Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉิน - Coggle Diagram

- - - - ความรุนแรง
        
        Moderate head injury GCS 9 - 12
        
        Severe head injury GCS 3 - 8
        
        Mild head injury GCS 13 - 15
      - พยาธิสภาพส่วนต่าง ๆ ของสมอง
        
        Skull fracture
        
        Intracranial lesion
      - ตามกลไกการบาดเจ็บ
        
        Penetrating injury
        
        Blunt
    - - สาเหตุการตาย จากสมองบาดเจ็บ,IICP,โรคแทรกซ้อนนอกกะโหลกศีรษะ,บาดเจ็บไม่รุนแรง ร้อยละ 15 มักจะทรุดหนักและเสียชีวิต "Talk and die" จากก้อนเลือด สมองบวม Hydrocephalus seizure Metabolism โรคหลอดเลือดผิดปกติ เยื่อหุ้มสมองอักเสบและภาวะ Shock
      - เมื่อถึงรพ.ร้อยละ 70 เสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง
      - บาดเจ็บที่ศีรษะ ร้อยละ 60 เสียชีวิตก่อนมารพ.
      - ร้อยละ 20 เสียชีวิตระหว่างการขนส่ง
      - ถ้าใน 6 ชั่วโมงแรกรอดจะเสียชีวิต ร้อยละ 20 ในระยะเวลานานกว่า 1 เดือน
    - - GCS 9 - 12
        
        อาการอารมณ์เปลี่ยนแปลง ปวดหัวมาก ชัก อาเจียน มีการ บาดเจ็บหลายระบบร่วมกัน
        
        ร้อยละ 10-20 จะเกิดอาการ Coma ตามมา
        
        แพทย์จะส่งผู้ป่วยทำ CT Brain และ Admit และแพทย์จะทำ CT Brain ซ้ำในช่วง 12-24 ชั่วโมงแรก
      - GCS 3 - 8
        
        ระดับความรู้สึกตัวลดลง
        
        มีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก
        
        Hypotension โอกาสเสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า
        
        Hypotension และ Hypoxia มีโอกาสเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 75
        
        แพทย์จึงรีบ ทำ CT Brain ทันที
      - GCS 13 - 15
        
        หากพบ loss of Conscious นาน 5 นาที แพทย์จะพิจารณาทำ CT Brain หรือ ส่งเอกซเรย์กะโหลก
        
        ผู้ป่วยที่ตื่นพยาบาลควรสังเกต อาการ 2-3 ชั่วโมง
        
        พบร้อยละ 3 เกิดภาวะ Talk and die
        
        กลับบ้านควรให้คำแนะนำและให้คู่มือการดูแลผู้ป่วยภายใน 24 ชั่วโมง
        
        การสังเกตอาการผิดปกติ แล้วนำส่งทันที
        
        หายใจเร็วหรือช้าผิดปกติ
        
        สายตาพร่ามัวหรือเห็นภาพซ้อน
        
        เวียน/ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
        
        อาเจียนพุ่ง
        
        ชักเกร็งหรือ แขนขาอ่อนแรง
        
        แผลบวมขึ้น
        
        น้ำหรือเลือดไหลออกทางรูจมูกและ/หรือรูหู
        
        นอนศีรษะสูง 30 องศา ช่วยการไหลกลับของเลือดดำให้อยู่แนวตรง ป้องกันการเกิดความดันสมองสูง
        
        ในรายที่หลับตลอดเวลา ควรปลุกตื่นทุก 1-2 ชั่วโมง อย่างน้อย 2 ครั้ง เป็นการช่วยตรวจสอบการ เปลี่ยนแปลงระดับความรู้สึกตัว
        
        ให้รับประทานยาแก้ปวด พาราเซต-ตามอล ไทลีนอล ได้ทุก 4-6 ชั่วโมงถ้ามีอาการปวดศีรษะมาก
        
        ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่ปรึกษา พร้อมเบอร์โทรศัพท์
        
        อาจมีภาวะ Amnesia ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนมา โรงพยาบาล
        
