Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลแบบองค์รวมทารกแรกเกิดที่มีภาวะเสี่ยงและปัญหาสุขภาพ - Coggle…
การพยาบาลแบบองค์รวมทารกแรกเกิดที่มีภาวะเสี่ยงและปัญหาสุขภาพ
กระดูกไหปลาร้าหัก (Fracture clavicle)
-กระดูกสะโพกเคลื่อน (hip dislocation)
-กระดูกไหปลาร้าหัก (Fracture clavicle)
-กระดูกแขนหัก (fracture arm)
-กระดูกขาหัก (fracture leg)
การพยาบาล
-อยู่นิ่งอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
-กระดูกไหปลาร้าหักโดยให้แขนและไหล่ด้านที่กระดูกไหปลาร้าหักอยู่นิ่งพยายามไม่ให้เคลื่อนไหว
-กระดูกต้นแขนเดาะใช้ผ้าตรึงแขนติดลำตัว
-กรณีที่หักอย่างสมบูรณ์รักษาโดยใช้ผ้าพันใช้ผ้าพันรอบแขนและลำตัวหรือใส่เฝือกอ่อนจากหัวไหล่ถึงสันหมัด
-ถ้ากระดูกขาหักซึ่งส่วนมากพบว่าหักตรงลำกระดูกถ้าหักไม่สมบูรณ์ (incomplete fracture)
ถ้าหักแยกจากกัน (complete facture) รักษาด้วยวิธีการใช้แรงตึงกระทำบนผิวหนังโดยตรง (skiri fracture) โดยการดึงให้ขาเหยียดตรงห้อยขาให้กันและสะโพกลอยมานาพื้นเตียง (Bryarit traction) นาน 2-3 สัปดาห์
อัมพาตที่แขน (Brachial plexus palsy
-การทำคลอดใหญ่ที่รุนแรง
-การทำคลอตท่าศีรษะผิดวิธีเช่นทำคลอดโดยการเหยียดศีรษะและคอของทารกอย่างรุนแรง
-การทำคลอดแขนให้อยู่เหนือศีรษะในรายทารกใช้กันเป็นส่วนนำ
Klumpke's paralysis
-เส้นประสาทคู่ที่ได้รับบาดเจ็บคือเส้นประสาทคอคู่ที่ 7,8 และเส้นประสาทที่มาเลี้ยงทรวงอกคู่ที่ 1 (C7,8-T1)-ทำให้ทารกมีข้อมืองอ
-มือบิดเข้าใน Horner's syndrome "รูม่านตาหด (miosis)
-หนังตาตก (ptosis)
-ตาโหวลึก (enophthalmos)
-ต่อมเหงื่อที่บริเวณใบหน้าทำหน้าที่ได้ไม่ดี
Erb-Duchenne paralysis -เส้นประสาทคู่ที่ได้รับบาดเจ็บคือเส้นประสาทคอคู่ที่ 5 และ 6 (Cervical nerve 5-6) กล้ามเนื้อที่ได้รับการกระทบกระเทือนคือกล้ามเนื้อต้นแขน (deltoid) biceps และ brachioradialis
Combined niso Total brachial plexus injury
-เส้นประสาทคู่ที่ได้รับบาดเจ็บคือเส้นประสาทคอคู่ที่ 5 เส้นประสาทที่มาเลี้ยงทรวงอกคู่ที่ 1 (C5-T1)
-ถ้าเส้นประสาทคอคู่ที่ 3 และ 4 (C3-C4) ถูกทำลายร่วมด้วยทำให้มีอัมพาตกระบังลม (paralysis of diaphragm) การรักษา
-ให้เริ่มทำ passive movement เมื่อเส้นประสาทยุบบวม
-โดยทั่วไปจะรอจนกว่าทารกอายุ 7-7-10 วัน
-ในกรณีที่ทารกมีอัมพาตของแขนส่วนล่างหรือมือต้องดามแขนส่วนนั้นในท่าปกติและให้กำผ้านุ่ม ๆ ไว้
-ถ้าเป็นอัมพาตทั้งแขนให้การรักษาเช่นเดียวกัน แต่ควรนวดเบา ๆ และให้ออกกำลังแขน แต่ไม่ควรทำด้วยความรุนแรง
-ให้แขนอยู่นิ่ง (partial immobilization)
เส้นประสาทที่มาเลี้ยงใบหน้าบาดเจ็บ (Facial nerve palsy)
-เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกดในระหว่างที่ศีรษะผ่านหนทางคลอดหรือถูกกด
