Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินและการจำแนกผู้ประสบสาธารณภัย (Triage),…
การพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินและการจำแนกผู้ประสบสาธารณภัย (Triage)
การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบทางเดินอาหาร
การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบทางเดินอาหาร
ลักษณะและอาการแสดง
อาการปวด
การกดเจ็บเฉพาะที่หรือการเกร็งของกล้ามเนื้อท้อง
อาการท้องอืด
ไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของลำไส้
ภาวะฉุกเฉินผู้ป่วย Blunt abdominal trauma
แบ่งความรุนแรงออกเป็น 3 ระดับ
ผู้ป่วยที่มีอาการหนักมาก
ผู้ป่วยที่มีสัญญาณชีพคงที่
ผู้ป่วยที่สัญญาณชีพปกติ ไม่มีอาการของการบาดเจ็บที่ช่องท้องชัดเจน
. ภาวะเลือดออก
จากการฉีกขาดของอวัยวะภายใน ได้แก่ กระบังลม กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่หลอดเลือด
ความดันในเลือดแดงจะลดลง เนื้อเยื่อต่างๆ คือ ไตสมอง หัวใจ ลำไส้จะขาดเลือด
เกิดการบวมของเซลล์ ทำให้เซลล์ขาดออกซิเจน เนื้อเยื่อต่างๆ ขาดเลือด
เสียเลือดเกินร้อยละ 20 - 30 ของปริมาณเลือดในระบบไหลเวียน
Hemorrhagic shock
Mild shock
เสียเลือดน้อยกว่า 20% ของ blood volume
เลือดไปหล่อเลี้ยงผิวหนัง ไขมันกล้ามเนื้อและกระดูก
ซีด ผิวหนังเย็น หนาว ปัสสาวะสีเข้ม ชีพจรเร็วขึ้น ความดันโลหิตปกติ
Moderate shock
เสียเลือด 20-40 % ของ blood volume
เลือดไปเลี้ยง ตับ ลำไส้และไตลดลง
ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตอาจต่ำ
Severe shock
เสียเลือดมากกว่า 40% ของ blood volume
เลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมองลดลง
กระวนกระวาย สะลึมสะลือ หรือหมดสติ ชีพจรเบาหรือคลำไม่ได้ ความดันโลหิตต่ำมากหรือวัดไม่ได้
ขาดทะลุ (Perforate)
อวัยวะที่เป็นโพรงและเกิดการปนเปื้อนของสิ่งที่อยู่ในช่องท้อง
ทำให้มีการรั่วของอาหาร เกิดการอักเสบทั่วช่องท้อง เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายระบบรวมทั้ง
ผู้ป่วยอาจช็อกและเกิด organ failure ได้
การบาดเจ็บช่องท้องสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด
Penetrating trauma
การบาดเจ็บที่เกิดจากของมีคมทะลุเป็นแผล
ส่วนใหญ่ต้องรับการผ่าตัดหากบาดแผลอยู่ใกล้ทรวงอก
พบบ่อยที่ลำไส้เล็ก ตับ
Blunt injury
พบบ่อยที่ลำตับ ม้าม
การบาดเจ็บที่เกิดจากแรงกระแทก
การบาดเจ็บหลายแห่งร่วมกัน (multiple injuries)
การพยาบาลเบื้องต้นในผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินจากบาดเจ็บบริเวณช่องท้อง
การประเมินผู้ป่วย
1) Primary survey
A Airway maintenance with Cervical Spine control การประเมินภาวะของ airway obstruction, foreign bodies, facial
B. Breathing and ventilation ประเมินภาวะการหาใจ
C Circulation with hemorrhagic control เป็นการประเมินการเสียเลือด
D. Disability: Neurologic status คือการประเมิน neurological status
E. Exposure/ Environment control
2) Resuscitation
3) Secondary survey
4) Definitive care
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บช่องท้อง
การดูแลระบบทางเดินหายใจ
1) ประเมินว่าผู้บาดเจ็บได้รับอากาศเพียงพอหรือไม่
2) ดูแลผู้บาดเจ็บให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
3) กำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดการอุดตันของทางเดินหายใจ
4) ส่งผู้ป่วยไปถ่ายภาพรังสีตามแผนการรักษา
การดูแลระบบหัวใจและระบบไหลเวียน
การบรรเทาความเจ็บปวด
การเฝ้าระวัง ประเมินเบื้องต้น คือ ระบบประสาท กลางได้แก่ระดับความรู้สึกตัว ระบบผิวหนังและเยื่อเมือก ระบบสูบฉีดโลหิตและไต