        ไม่มีอาการผิดปกติ มีแผลฉีกขาดลึกเพียงแค่หนังศีรษะ หรือมึนเล็กน้อย
    - - B. Breathing หยุดหายใจในระยะสั้นๆ (Transient respiratory arrest) และ Hypoxia จงึเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Secondary brain injury มาก ทำการใส่ท่อช่วยหายใจ รักษาระดับ SpO2 มากกว่าร้อยละ 98
        
        Hyperventilation ใช้กับผู้ป่วยที่มีระบบประสาทเลวลงอย่างรวดเร็ว หรือผู้ป่วย ที่มีอาการของ brain herniation คือ GCS ลดลง pupils dilatation IICP ที่ไม่ตอบสนอง ทำใหเ้กิด cerebral vasoconstriction
        
        ทำให้ จะ pCO2 ลดลง
        
        ทำใหเ้กิด cerebral vasoconstriction
        
        ทำให้ intracranial volume ลดลง ส่งผลให้ intracranial pressure ลดลงอย่างรวดเร็ว
        
        เลี่ยงการทำ aggressive หรือ PaCO2 น้อยกว่า หรือเท่ากับ 25 mm.Hg. และ prolong hyperventilation ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเกิด cerebral ischemia สูง
        
        เลี่ยงการทำ hyperventilation ใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการบาดเจ็บ CBF จะต่ำลง
        
        ควรรักษาระดับ CO2 ให้อยู่ 25-30 mm.Hg. และควรทำในเวลาสั้นๆ
      - C. Circulation การไหลเวียนเลือด เนื่องจากความดันต่ำทำให้การทำงานของสมองเลวลง โดย สาเหตุมักเกิดจากการเสียเลือด จาก Scalp laceration, open fracture, pelvic hematoma และผู้ป่วย multiple injury
        
        การตรวจร่างกายระบบประสาทในผู้ป่วยที Shock หรือ ความดันต่ำ นั้นเชื่อไม่ได้
        
        เมื่อแก้ไข shock แล้วผู้ป่วยจะกลับมาใกล้เคียงกับภาวะปกติในระยะเวลาอันสั้น
        
        ควรหลีกเลี่ยงสารละลาย hypotonic เนื่องจากสารละลายดังกล่าว อาจทำใหเ้กิดภาวะ hyponatremia เป็นเหตุให้สมองบวม
        
        เลี่ยงสารละลายที่มีกลูโคส เพราะอาจทำใหเ้กิด hyperglycemia
        
        สารน้ำที่เหมาะสมในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะคือ normal saline หรือ ringer lactate
      - A. Airway with Cervical spine control ประเมินทางเดินหายใจ ต้องป้องกัน กระดูกสันหลังส่วนคอไม่ให้มีการเคลื่อน
        
        ผู้ป่วยหมดสติที่สวมหมวกกันน๊อค (Helmet)
        
        คนที่ 1 ประคองศีรษะให้ตรง โดยอยู่ด้านบนศีรษะแล้วใช้มือ สองข้างประคองหมวกกันน๊อคจับที่ขอบหมวกและยึดที่ Mandible ผู้ป่วย )
        
        คนที่ 2 ปลดสายรัดคาง จากนั้นประคองศีรษะแทน ใช้มือข้างหนึ่งยึดขากรรไกรโดยที่นิ้วหัวแม่โป้งยึดมุม ขากรรไกรข้างหนึ่ง นิ้วชี้ยึดขากรรไกรด้านตรงข้าม มืออีกข้างยึดบริเวณ Occipital region
        
        คนที่ 1 ถอดหมวกออกทางด้านบนศีรษะ โดยถ่างขยายหมวกออกด้านข้างแล้วค่อยๆ เลื่อนหมวกออกจากนั้นประคองศีรษะ
        
