Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ, นางสาวสุวิมล เหี้ยมหาญ 36/2…
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ
การหายใจ
อัตราการหายใจของเด็กในแต่ละวัย
ต่ำกว่า 2 เดือน ไม่เกิน 60 ครั้ง/นาที
2-12 เดือน ไม่เกิน 50 ครั้ง/นาที
1-5 ปี ไม่เกิน 40 ครั้ง/นาที
ศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ
ลักษณะการหายใจ หายใจมีเสียงดังคล้ายเสียงคราง(stridor)
ขณะหายใจเข้ามีการยุบลง (retraction) 1 ขณะหายใจเข้ามีการยุบลง (retraction) ของกระดูกหน้าอก (sternal retraction) ช่องระหว่างซี่โครง (Costal retraction) และใต้ซี่โครง (subcostal retraction)
อัตราหายใจเร็วกว่าปกติ (tachypnea)
หายใจช้ากว่าปกติ (bradypnea) หายใจลำบาก (dypnea)
การหายใจมีปีกจมูกบาน (nasal flaring)
เป็นลักษณะของการหายใจลำบาก: ขณะหายใจเข้ามีการบานออกของปีกจมูกทั้งสองข้างเพื่อช่วยขยายท่อทางเดินหายใจให้อากาศที่หายใจเข้าเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
เสียงหายใจผิดปกติ ที่เกิดจากการได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
เกิดจากการที่ลมผ่านเข้าไปในท่อทางเดินหายใจที่มีความผิดปกติ
stridor sound เกิดจากมีการตีบแคบของบริเวณกล่องเสียงหรือหลอดลม ได้ยินตอนหายใจเข้าและออก
ระดับเสียงสูง (high pitch) ลักษณะคล้ายเสียงครางพบในเด็กที่เป็น
acute laryngitis
laryngotracheitis
laryngotrachebronchitis
crepitation sound เป็นเสียงแตกกระจายเป็นช่วงๆ เกิดจากการที่ลมผ่านท่อทางเดินหายใจที่มีน้าหรือเสมหะ
พบได้ใน ภาวะปอดอักเสบ (pneumonia)
rhonchi sound เป็นเสียงที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีการ ไหลวนของอากาศผ่านเข้าไปในส่วนของทางเดินหายใจที่ ตีบแคบกว่าปกติการตีบแคบอาจเกิดจากเสมหะอุดตันเยื่อบุทางเดินหายใจบวม หลอดลมบีบเกร็งจาก ภาวะภูมิแพ้
wheezing เป็นเสียงที่มีความถี่สูงหรือเสียงหวีด ได้ยินชัดในช่วงหายใจออกเกิดจากหลอดลมเล็กๆ หรือ หลอดลมฝอยเกิดการบีบเกร็ง พบในผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด (bronchial asthma) หรือภาวะหลอดลมมีความไวในการตีบตัวมากกว่า
ปกติ(bronchial hyperreactivity)
พบในผู้ป่วยที่เป็น
โรคหอบหืด (bronchial asthma)
ภาวะหลอดลมมีความไวในการตีบตัวมากกว่า
ปกติ(bronchial hyperreactivity)
กลไกการสร้างเสมหะ
กลไกทางธรรมชาติของร่างกายในการขจัดสิ่งแปลกปลอมออก จากทางเดินหายใจประกอบด้วย 3กลไกได้แก่
กระบวนการสร้างสารมูก Mucous
การพัดโบกของขนกวัด Cilia
กลไกการไอ Cough Reflex
ลักษณะของเสมหะ
เสมหะเหนียว
คล้ายแป้งเปียกติดกันเป็นก้อน มีความยืดและหนืดมาก ขับออกมาได้ยาก
เสมหะไม่เหนียว
ลักษณะเป็นเมือกเหลว มีความยืดความหนืดน้อย ไม่รวมเป็นก้อน ขับออกมาได้ง่าย
การระบายเสมหะ
การจัดท่าผู้ป่วย(Postural drainage)
เป็นการอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก(gravity) ถูกขับออกด้วยการกระตุ้นให้ไอออกมา
การเคาะ(Percussion)
ใช้อุ้งมือเคาะบริเวณทรวงอกส่วนที่ได้รับการจัดท่า
เคาะประมาณ 1 นาที หากผู้ป่วยไอควรหยุดเคาะ ใช้การสั่นสะเทือนแทน
เคาะก่อนรับประทานอาหารหรือขณะท้องว่าง หรือหลังรับประทานอาหารอย่างน้อย 2 ชม. เพื่อป้องกันการสำลักและอาเจียน
การสั่นสะเทือน(Vibration)
