Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลมารดาและทารกที่มีปัญหาสุขภาพร่วมกัการตั้งครร…

- - - - Positive
        
        HBsAg (Lab-based)
        
        Positive
        
        ตรวจ HBeAg, ALT, Creatinine ต่อทันที
        
        HBeAg negative
        
        :<3: HBeAg เป็นบวก บ่งชี้ว่า HBV viral load สูงสามารถมีการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ทารกได้ :<3:
        
        HBeAg positive
        
        ALT > upper normal limit หรือ Creatinine สูง
        
        ส่งรักษาต่อกับอายุรแพทย์ทันที
        
        1 more item...
        
        Nagative
      - Nagative
        
        ฝากครรภ์ตามปกติ
  - - - :red_flag: การตกเลือดก่อนคลอด
      - :red_flag: การคลอดก่อนกำหนด
      - :red_flag: เบาหวานในระหว่างตั้งครรภ์
      - :red_flag: ทารกน้ำหนักตัวน้อย
    - - Hepatitis B e antigen (HBeAg)
        
        Hepatitis B core antigen (HBcAg)
        
        ส่วนแกนกลางมี DNA ที่รูปร่างกลม ซึ่งจะตรวจไม่พบในเลือดหรือสารคัดหลั่งของร่างกาย แต่จะพบในนิวเคลียสตับของสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ
        
        ส่วนประกอบย่อยที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญแปรสภาพของ HBcAg ในกระแสโลหิต พบได้เฉพาะบุคคลที่มี HBsAg เป็นบวก เท่านั้น และ :star: สามารถติดต่อและแพร่เชื้อได้มากกว่าร้อยละ 50 :star:
      - ส่วนที่เป็นเปลือกนอกของไวรัสสามารถแพร่กระจายเชื้อผ่านทางเลือด น้ำลาย น้ำตา สารคัดหลั่งทางช่องคลอดน้ำอสุจิน้ำคร่ำน้ำปัสสาวะ
  - - - แนวทางการรรักษา
        
        บทบาทพยาบาลผดุงครรภ์
        
        ป้องกันการแพร่กระจาย
        
        ติดตามความก้าวหน้า ไม่กระตุ้นคลอด
        
        :star: ทารก : Suction ให้เร็ว หมด ทำความสะอาด
        
        Universal Precaution
        
        BF
        
        ส่งตรวจเลือด
        
        คุมกำเนิด ตรวจสุขภาพประจำปี
        
        อาการ
        
        ไข้ เหื่อย อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ตัวตาเหลือง
        
        ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
        
        Hx.ประวัติการได้รับวัคซีน บุคคลในครอบครัว
        
        ก่อนการคลอด
        
        ระยะหลังคลอด
        
        ติดตามตรวจดูระดับ ALT
        
        ทารกแรกเกิดโดยการใช้หลัก universal precaution
        
        TDF 300 mg. วันละ 1 ครั้ง จนถึง 4 สัปดาห์ หลังคลอด
        
        :red_flag:Exclusive Breastfeeding หากไม่มีรอยแผล
        
        ควรได้รับวัคซีน ภายใน 7 วัน และให้ซ้ำภายใน 1 เดือน และ 6 เดือน
        
        HBIG (400IU) ทันทีหรือภายใน 12 ชั่วโมง หลังคลอด
        
        ระยะแรกคลอด
        
        อายุ 1 เดือน
        
        1 more item...
        
        อายุ 6 เดือน
        
        1 more item...
        
        ภายใน 7 วัน
        
        1 more item...
        
        อายุ 12-15 เดือน
        
        1 more item...
        
        ภายใน 12 ชั่วโมง
        
        1 more item...
        
        หลีกเลี่ยงการทำสูติการเจาะน้ำคร่ำ
        
        หากปริมาณไวรัสในเลือดสูงกว่า 200,000 IU/mL
        
        TDF 300 mg. วันละ 1 ครั้ง GA 28-32 สัปดาห์
      - ประมาณ 60-150 วัน
        
        ไตรมาสที่ 3
        
        ไตรมาสที่ 1, 2
        
        จะถ่ายทอดเชื้อไวรัสสู่ทารกได้ ร้อยละ 10
        
        ถ่ายทอดสู่ทารกได้ ร้อยละ 75
    - - อาการและอาการแสดง
        
        คลื่นไส้
        
        เบื่ออาหาร
        
        อ่อนเพลีย
        
        มีไข้
        
        อาเจียน
        
        ปวดข้อ
        
        อุจจาระสีซีด
        
        If severe >>> ตัวเหลืองตาเหลือง
        
        ปัสสาวะสีเข้ม
        
        ปวดท้อง
- - - - การรักษาพยาบาล
        
        :warning: รายที่ไม่ต้องการยุติการตั้งครรภ์แพทย์อาจพิจารณาฉีด Immunoglobulin
        
        แนะนำพักผ่อนให้เพียงพอ
        
        แนะนำดื่มน้ำให้เพียงพอจิบบ่อยๆ
        
        ถ้ามีไข้แนะนำรับประทานยา paracetamal ตามแพทย์สั่ง
        
        :warning: ในระยะ 3 เดือนแรกแพทย์จะแนะนำให้ยุติการตั้งครรภ์ “Therapeutic abortion”
      - :star: “Congenital Rubella Syndrome” :star:
        