        คนที่ 2 ใส่ Collar
    - - พยาบาลเป็นบุคคลแรกที่พบผู้ป่วยก่อนถึงโรงพยาบาลหรือที่แผนกฉุกเฉิน
      - เพื่อรักษาชีวิต และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง
      - การพยาบาลในทเี่กิดเหตุควรให้การดูแลรักษาตามสถานการณ์
      - รักษาแบบประคับประคองเพื่อให้พยาธิสรีระ และความดันในกะโหลกศีรษะอยู่ในเกณฑ์ปกติมากทสีุ่ด
      - การประเมินสภาพของผปู้่วยให้ถูกต้องครอบคลุมกอ่น เพื่อจะช่วยได้ตามลำดับความสำคัญ ของปัญหาโดยประเมินใหเ้สร็จในเวลา 3-4 นาที
      - ประเมินภาวะอันตรายที่คกุคามชีวิต นอกเหนืออันตรายต่อสมอง ได้แก่การหายใจและการ ไหลเวียนของเลือด
      - การประเมินอาการทางระบบประสาท เพื่อทราบความผิดปกติและความรุนแรง ร่วมไปกับการรักษาเบื้องต้น
      - ประเมินภาวะ Cervical spine injury เพื่อป้องกันการบาดเจ็บเพิ่มขึ้น
      - จัดทางเดินหายใจให้โล่ง ซึ่่งต้องทำทันทีทีประเมินได้ว่ามีการหายใจไม่สะดวก
      - ห้ามเลือด และช่วยการไหลเวียนเลือดให้เพียงพอ ประเมินบาดแผล หยุดเลือดที่ออกจาก บาดแผลเพื่อเพิ่มป้องกันภาวะShock
      - การป้องกันภาวะสมองบวม
      - การป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่สมอง
      - ควบคมุภาวะชักเพื่อลดการใช้ออกซเิจนของสมอง ควบคมุการอาเจียน
      - เตรียมพร้อมผู้ป่วยไปรับการตรวจวินิจฉัยทางรังสี
      - เมื่อแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านผู้ป่วยต้องได้รับคำแนะนำแก่ผู้ป่วยหรือญาติใกล้ชิด
  - - - Cord contusion เกิดการชอกช้ำ กดเบียดด้วยกระดุกสันหลังที่แตกหัก
      - Ischemia condition ขาดเลือดจากการกด เบียด หลอดเลือดที่มาเลี้ยงไขสันหลัง
      - Cord concussion กระทบกระเทือนและหยุดการทำงานชั่วคราว >.24 ชั่วโมง
      - Cord transection ฉีกขาดทุกชั้น Dura, Arachnoid, Pia ซึ่งเป็นการบาดเจ็บที่รุนแรงที่สุด
    - - การรักษาชีวิตและป้องกันการทำลายสันหลังเพิ่มเติม
      - การพยาบาล ณ จุดเกิดเหตุ ได้แก่การดูแลเรื่องหายใจ และการไหลเวียนของโลหิต รวมทั้งการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างถูกต้อง ใหส้งสัยว่ามีการบาดเจ็บของกระดูกสันหลัง
      - ก่อนเคลื่อนย้าย ต้องจัดท่ากระดูกสันหลังให้นิ่งก่อน โดยให้ผู้บาดเจ็บนอนบนกระดาน และใช้กายอุปกรณ์ประคองกระดูกคอ แล้วเคลื่อนย้ายระมัดระวังและรวดเร็ว
      - การประเมินสภาพของผู้ป่วย
        
