเลือดที่หลอดเลือดดำ มักพบผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงได้แก่ อ้วน ตั้งครรภ์ ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
อาการ
ปวดบริเวณที่เกิดหลอดเลือดอักเสบ บวม แดง มีการขาดเลือดของอวัยวะที่มีการอุดตัน
การรักษา
ให้ยาขยายหลอดเลือด และยาละลายลิ่มเลือด เช่น Heparine, coumarin
ถ้ารักษาด้วยยาไม่ได้ผลทำการผ่าตัดขยายหลอดเลือดหรือเอาก้อนเลือดออก
การพยาบาล
ห้ามวิ่ง เดินนาน หรือยกน้ำหนัก
ใส่ผ้ายืดหรือถุงน่องรัดขาไว้สังเกตอาการเลือดออกจากการได้รับยาละลายลิ่มเลือด
ดูแลป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำโดยการจัดการปัจจัยเสี่ยง
ลดน้ำหนัก
ห้ามใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน
หลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ
(Peripheral arterial disease/PAD/Arterial occlusion)
หลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ (PAD/Arterial occlusion)
สาเหตุ
แรงดันของความดันโลหิต
การอักเสบจากโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกัน
โรคติดเชื้อบางชนิดเช่น Chlamydia pneumoniae or Helicobacter pylori) หรือเชื้อไวรัสบางตัวเช่น cytomegalovirus
สารเคมีในร่างกาย เช่น ไขมัน Cholesterol น้ำตาล เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดตีบ
การสูบบุหรี่
ไขมันในเลือดสูง
ความดันโลหิตสูง
โรคเบาหวาน
โรคอ้วนลงพุง
ขาดการออกกำลังกาย
รับประทานอาหารไม่ถูกต้อง
เพศ
อายุ
ประวัติการป่วยเป็นโรคหลอดเลือดตีบก่อนวัยในครอบครัว
อาการ
คล้ายหลอดเลือดแดงอักเสบ คือ จะมีอาการปวดรุนแรงบริเวณที่หลอดเลือดแดงไปเลี้ยง เช่น บริเวณ แขน ขา น่อง
การรักษา/พยาบาล
. กการารดูแลรักษาแบบประคับประคอง
เดินเป็นวิธีการที่ดีที่สุด กระตุ้นให้เดินจนกระทั่งเริ่มปวด แล้วหยุด เมื่อหายปวดเริ่มเดินใหม่ การเดินจะทำให้หลอดเลือดที่ขามีการสร้างขึ้นใหม่ ช่วยทำให้เดินได้นานขึ้น ปวดน้อยลง
หลีกเลี่ยงการประคบน้ำแข็งหรือน้ำร้อน
สวมรองเท้าที่คับพอดี
หลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลังงานมากเกินไป หรืออาหารมันมากเกินไป
รับประทานอาหารที่มีวิตามินบีมาก
การดูแลเท้า
การออกกำลังกาย
การควบคุมระดับไขมันในเลือด
การควบคุมความดันโลหิต และโรคเบาหวาน
การรักษาด้วยยา
2.1 การใช้ยา โดยใช้ ยาต้านเกล็ดเลือด Anti-Platelet Agents – ยาในกลุ่มนี้จะลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ทำให้เดินได้ไกลขึ้น ยาที่สำคัญได้แก่
Aspirin - ขนาด (81-325 mg) เป็นยาหลักที่ใช้รักษา
2.2 Anticoagulation Agents
การให้ยาขยายหลอดเลือด
การให้ยา Beta-blocker ,estrogen อาจจะทำให้อาการเส้นเลือดแดงตีบเป็นมากขึ้นหากการรักษาด้วยยาแล้วยังมีอาการปวดต้องรักษาด้วยวิธีอื่น
การผ่าตัด
การพยาบาลหลังผ่าตัด
หลอดเลือดดำตีบ
(Deep vein thrombosis)
พยาธิสภาพ