        หูหนวก หัวใจพิการ ต้อกระจก
    - - ไข้ต่ำๆ
      - Koplik's spot จุดสีขาวเหลืองขนาดเล็กคล้ายเม็ดงาอยู่ที่กระพุ้งแก้ม
    - - ผื่นแดงเล็กๆ (erythematous maculopapular)
      - ตุ่มนูน ผื่นแดงหรือสีชมพูขึ้นที่ใบหน้าก่อนจะลามลงมาตามผิวหนังส่วนอื่นหายไปภายใน 3 วัน
  - - - ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ : ELISA
        
        IgM และ IgG specific antibody ทันทีที่มีผื่นขึ้นหรือภายใน 7-10 วันหลังผื่นขึ้น
        
        ควรติดตามการเพิ่มขึ้นของระดับไตเตอร์เป็น 4 เท่าใน 2 สัปดาห์
      - การซักประวัติกาสัมผัสโรค ตรวจร่างกายว่ามีผื่นขึ้นหรือไม่
      - การวินิจฉัยติดตามการเพิ่มขึ้นของระดับไตเตอร์
        
        ระดับ HAI titer
        
        ครั้งที่ 2
        
        เท่าเดิม ↑ 4 เท่า เท่าเดิม
        
        เท่าเดิม เท่าเดิม
        สูงกว่าเดิม
        
        -
        
        3 more items...
        
        ไม่ใช่หัดเยอรมัน มีภูมิต้านทานแล้ว
        
        ไม่แน่ ให้ตรวจหา IgM
        
        ไม่ใช่หัดเยอรมัน และยังไม่มีภูมิคุ้มกัน
        
        เป็นหัดเยอรมัน และยังไม่มีภูมิคุ้มกัน
        
        ไม่ใช่หัดเยอรมัน มีภูมิต้านทานแล้ว
        
        ไม่ใช่หัดเยอรมัน และไม่มีภูมิคุ้มกัน
        
        การแปลผล
        
        ระยะเวลาที่มาพบแพทย์หลังมีผื่น
        
        < 3 day
        
        3-7 day
        
        (> 7 day)
        
        1 more item...
        
        ครั้งที่ 1
        
        < 1:8 หรือ 1:10 < 1:8 หรือ 1:10 ≥ 1:8 หรือ 1:10
        
        < 1:8 หรือ 1:10
        1:8-1:32 หรือ 1:10-1:40 > 1:64 หรือ 1:80
        
        < 1:8 หรือ 1:10
        1:8-1:32 หรือ 1:10-1:40 > 1:64 หรือ 1:80
        
        1 more item...
- - - - อาการ
        
        การพยาบาล
        
        การให้ยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวด ลดไข้
        
        :warning: ห้ามรับประทานยาแอสไพรินหรือยากลุ่มลดการอักเสบ (NSAIDs) :warning:
        
        ดื่มน้ำในปริมาณ 2,000-3,000 ลิตรต่อวัน
        
        ยังไม่มียารักษาโรคไข้ซิกาโดยตรง
        
        มีผื่นขึ้นตามตัว
        
        ปวดตามข้อ
        
        ปวดกล้ามเนื้อ
        
        ปวดศีรษะ
        
        คลื่นไส้
        
        มีไข้สูง
      - ภาวะศีรษะเล็กแต่กำเนิดของทารกในครรภ์
        
        :red_flag: ติดตามอัลตร้าซาวการเจริญเติบโตของทารกทุก 4 สัปดาห์
        
        :red_flag: การวัดรอบศีรษะในทารกแรกเกิด 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อแรกเกิด และครั้งที่ 2 เมื่อ อายุ 24 ชั่วโมง
    - - :check: การทดสอบทางห้องปฏิบัติการ
        
        :check: การวินิจฉัยการติดเชื้อของทารกในครรภ์ สามารถตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยใช้สิ่งส่งตรวจ เช่น น้ำคร่ำ เลือดจากสะดือหรือรก
        
        วิธีการตรวจดีเอ็นเอ สามารถตรวจได้จากน้ำเหลือง
        
        การตรวจหาพันธุกรรมของเชื้อ ด้วยวิธี RT-PCR ภายใ 1-3 วัน เมื่อเริ่มแสดงอาการ
        
        การตรวจหาแอนติบอดี IgM และ IgG ต่อไวรัสซิกา สำหรับการตรวจหา IgM สามารถตรวจพบได้ภายใน 3 วันนับแต่แสดงอาการ การตรวจหาภูมิคุ้มกัน (IgM) ด้วย วิธี ELISA หรือImmunofluorescence หากพบว่าผลการตรวจเป็นลบแนะนำให้เก็บ Plasma ส่งตรวจซ้ำภายใน 3-4 สัปดาห์
  - - - ไข้ ปวดศีรษะ ออกผื่นที่ลำตัวและแขนขา ปวดข้อ ปวดในกระบอกตาเยื่อบุตาอักเสบ