ให้การพยาบาลเพื่อลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยและครอบครัว
บาดเจ็บระบบทางเดินปัสสาวะ
การบาดเจ็บจากการทิ่มแทง
การบาดเจ็บจากการกระแทกหรือแรงอัด
การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบหัวใจและหลอดเลือด
Pulmonary embolism (PE)
พยาธิสภาพ
กลไกที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดมี 3 ปจัจย
(2) มีความผิดปกติของเลือด ที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดได้ง่าย (hypercoagulable states)
(3) มีผนังหลอดเลือดดำที่ผิดปกติเกิดจากมี local trauma
(1) การไหลเวียน ของเลือดลดลงเกิดจากร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว (immobilization) เป็นเวลานาน
PE เป็นภาวะที่เกิดจากการที่มีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหลอดเลือดดำ และหลุดไปอุดที่หลอดเลือดที่ปอด (venous thromboembolism หรือ VTE)
ปัจจัยเสี่ยง
การผ่าตัดในระยะ12 สัปดาห์ที่ผ่านมา
โรคมะเร็ง
เคยเป็ น deep vein thrombosis (DVT)
immobilization นานเกิน 3 วัน ใน 4 สัปดาห์ที่ผา่ นมา
ระยะหลังคลอด 3 สัปดาห์หรือการใช้estrogen
ประวัติครอบครัวเป็ น DVT หรือ PE
กระดูกหักบริเวณขาใน 12 สัปดาห์ที่ผ่านนมา
อาการแสดงทางคลินิก
มีอาการหายใจหอบเหนื่อยมากอย่างกะทันหัน
ใจสั่น แน่นหน้าอก (pleuritic pain)
อาการหน้ามืดเป็นลม หรือหมดส
หายใจเร็ว มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (hypoxemia)
หัวใจเต้นเร็ว และ มีหลอดเลือดดำที่คอโป่ง (elevated jugular venous pressure)
ฟังปอดมักปกติหรืออาจฟังได้เสียงวี๊ด (wheezing)
ฟังปอดมักปกติหรืออาจฟังได้เสียงวี๊ด (wheezing) ในหลอดลม
แนวทางการวินิจฉัยและการส่งตรวจห้องปฏิบัติการ
การซักประวัติตรวจร่างกาย สามารถจะบอกถึงความน่าจะเป็น (pretest probability)ของ PE ได้โดยใช้ wells scoring system
การถายภาพรังสีทรวงอก (chest X-ray)
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (12 leads-ECG)
การตรวจระดับก๊าซในเลือดแดง (arterial blood gas, ABG)
คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (echocardiography)
ค่า biomarkers ต่างๆ ที่พบว่าสูงกว่าปกติ
Troponin-I หรือ T และ Pro-Brain-type natriuretic peptide อาจสูงกว่าปกติได้
การรักษา
Anticoagulation
รักษาโดยการให้ anticoagulation
การให้ heparin ในหลอดเลือดดำ
ให้ยา Coumadin ต่ออีกเวลาประมาณ 3 เดือน
Thrombolytic therapy
กรณี massive pulmonary emboli
ระบบหัวใจและปอดทำงานผิดปกติมีผลกับ haemodynamic อย่างรุนแรง
Caval filter
การใส่ตะแกรงกรอง embolism ใน inferior vena cava
กรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถให้ยา anticoagulationได้ก็
Acute MI
โรคหัวใจขาดเลือด (Ischemicheart disease, IHD)
อาการและอาการแสดง
อาการเจ็บเค้นอก ใจสั่น เหงื่อออก
เหนื่อยขณะออกแรง เป็นลม
หมดสติหรือเสียชีวิตเฉียบพลัน
กลุ่มอาการทางคลินิก2 กลุ่ม
ภาวะเจ็บเค้นอกคงที่ (stable angina)
เจ็บเค้นอกเป็นๆ หายๆ อาการไม่รุนแรง ระยะเวลาครั้งละ 3-5 นาที หายโดยการพักหรืออมยาขยายเส้นเลือดหัวใจ
กลุ่มอาการจากโรคหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง (chronic ischemic heart disease)
ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Acute coronary syndrome, ACS)
กลุ่มอาการโรคหัวใจขาดเลือดที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน
เจ็บเค้นอกรุนแรงเฉียบพลัน หรือเจ็บขณะพัก (Rest angina) นานกว่า 20 นาที
จำแนกเป็น 2 ชนิด
ST elevation acute coronary syndrome
ขาดเลือดเฉียบพลัน ที่พบความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจมีลักษณะ ST segment ยกขึ้นอย่างน้อย 2 leads ที่ต่อเนื่องกัน