        การซักประวัติให้ทราบสาเหตกุารบาดเจ็บเพื่อคาดเดากลไกการบาดเจ็บ
        
        การตรวจร่างกายทั่วไป ครอบคลุมตำแหน่งที่เจ็บปวด กดเจ็บ การผิดรูป
        
        การตรวจหาการบาดเจ็บส่วนอื่นๆ
        
        การประเมินสภาพจิตใจ การตอบสนองต่อการบาดเจ็บไขสันหลัง
      - การประเมินการหายใจ ทำทางเดินหายใจให้โล่ง
      - ตรวจและบันทึกสัญญาณชีพ ทุก 1/2-1 ชั่วโมง
      - การพลิกตัวและการเคลื่อนย้าย
      - การให้ยา ดูแลการให้ยาตามแผนการรักษา
      - ในรายทที่้องอืดดูแลใหง้ดน้ำและอาหาร ทางปาก แล้วใสส่ายยางระบายน้ำและสารเหลวออก
      - ใสส่ายสวนคาปัสสาวะไว้
      - ติดตามเฝ้าระวังการตกเลือด ความรู้สติ สัญญาณชีพ
      - เตรียมส่งผู้ป่วยตรวจรังสี ซึ่งตอ้งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยความระมัดระวัง
      - เตรียมผ่าตัดตามแผนการรักษาตามข้อบ่งชี้
        
        มีแรงกดไขสันหลังจากภายนอก
        
        ความพร่องของระบบประสาทเพิ่มมากขึ้น
        
        กระดูกสันหลังหักแบบเปิด
        
        มีเศษกระดูกหลุดออกและทิ่มแทงเข้าไปในโพรงสันหลัง
        
        มีแผลทะลุเข้าสู่โพรงสันหลังและมีการทำลายไขสันหลัง มีการตกเลือด และมีการทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบ
  - - - มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
      - การสูญเสียการมองเห็นบางส่วน หรือเห็นภาพซ้อน
      - มีปัญหาเกี่ยวกับการพูด
      - อาการชา หรือสูญูเสียความรู้สึกของร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่ง
      - อาการอ่อนแรง หรือมีอาการอัมพฤกษ์ทสี่่วนใดส่วนหนงึ่ของร่างกาย
    - - สมองขาดเลือด (Ischemic Stroke) เกิดจากอุดตันของหลอดเลือดจนทำใหเ้ลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ มัก +ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ภาวะหลอดเลือดสมองตีบ (Thrombotic Stroke) จากเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) โรคหลอดเลอืดขาดเลือดจากการอุดตัน (Embolic Stroke)
      - ชนิดเลือดออกในสมอง (Hemorrhagic Stroke) เกิดจากภาวะหลอดเลือด สมองแตก หรือฉีกขาดทำให้เลือดรั่วไหลเข้าไปในเนื้อเยื่อสมอง
    - - T = time ผู้มีอาการดังกล่าวต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาโดยด่วน ภายใน 3 ชั่วโมง
      - S = Speech มปีัญหาด้านการพูดแม้ประโยคง่ายๆ พูดแล้วคนฟัง ฟังไม่รู้เรื่อง
      - A = Arms ยกแขนไม่ขึ้น 1 ข้าง
      - F = Face เวลายิ้มพบว่ามุมปากข้างหนึ่งตก
    - - ER Triage Nurse คัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการตาม Cincinnati Stroke Screening และเริ่ม stroke fast track เมื่อ onset of symptoms < 4.5 ชั่วโมง
      - ER Nurse ทำ 12-lead ECG และเตรียมอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นสำหรับไปทำ CT บันทึก vital signs ทุก15 นาที เปิด IV fluid 2 เส้น ด้วย catheter No. 18-21 ที่ท้องแขน ติดตามผู้ป่วยไปห้อง CT เตรียมพร้อมที่จะเริ่มยาได้ทันทีเมื่อได้ผล CT
      - Laboratory เตรียมการเร่งด่วนสำหรับ emergency lab รายงานผล lab อย่างทันที
      - Resident / Stroke Attending ติดต่อกลับทันทีที่ได้รับ Stroke Fast Track
        ตรวจวินิจฉัยโรคหรือภาวะที่เป็นข้อห้ามในการให้ยา rtPA ประเมิน severity of neurologic deficit และ ภาวะอื่นๆที่อาจจะ เป็น contraindications ต่อการ ให้ IV rtPA ประเมินค่า NIHSS, ยืนยัน time of onset ที่แน่นอน ตรวจสอบ inclusion และ exclusion criteria และให้เหตุผลถ้ามีข้อห้ามในการให้ยา rtPA อภิปรายข้อดี/ข้อเสียข้อมูลที่ควรให้ของการให้ยา rtPA กับผู้ป่วย และ/หรือญาติ
      - Stroke Unit มั่นใจว่ามีเตียงพร้อมรับผู้ป่วยได้ทันทีและเตรียม monitor ต่างๆให้พร้อม
    - - จัดให้มีพยาบาล /เจ้าหน้าที่คัดกรอง /เวรเปล เคลื่อนย้ายผู้ป่วยเข้าสู่ห้องฉุกเฉินโดยเร็ว
      - การประเมิน นอกจากอาการและอาการแสดง สญัญาณชีพ (vital signs) พิจารณา Basic life support/ Advanced life support อาการแสดงทางระบบประสาท การประเมินระดับความรุนแรงของโรคหลอดเลือดสมองตีบหรอือุดตัน
      - ซักประวัติอาการสำคัญที่มาโรงพยาบาล มีอาการสำคัญที่เกิดขึ้นทันทีทันใด อาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ การมองเห็นผิดปกติ เวียนศีรษะ มีอาการมึนงง ปวดศีรษะรุนแรงโดยไม่มสีาเหตุชัดเจน
      - รายงานแพทย์ทันทีในกรณีต่อไปนี้
        