ใช้มือวางราบพร้อมทั้งเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณต้นแขน และหัวไหล่ ในจังหวะการหายใจเข้าเต็มที่ และกำลังหายใจออก
การสอนการไออย่างมีประสิทธิภาพ(Effective cough)
ฝึกการไอให้มีประสิทธิภาพ โดยให้ผู้ป่วยหายใจเข้าเต็มช้าๆ กลั้นไว้สักครู่ และไอออกมาโดยเร็วและแรง
Croup เป็นอาการอุดกลั้นทางเดินหายใจส่วนบนบริเวณกล่องเสียง(larynx)และส่วนที่อยู่ใต้ลงมา
สาเหตุเนื่องมาจากมีการอักเสบที่บริเวณ
1.ฝาปิดกล่องเสียง(acute epiglottitis)
กล่องเสียง (acute laryngitis)
กล่องเสียง หลอดลมใหญ่ และหลอดลมฝอยในปอด (Laryngotracheobronchitis)
อาการ
inspiratory stridor หายใจเข้ามีเสียงฮืด
เสียงไอก้อง Barking cough
ไข้ เจ็บคอ หายใจลำบาก Dyspnea
อาการน้ำลายไหล(drooling)
ไม่ตอบสนองต่อการพ่นยาทั่วไปวนใหญ่จะพ่น Adrenaline ต้องใส่ Endotracheal tube
Croupเกิดจากการติดเชื้อ
virus
Bacteria
H.influenzae
S.pneumoniae
gr.A Streptococus
ปัญหาสำคัญที่ต้องดูแล คือ เสี่ยงต่อการเกิดภาวะพร่องออกซิเจน เนื่องจากมีการอุดกลั้นทางเดินหายใจ
Tonsilitis / Pharyngitis
สาเหตุการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส
Beta Hemolytic
streptococcus gr. A
อาการไข้ ปวดศีรษะ ไอ เจ็บคอ
การผ่าตัดต่อมทอนซิล(tonsillectomy)
หลังผ่าตัดควรให้เด็กนอนตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่งที่สะดวกต่อการระบายเสมหะ
สังเกตอาการและการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะระยะแรกหลังผ่าตัด ถ้าชีพจร 120 ครั้ง/นาที เป็นอย่างต่อเนื่อง ทั่วไปจะเกิดภายใน6-8 ชั่วโมงแรก
เมื่อเด็กรู้สึกตัวดี จัดท่านั่ง 1-2 ชั่วโมง ให้อมน้ไแข็งก้องเล็ก
หลังผ่าตัด
ส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้หลังผ่าตัด 24-48 ชั่วโมง
ผู้ป่วยอาจจะมีไข้ บวม หรือตึงๆ คล้ายมีสิ่งแปลกปลอมที่คอ
หลังผ่าตัด 1-2 วันแรก เพดานอ่อน หรือผนังคออาจบวมมากขึ้น
หลีกเลี่ยงการแปลงฟันลึกเกินไป
รับประทานอาหารอ่อน
หลังผ่าตัด2-4 สัปดาห์ แผลจะหายเป็นปกติ
ไซนัสอักเสบ(Sinusitis)
เป็นอาการอักเสบของโพรงอากาศข้างจมูก
สาเหตุ เกิดจากการติดเชื้อ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ทำให้เกิดการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก
ระยะของโรค
Acute sinusitis ระยะของโรกไม่เกิน 12 สัปดาห์
Chronic sinusitis อาการจะต่อเนื่องเกิน 12 สัปดาห์
อาการ
มีไข้สูงมากกว่า 39 ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว มีน้ำมูกไหล มักเป็นนานมากกว่า10วัน
Acute รุนแรงกว่า Chronic
การวินิจฉัย
CT scan ได้ผลดีกว่าวิธีอื่น
การตรวจด้วยการส่องไฟผ่าน (Transilumination)จะพบว่าไซนัสที่มีการอักเสบจะมีลักษณะมัว
การดูแลรักษา
ให้ยา antibiotic ตามแผนการรักษา
ให้ยาแก้ปวด ลดไข้ เพื่อลดไข้ และบรร้ทาอาการปวด
การล้างจมูก
เป็นการทำความสะอาดโพรงจมูก ช่วยชะล้างคราบมูก หรือหนองบริเวณโพรงจมูก/ไซนัส
ล้างจมูกก่อนใช้ยาพ่น จะทำให้การพ่นยามีประสิทธิภาพ
ล้างวันละ 2-3 ครั้ง
ใช้น้ำเกลือเข้มข้น 0.9% NSS เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยลดความเหนียวของน้ำมูกทำให้เชื้อโรคไม่เติบโต
หอบหืด Asthma
Asthma เป็นภาวะที่มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม
เกิดพยาธิสภาพ 3 อย่าง
1.ทำให้หลอดลมหดเกร็งตัว(Brochospasm)
ทำให้หลอดลมตีบแคบลง (Stenosis) เยื่อบุภายในหลอดลมบวม ขึ้น
สร้างเมือกเหนียวจำนวนมาก (Hypersecretion) ทำให้ช่องทางเดินอากาศในหลอดลมแคบลง ทำให้เกิดอาการหอบหืดขึ้น
อาการ
หวัด ไอ มีเสมหะ ถ้าไอมากขึ้นมักมีเสียงWheezing ช่วงหายใจออก
ความรุนแรงของหอบหืด
ขั้นเล็กน้อย
เริ่มไอ / มีเสียงวี้ด แต่ยังเล่นซนได้ ทานอาหารได้ตามปกติ
ขั้นปานกลาง
ตื่นกลางคืนบ่อยๆ วิ่งเล่นซนไม่ค่อยได้ ขณะเล่นมักไอ หรือ มีเสียงวี้ด
ขั้นรุนแรง
การสับกระส่ายจนนอนไม่ได้ เล่นซนไม่ได้เหนื่อยหอบจน พูดกินไม่ได้ ริมฝีปากเขียว ต้องนำส่งโรงพยาบาล
การรักษา
ยาขยายหลอดลม(Relievers) ทั้งพ่นและชนิดรับประทาน
ชนิดพ่นจะให้ผลได้เร็ว ช่วยให้หายใจโล่งขึ้น
ยาลดบวม และการอักเสบ(Steroid) ควรใช้ เพียงระยะสั้นๆ คือ3-5 วันเพื่อรักษาป้องกันไม่ให้โรครุนแรง
สิ่งที่ต้องเลี่ยง
ควันบุหรี่
ตัวไรฝุ่น
หลอดลมอักเสบ(Bronchitis)
หลอดลมฝอยอักเสบ(Bronchiolitis)
เกิดขึ้นเนื่องจากมีการอักเสบและอุดกลั้นของหลอดลม
เชื้อที่เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดRespiratory syncytial virus : RSV
เด็กที่ไม่กินนมแม่จะพบได้ค่อนข้างสูงกว่าเด็กทั่วไป พบในเด็กเล็กมากกว่าเด็กโต อายุประมาณ6เดือนเป็นช่วงอายุที่พบบ่อยที่สุด
อาการ
เริ่มจาก ไข้หวัดเพียงเล็กน้อย มีน้ำมูกใส จาม เบื่ออาหาร ต่อมาเริ่มไอเป็นชุดๆ ร้องกวน หวยใจเร็ว หอบ หายใจมีบีกจมูกบาน
ปอดบวม Pneumonia
สาเหตุ
สำลักสิ่งแปลกปลอม
ติดเชื้อ
แบคทีเรีย
ไวรัส
เกณฑ์การวินิจฉัย
เด็กแรกเกิด อัตราหายใจที่มากกว่า 60 ครั้ง/นาที
เด็กอายุ 2 เดือนถึง 1 ปี อัตราการหายใจที่มากกว่า 50 ครั้ง/ นาที
เด็กอายุ 1-5 ปีอัตราการหาายใจที่มากกว่า 40 ครั้ง / นาที
การรักษา
ดูแลให้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ทำให้เสหะอ่อนตัวขับออกได้ง่าย ช่วยลดไข้
ดูแลเรื่องไข้ Clear airway suction เพื่อให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดูแลแก้ไขปัญหาพร่องออกซิเจน ให้ยาขยายหลอดลม ยาขับเสมหะ ยาฆ่าเชื้อ
การพยาบาล
จัดท่านอนศีรษะสูง หรือนอนทับข้างที่มีพยาธิสภาพเพื่อให้ปอดข้างที่ดีขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอตามแผลการรักษา
การพ่นยาในเด็ก
ข้อปฏิบัติในการพ่นยาแบบละออง Neubulizer
ไม่ควรให้เด็กร้อง เพราะปริมาณยาจะเข้าปอดน้อย
ใช้มือประคองกระเปาะพ่นยาไว้ เพื่อให้อุณหภูมิคงที่ ทำให้ขนาด particle สม่ำเสมอ
หากไม่เห็นละอองยา หรือละอองยาออกไม่หนาแน่นเท่าที่ควรจะต้องสำรวจเครื่องพ่นยาทำงานหรือไม่ ช่วงรอยต่อหลุดหรือไม่
ออกซิเจนเปิด 6-8 ลิตร/นาที
อุปกรณ์ให้ออกซิเจน
face mask เป็นออกซิเจนแบบหน้ากากครอบบริเวณจมูกและปาก มีสายรัดศีรษะเพื่อยึดหน้ากากให้แนบสนิทกับใบหน้า
เหมาะก็บผู้ป่วยที่ต้องการออกซิเจน ปานกลาง ความเข้มข้นของออกซิเจนประมาณ 35%-50%ในช่วงเวลาสั้นๆ เปิดflow rate 5-10 lit/min ไม่ควรน้อยกว่า 5lit / min
Nasal cannula เป็นการให้ออกซิเจนที่ต้องการความเข้มข้นไม่มาก ในเด็กเล็กปรับอัตราไหลไม่เกิน 2lit/min
ไม่ควรปรับการไหลแรงเกินไปเพราะอาจทำให้จมูกแห้ง
ข้อดีคือประหยัด ยึดติดกับผู้ป่วยง่าย
นางสาวสุวิมล เหี้ยมหาญ 36/2 เลขที่51 612001132