-จากการใช้คีมช่วยคลอด (forceps extraction)
สาเหตุ-เกิดจากการได้รับบาดเจ็บจากการคลอดโดยเฉพาะในรายที่คลอดยากภาวะแทรกซ้อน
-ในรายที่มีอาการรุนแรงไม่สามารถปิดตาได้อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนคือกระจกตาเป็นแผล
อาการ
-กล้ามเนื้อใบหน้าข้างที่เส้นประสาทเป็นอัมพาตจะอ่อนแรง
-เห็นได้ชัดเจนว่าไม่สามารถเคลื่อนไหวหน้าผากข้างที่เป็นอัมพาตให้ยุ่นได้
-ไม่สามารถปิดตาได้
-เมื่อร้องให้มุมปากจะเบี้ยวไม่สามารถเคลื่อนไหวปากข้างนั้นได้
-กล้ามเนื้อจมูกแบนราบใบหน้าสองข้างของทารกไม่สมมาตรกัน
การรักษา
-ไม่มีการรักษาเฉพาะ
-ส่วนใหญ่อาการจะหายไปได้เอง
-แต่ควรหยอดน้ำตาเทียมให้เพื่อป้องกันจอตาถูกทำลาย
เลือดออกใต้เยื่อบุนัยน์ตา (Subconjunctival hemorrhage)
-การมีจุดเลือดออกที่ตาขาว (sclera) ของทารกแรกเกิด
-มักพบบริเวณรอบ ๆ กระจกตาสาเหตุ
-เกิดจากการที่มารดาคลอดยากศีรษะทารกถูกกด
-หลอดเลือดที่เยื่อบุนัยน์ตาแตกทำให้มีเลือดซึมออกมาการวินิจฉัยตรวจพบมีเลือดออกใต้เยื่อบุนัยน์ตาทารกภายหลังคลอด
การวินิจฉัยตรวจพบมีเลือดออกใต้เยื่อบุนัยน์ตาทารกภายหลังคลอด
การรักษา
-สามารถหายไปได้เองโดยไม่ต้องการการรักษาใช้ระยะเวลา 2-3 สัปดาห์
ก้อนโนเลือดที่ศีรษะ (Cephalhematoma)
-เป็นการคั่งของเลือดบริเวณใต้เยื่อหุ้มกระดูกกะโหลกศีรษะ
-มีขอบเขตชัดเจน
-ก้อนในเลือดที่เกิดขึ้นจะเกิดบนกระดูกกะโหลกศีรษะเพียงขั้นเดียวเท่านั้น
-ไม่ข้ามรอยต่อกระดูกกะโหลกศีรษะพบมากบนกระดูก parietal
สาเหตุ
-เกิดจากมารดามีระยะเวลาการคลอดยาวนาน
-ศีรษะทารกถูกกดจากช่องคลอด
-จากการใช้เครื่องสุญญากาศช่วยคลอดเป็นผลให้หลอดเลือดฝอยบริเวณเยื่อหุ้มกระดูกกะโหลกศีรษะทารกฉีกขาดเลือดจึงซึมออกมานอกหลอดเลือดใต้ชั้นเยื่อหุ้มกระดูกกะโหลกศีรษะ อาการ
-จะปรากฏให้เห็นชัดเจนภายใน 24 ชั่วโมงหลังเกิด
-ลักษณะการบวมจะมีขอบเขตชัดเจนบนกระดูกกะโหลกศีรษะขึ้นโตชิ้นหนึ่ง
-รายที่มีอาการรุนแรงอาจพบอาการแสดงทันทีหลังเกิด
-พบก้อนโนเลือดมีสีดำหรือน้ำเงินคล้ำ
การรักษา
ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนก้อนโนเลือดจะค่อย ๆ หายไปได้เอง
ในรายที่ก้อนเลือดมีขนาดใหญ่อาจรักษาโดยการดูดเลือดออก
ก้อนบวมโนที่ศีรษะ (Caput succedaneum)
-เกิดจากการคั่งของของเหลว
-ระหว่างชั้นหนังศีรษะกับชั้นเยื่อหุ้มกระดูกกะโหลกศีรษะ
-ก้อนบวมโนนี้จะข้ามรอยต่อ (suture) ของกระดูกกะโหลกศีรษะการรักษาสามารถหายได้เองได้ 3 วันถึง 2-3 สัปดาห์
เกิดจากแรงดันที่กดลงบนศีรษะทารกระหว่างการคลอดท่าศีรษะทำให้มีของเหลวซึมออกมานอกหลอดเลือดในชั้นใต้เยื่อหุ้มหนังศีรษะจากการใช้เครื่องสุญญากาศช่วยคลอด (V / E) อาการพบได้บริเวณด้านข้างของศีรษะก้อนบวมโนนี้ทำให้ศีรษะมีความยาวมากกว่าปกติ