Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลทารกขาดออกซิเจนเมื่อแรกคลอด, asfiksiya-novorozhdennyh-ot-prichin…
การพยาบาลทารกขาดออกซิเจนเมื่อแรกคลอด
ภาวะขาดออกซิเจนในทารกแรกเกิด
หมายถึง ภาวะที่ทารกแรกเกิดไม่สามารถหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นผลให้ขาดสมดุลของการแลกเปลี่ยนก๊าซ ทำให้มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (hypoxia) มีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ (hypercapnia) และมีสภาพเป็นกรดในกระแสเลือด (metabolic acidosis)
กลไกการเกิด
การไหลเวียนเลือดทางสายสะดือขัดข้อง มีการหยุดไหลเวียนหรือไหลเวียนลดลง เช่น
สายสะดือถูกกดทับขณะเจ็บครรภ์หรือขณะคลอด
ไม่มีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่รก เช่น รก
ลอกตัวก่อนกำหนด ( abruptio placenta) รกมีเนื้อตาย(placenta infarction)
มีการนำออกซิเจนหรือสารอาหารจากมารดาไปยังทารกโดยผ่านทางรกไม่เพียงพอ เช่น มารดาที่มีภาวะความดันโลหิตสูง มารดามีอาการช็อค สูญเสียเลือด ซีด การบีบตัวของมดลูก
นานเกินไปหรือถี่มากไป
ปอดทารกขยายไม่เต็มที่และการไหลเวียนเลือดยังคงเป็นแบบทารกในครรภไ์ม่สามารถปรับเป็นแบบทารกหลังคลอดได้และไม่พัฒนาเป็นแบบผู้ใหญ่ เช่น มีทางเดินหายใจอุดตัน มีน้ำคั่งในปอด มีความสามารถในการหายใจไม่สมบูรณ์ มีการหายใจล้มเหลวเนื่องจากสมองถูกกด
พยาธิสรีรภาพ
เมื่อทารกมีภาวะขาดออกซิเจนร่างกายไม่สามารถดูดซึมออกซิเจนเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดได้ มีระดับแรงดันออกซิเจนในหลอดเลือดแดงเท่ากับหรือน้อยกว่า 40 mmHg มีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะที่สำคัญ ที่สุดในร่างกาย คือ สมอง หัวใจ และต่อมหมวกไต ส่วนอวัยวะอื่นๆจะมีเลือดไปเลี้ยงน้อยลง เริ่มด้วยมีอาการหายใจแบบขาดอากาศ (gasping) ประมาณ 1 นาทีตามด้วยการหายใจไม่สม่ำเสมอและหัวใจเต้นช้าลง ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขทารกจะหยุด หายใจ ซึ่งเป็นการหยุดหายใจครั้งแรก(primary apnea) ถ้าไม่ช่วย กู้ชีพทารกจะพยายามหายใจใหม่อีกครั้งแต่เป็นการหายใจที่ไม่สม่ำ เสมอประมาณ 4-5 นาที แล้วจะทรุดลงไปอย่างรวดเร็วและหยดุหายใจอย่างถาวร (secondary apnea )การขาดออกซิเจนทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาการเผาพลาญโดยไม่ใช้ออกซิเจน เป็นผลให้ร่างกายมีภาวการณ์เผาพลาญเป็นกรด(metabolic acidosis) ซึ่งทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนรุนแรงมากขึ้น ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขที่ถูกต้องภายใน 8 นาทีหลังเกิดการขาดออกซิเจนทารกจะเสียชีวิต
อาการและอาการแสดง
ระยะตั้งครรภ์หรือก่อนคลอด
ทารกมีการเคลื่อนไหวมากกว่าปกติและต่อมาจะมีการเคลื่อนไหวน้อยลงกว่าปกติ อัตราการเต้นของหัวใจทารกในระยะแรกจะเร็วมากกว่า 160คร้ัง/นาทีต่อมาจึงช้าลง
ระยะคลอด
พบขี้เทาปนในน้ำคร่ำ
ระยะหลังคลอด
แรกคลอดทันทีมีคะแนน APGAR ต่ำกว่า 7 ตัวเขียว ไม่หายใจเอง ตัวนิ่ม อ่อนปวกเปียก ปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นลดลง หัวใจเต้นช้า
การเปลี่ยนแปลงในปอด การขาดออกซิเจนทำให้หลอดเลือดในปอดหดตัว ความดันเลือดในปอดสูงขึ้น เลือดไปเลี้ยงปอดได้น้อยลง การทำงานของเซลล์ปอดเสียไป ทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนดเกิดภาวะ RDS ส่วนทารกที่คลอดครบกำหนดจะเกิดภาวะ persistent pulmonary hypertention of the newborn (PPHN) ทำให้ทารกมี
อาการหายใจหอบ ตัวเขียว