        สรุปการซักประวัติ
        
        ระดับความดันโลหิต - SBP ≥ 185 mmHg - DBP ≥ 110 mmHg
        
        SpO2 < 94% ผู้ป่วยที่มี ภาวะ cyanosis
        
        ระดับความรู้สึกตัว GCS ≤10 คะแนน
        
        ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการผิดปกติ
        
        อาการอื่น ๆ เช่น อาการเจบ็แน่นหน้าอก ชัก เกร็ง กระตุก เหนื่อยหอบ
      - ส่งตรวจวินิจฉัยโรคตามแผนการรักษา ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ส่งตรวจพิเศษ CT brain non contrast ในการให้ยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำภายใน 4.5 ชั่วโมง หลังมีอาการ
- - - - Tension Pneumothorax ลมรั่วจากปอด อากาศนอกเข้าไปในโพรงเยื่อหุ้มปอด แล้วออกมาภายนอกไม่ได้ เรียกว่า one way valve หากไม่ได้แก้ไขความดันในโพรงเยื่อหุ้มปอดสูงขึ้น ทำให้ปอดแฟบ เกิด mediastinum shift ไปฝั่งตรงข้ามกดเบียดปอดด้านตรงข้าม venous return ลดลง เกิด Hypotension ได้
      - Massive Hemothorax เลือดออกในโพรงเยื่อหุ้มปอด เฉียบพลัน > 1,500 หรือ 1 ใน 3 ของเลือดทั้งหมด หรือหลังใส่ท่อระบาย ICD แล้วมี เลือดออก> 200 ml. /hr. นาน 2-4 hr. อาจพบ Neck vein แฟบจาก Hypovolemia หรือ Neck vein โป่งจากเลือดออกจะไปกดเบียด mediasternum ผู้ป่วยที่ Shock แล้วไม่พบ Breath sound เคาะทึบ (Dullness) ที่ปอดข้างใดข้างหนึ่งให้สงสัยภาวะ Massive hemothorax
      - Cardiac temponade เลือดเข้าไปอยู่ในโพรงเยื่อหุ้มหัวใจ (Pericardial sac) โดย เลือดอาจมาจากหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ เส้นเลือดขนาดใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บ ปริมาณเลือดเพียงเล็กน้อยจะมีผล จำกัดการทำงานของหัวใจได้ การบีบตัวของหัวใจลดลง ทำให้ Cardiac filling ลดลง Cardiac temponade จะค่อยเป็นค่อยไปหรือรวดเร็วได้ ผู้ป่วยจะมีอาการ Neck vein engorge หรือ High CVP พบความดันโลหิตต่ำ เสียงหัวใจเบาลง การวินิจฉัยค่อนข้างยากกับภาวะ Tension Pneumothorax แต่ อาจพบ EKG แบบ PEA
  - - - กรณีตรวจพบกระดูกซี่โครงหักแบบธรรมดา ใช้ผ้าพับใหม่ความกว้าง ประมาณ 2 นิ้วพันบริเวณทรวงอกจนถึงส่วนล่างสุดของซี่โครง ให้แน่นทับบริเวณที่สงสัยกระดูกซี่โครงหัก แล้วอ้อมรอบลำตัว ไปผูกปมบริเวณที่ไม่หัก ก่อนผูกปมให้ผู้บาดเจ็บหายใจออกให้เต็มที่กอ่น
        