Non ST elevation acute coronary syndrome
ชนิดที่ไม่พบ ST segment elevation มักพบลักษณะของคลื่น ไฟฟ้าหัวใจเป็น ST segment depression
อาการนำที่สำคัญที่ผู้ป่วยมาพบแพทย์
กลุ่มอาการเจ็บเค้นอก
การวินิจฉัยโรค
การวินิจฉัยแยกโรค
การซักประวัติ
นึกถึงภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (acute coronary syndrome) ในผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บเค้นอกรุนแรงติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 20 นาที
ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจซ้ำ
การรักษา
นอนพักในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และให้ออกซิเจ
เฝ้าระวังคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, O2 saturation, วัดสัญญาณชีพ
ให้ Aspirin gr V (325 mg) 1 เม็ด เคี้ยวแล้วกลืน
ให้ Isosorbide dinitrate (Isordil) 5 mg อมใต้ลิ้น ถ้าความดันซิสโตลิก > 90 mmHg
เตรียมพร้อมสำหรับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
นำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
เหนื่อยง่ายขณะออกแรง
อาการเหนื่อยขณะออกกำลังที่เกิดขึ้นเฉียบพลันภายใน 1–2สัปดาห์
อาการเหนื่อยขณะออกกำลังที่เกิดขึ้นเรื้อรังเกินกว่า3สัปดาห์ขึ้นไป
กลุ่มอาการของภาวะหัวใจล้มเหลวทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง
3.1 กลุ่มอาการที่เกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
หายใจหอบ นอนราบไม่ได้แน่น อึดอัด
หายใจเข้าไม่เต็มปอด
อาการเหนื่อยขึ้นอย่างเฉียบพลัน
3.2 อาการที่เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง
อาการเกิดจากหัวใจล้มเหลวทั้งซีกซ้าย และซีกขวา
นอนราบไม่ได้ต้องตื่นขึ้นมากลางดึก มีตับโต ขาบวม
อาการเนื่องจากความดันโลหิตต่ำเฉียบพลัน
หน้ามืด เวียนศีรษะเป็นล,มร่วมกับอาการแน่นหน้าอก
จากภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
อาการหมดสติหรือหัวใจหยุดเต้น
เกิดจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
จากหัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นช้า
การวินิจฉัยโรค
ต้องรีบตรวจชีพจรและการเต้นของหัวใจรวมทั้งคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ชนิด 12 lead หลังจากการกู้ชีพสำเร็จ
ควรพิจารณาส่งผู้ป่วย เพื่อตรวจสืบค้นเพิ่มเติม
อาจคิดถึงโรคหัวใจขาดเลือด ในผู้ที่มีอาการหมดสติชั่วคราว (syncope)
การรักษา
การช่วยหายใจ และนวดหัวใจจากภายนอก (cardiac massage)
ต้องทำการกระตุกไฟฟ้าหัวใจด้วยพลังงานสูงสุดสลับกับการกู้ชีพเบื้องต้น
ควรพิจาณาใส่สายกระตุ้นหัวใจชั่วคราว (temporary pacemaker)
ควรให้การรักษาเพื่อแก้ไขภาวะช็อกดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ควรพิจารณาให้การรักษาภาวะหัวใจขาดเลือดดังที่กล่าวมาแล้ว
บทบาทของพยาบาลฉุกเฉิน
ประเมินสภาพผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ตามหลัก OPQRST
O: Onset ระยะเวลาที่เกิดอาการ
P: Precipitate cause สาเหตุชักนำและการทุเลา
R: Refer pain สาหรับอาการเจ็บร้าว
Q: Quality ลักษณะของ อาการเจ็บอก
S: Severity ความรุนแรงของอาการเจ็บแน่นอก
T: Time ระยะเวลาที่เป็น
ประสานงาน
ให้ออกซิเจน เมื่อมีภาวะ hypoxemia (SaO2 < 90% or PaO2 < 60 mmHg)
กำรตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจและการแปลผล
เฝ้าระวังอาการและอาการแสดงของการเกิด cardiac arrest
การพยาบาลกรณี EKG show ST elevation หรือพบ LBBB ที่เกิดขึ้นใหม่
พยาบาลต้องประสานงาน จัดหาเครื่องมือประเมินสภาพและดูแลรักษาผู้ป่วยให้เพียงพ
เตรียมความพร้อมของระบบสนับสนุนการดูแลรักษา
ปรับปรุงระบบส่งต่อผู้ป่วยให้รวดเร็วและปลอดภัย