เส้นหลอดเลือดดำจะนำเลือดที่ใช้แล้วกลับสู่หัวใจ โดยอาศัยการบีบตัวของกล้ามเนื้อ ร่วมกับลิ้นในหลอดเลือดดำ หลอดเลือดดำที่ขามี 2 ชนิดคือหลอดเลือดดำที่ผิว superficial veinที่สามารถเห็นได้ด้วยตา ซึ่งจะนำเลือดจากผิวไปสู่หลอดเลือดดำส่วนลึก deep veinซึ่งจะอยู่ในกล้ามเนื้อ หลอดเลือดดำลึกก็จะนำเลือดไปยังหลอดเลือดดำใหญ่ในท้อง inferior venacava
สาเหตุของลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
หลอดเลือดดำได้รับอันตราย เช่นอุบัติเหตุกระดูกหัก กล้ามเนื้อถูกกระแทก หรือการผ่าตัด
เลือดในหลอดเลือดมีการไหลเวียนช้าลงเช่นการนั่งหรือนอนนาน หลังผ่าตัด อัมพาต การเข้าเฝือก
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
คนแก่ นอนไม่เคลื่อนไหวมากว่า 3วัน
อัมพาต
การเข้าเผือก
หลังผ่าตัดทำให้ต้องนอนนาน
การที่ต้องนั่งรถ รถไฟ เครื่องบิน หรือนั่งไขว่ห้าง
การใช้ยาคุมกำเนิด ฉีดยาเสพติด
การตั้งครรภ์ หลังคลอด
นอนไม่เคลื่อนไหวมากกว่า 3 วัน
โรคมะเร็ง
โรคทางพันธุกรรมบางโรค
อาการ
อาการที่สำคัญคืออาการบวมที่เท้าเนื่องจากการไหลกลับของเลือดไม่ดีมักจะบวมข้างเดียว บางรายอาจจะเห็นเส้นเลือดโป่งพอง อาจจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อหรือเป็นตะคริวพบได้ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วย โดยเฉพาะเวลากระดกข้อเท้าจะทำให้ปวดมากขึ้น เมื่อกดบริเวณน่องก็จะทำให้ปวด
การตรวจร่างกาย
บวมเท้าที่เป็นข้างเดียว และอาจจะกดเจ็บบริเวณน่อง
เมื่อจับปลายเท้ากระดกเข้าหาตัวโดยที่เข่าเหยียดตรง (เรียกการตรวจนี้ว่า Homans Sign) จะมีอาการปวด
การตรวจพิเศษ
. venography คือการฉีดสีเข้าไปในเส้นเลือดที่สงสัยเพื่อดูว่ามีลิ่มเลือดอุดหรือไม่ แต่ให้ผลการตรวจไม่แม่นยำ และอาจจะเกิดอาการแพ้จึงไม่นิยม
venous ultrasound เป็นการใช้ ultrasound ช่วยในการวินิจฉัย วิธีนี้ไม่เจ็บปวดให้ผลดี
โรคหลอดเลือดดำขอด
(Varicose vein)
พยาธิสภาพ
เป็นความผิดปกติของหลอดเลือดดำให้ผิวหนัง (Superficial vein) เกิดจากลิ้นกั้นในเลือดเลือดเสียหน้าที ทำให้การไหลเวียนเลือดผิดปกติ ไม่สามารถไล่เลือดให้ไหลกลับสู่หัวใจได้หมด จึงเกิดการคั่งของเลือดในหลอดเลือดดำ ทำให้หลอดเลือดดำขยายตัวกว้างใหญ่ขึ้น ยาวขึ้นและหงิกงอ คดเคี้ยว พบได้บ่อยบริเวณขา น่อง ข้อเท้า และหลังเท้า
สาเหตุ
การเกิดยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดหลอดเลือดขอดเพิ่มขึ้น คือ การยืนนานๆ การตั้งครรภ์ ความร้อน การถูกผูกรัด เช่น การใส่ถุงน่องที่คับเกินไป เป็นต้น กรรมพันธุ์ เชื้อชาติ
อาการ
ปวดตื้อ ๆ บริเวณขา กล้ามเนื้อเป็นตระคริว
มีอาการเมื่อยล้าขามากผิดปกติ
ถ้าเป็นเส้นเลือดขอดในระดับรุนแรง จนมีหลอดเลือดอุดตัน จะมีอาการบวมปวด ขามีสีคล้ำ
อาจมีแผลที่เท้าจากการขาดเลือดไปเลี้ยง
เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ และติดเชื้อได้ง่าย
การวินิจฉัย
การตรวจเบื้องต้นโดยการตรวจ Bodiettrendendelenberg test มีวิธีการโดยให้ผู้ป่วยนอนราบ ยกขาสูง และรัด Tourniquet ที่ต้นขา หลังจากนั้นให้ผู้ป่วยยืน แล้วนำสายยางที่รัดออก ถ้ามีเลือดไหลเข้าสู่ Superficial vein แสดงว่า การทำหน้าที่ของลิ้นในหลอดเลือดผิดปกติ (Valve incopetent)
รักษาแบบประคับประคอง
การผ่าตัดนำหลอดเลือดที่ขอดออก