        กรณีมีแผลเปิดแล้วมีลักษณะปากแผลถูกดูดขณะหายใจเข้าให้สงสัยว่าเกิดภาวะ Hemothorax ให้ ถ้าซี่โครงหักหลายซี่ในจุดเดียวกันให้นอนทับด้านที่บาดเจ็บเพื่อให้ปอดข้างที่ดีทำงานได้เต็มที่ ถ้าไม่มีการบาดเจ็บอื่นร่วมด้วยหรือไม่รู้สึกตัวให้ทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในท่านั่ง
      - กรณีตรวจพบ Flail chest หาวิธีไม่ให้บริเวณที่หักเกิดการเคลื่อนไหว อาจใช้หมอน รองบรเิวณที่หัก ใช้ผ้าพันรอบทรวงอกเช่นเดียวกับ Fractured Ribs ถ้าบาดเจ็บรุนแรงอาจต้องให้การช่วยเหลือในการหายใจ โดยใช้ mouth-to-mask หรือ bag-valve-mask resuscitation devices และ ให้ ออกซเิจน หรือช่วยฟื้นคืนชีพแล้วนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
      - กรณีตรวจพบ Penetrating Chest Wounds ให้รีบปิดแผลอย่างเร็วที่สุดป้องกันไม่ใหม้ีอากาศเข้าไปในchest cavityมากขึ้น เมื่อปิดแผลอาจหายใจได้ยาก หากพบกรณีดังกล่าวให้เปิดรูมุมด้านหนึ่งของวัสดุที่ปิดแผล หลังจากนั้นให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วย กรณีที่มีมีดปักอยู่ห้ามดึงมีดออกแต่ให้ปิดแผลให้หนาแน่นรอบวัสดุป้องกันอากาศภายนอกเข้าสู่ chest cavity
        
        ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บแต่รู้สึกตัวดีให้จัดท่าผู้ป่วยอยู่ในท่านั่งเพื่อช่วยให้หายใจสะดวก ถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะตอ้ง Immobilize กระดูกสันหลังหรือมีภาวะ Shock ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บทรวงอก ยังคงต้องดูแลให้ได้รับการจัดท่าเพื่อให้หายใจสะดวกและควรให้ออกซิเจน หากผู้ป่วยมีการหายใจผิดปกติหรือหยุดหายใจให้ช่วยการหายใจ หากไม่มีชีพจรให้ช่วยฟื้นคืนชีพทันที
        
        สงสัยว่ามี Tension Pneumothorax หรือ Hemothorax ใน chest cavity ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ผู้ป่วย Massive hemothorax ควรให้ fluid resuscitation ด้วย Crystalloid ด้วยเข็มเบอร์ 16 แพทย์จะทำ Chest decompression โดยใส่ ICD และใหเ้ลือดโดยเร็วที่สุด
    - - ดูแลการไหลเวียน ถ้า Shock ควรให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำหรือให้เลือดในรายที่เสียมาก
      - วัดสัญญาณชีพ เพื่อดูอาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
      - ทางเดินหายใจ และการหายใจ ช่วยให้ผปู้่วยหายใจได้สะดวก ให้ออกซิเจน กรณีหายใจเอง ไม่ได้ให้ใส่ท่อช่วยหายใจ