การเปลี่ยนแปลงในระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือด การขาดออกซิเจน ในระยะแรกร่างกายจะส่งเลือดไปเล้ียงสมอง หัวใจและต่อมหมวกไต แต่ลดปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงผิวหนัง ลำไส้กล้ามเนื้อและไต ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว ผิวซีด หายใจแบบ gasping มีmetabolic acidosis อุณหภูมิร่าง กายต่ำลง ความดันโลหิตต่ำ
การเปลี่ยนแปลงในระบบประสาท ถ้าขาดออกซิเจนนานทารกจะซึม หยุดหายใจบ่อย หัวใจเต้นช้าลง ม่านตาขยายกว้างไม่ตอบสนองต่อแสง ไม่มีDoll’s eye movement และมักเสียชีวต
การเปลี่ยนแปลงในสมองเรียกว่า hypoxic
ischemic encephalopathy (HIE)
สูญเสียกำลังกล้ามเนื้อ พบได้ในช่วงอายุ 2-3 ชั่วโมงแรก ในตอนแรกจะมี
กล้ามเนื้ออ่อนแรงเล็กน้อย ดูดนมไม่ดี
ชัก มักเริ่มเห็นภายใน 12-24 ชั่วโมง เริ่มด้วยอาการชักแบบ subtle seizure คือ ทำปากขมุบขมิบหรือกระพริบตาถี่ๆ
ระดับความรู้สึกตัวผิดปกติ
การเปลี่ยนแปลงในระบบทางเดินอาหาร ลำไส้จะบีบตัวแรงชั่วคราว ทำให้ทารกถ่ายขี้เทาขณะอยู่ในครรภ์มารดา จึงเสี่ยงก่อการสำลักขี้เทาเข้าปอด
การเปลี่ยนแปลงทางเมตาบอลิซึม หลังจากขาดออกซิเจน ทารกมักจะเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ แคลเซียมต่ำ และโปแตสเซียมสูง มีผลทำให้ทารกชักและเสียชีวิต
การเปลี่ยนแปลงในระบบทางเดินปัสสาวะ ทารกจะมีปัสสาวะน้อยลง
หรือไม่ถ่ายปัสสาวะหรือถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด (hematuria)
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ค่า arterial blood gas ผิดปกติ คือ PaCO2 > 80 mmHg, PaO2 < 40
mmHg, pH < 7.1
ระดับน้ำตาลในเลือด 30 mg%
ค่าของ calcium ในเลือดต่ำกว่า 8 mg%
ค่าของ potassium ในเลือดสูง
การพยาบาล
เตรียมทีมบุคลากร เครื่องมือให้พร้อมก่อนคลอด ในรายที่มารดามีภาวะเสี่ยงหรือมีอาการแสดงที่น่าสงสัยว่าจะเกิด asphyxia
ดูดสิ่งคัดหลั่งให้มากที่สุดก่อนคลอดลำตัว
เช็ดตัวทารกให้แห้งทันทีหลังคลอดและห่อตัวรักษาความอบอุ่นของร่างกาย เพื่อลดการใช้ออกซิเจน
บันทึกอัตราการหายใจ การเต้นของหัวใจทารกภายหลังคลอด
สังเกตอาการขาดออกซิเจน เช่น ริมฝีปากและปลายมือปลายเท้าซีด เขียว หายใจปีกจมูกบาน หายใจออกมีเสียงคราง หน้าอกบุ๋ม เพื่อให้การช่วยเหลือและปรึกษาแพทย์ต่อไป
ดูแลให้ได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการและได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์
ดูแลให้ได้รับอาหารและสารน้ำตามแผนการรักษาของแพทย์
ดูแลความสะอาดของร่างกาย
ดูแลให้พักผ่อน
10.ส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารก
การวินิจฉัย
ประวัติการคลอด
การตรวจร่างกาย การประเมินคะแนน APGAR
สีผิว
อัตราการหายใจ
การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
การตอบสนองเมื่อถูกกระตุ้น
อัตราการเต้นของหัวใจ
อาการและอาการแสดง
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การรักษา
การให้ความอบอุ่น
ทำทางเดินหายใจให้โล่ง (clearing the airway)
การกระตุ้นทารก(tactile stimulation)
การให้ออกซิเจน
การช่วยหายใจ(ventilation)การช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก
การใส่ท่อหลอดลมคอ
1) เมื่อต้องช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกเป็นเวลานาน
2) เมื่อช่วยหายใจดว้ย mask และ bag แล้วไม่ได้ผล
3) เมื่อต้องการดูดสิ่งคัดหลั่งในหลอดลมคอ กรณีที่มีขี้เทาปนเปื้อนน้ำคร่ำ :
4) เมื่อต้องการนวดหัวใจ
5) ทารกมีไส้เลื่อนกระบังลม หรือน้ำหนักตัวน้อยกว่า 1,000 กรัม
การนวดหัวใจ(Chest compression)
อัตราการเต้นของหัวใจ
ทารกยังคงน้อยกว่า 60 ครั้ง/นาที
การให้ยา (medication)