Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

3.5, 3.6, 3.7,3.8การพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินและจำแนกผู้ป่วยผู้ประสบสาธารณภ…

- - - - บาดเจ็บที่เกิดจากการกระแทก เช่น รถชน ตกจากที่สูง
    - - เกิดจากของมีคมทะลุเป็นแผล
  - - - ปวดจากการฉีกของผนังท้อง หรืออวัยวะภายในได้รับอันตราย
    - - แสดงถึงการตกเลือดจากการบาดเจ็บอวัยวะภายใน
        
        ต้องรีบผ่าตัด
    - - บ่งชี้ได้รับบาดเจ็บที่ตับ ม้าม
    - - นึกถึงการตกเลือดที่อวัยวะภายใน
  - - - มีสาเหตุมาจากการเสียเลือดเกิน ร้อยละ20-30 ของปริมาณเลือดในระบบไหลเวียนเลือด
    - - อวัยวะที่เป็นโพรงและเกิดการปนเปื้อนของสิ่งที่อยู่ในท้อง
        
        ในกลุ่มนี้ทำให้มีการรั่วของอาหาร
      - Pt.มักปวดรุนแรง ปวดทั่วท้อง กล้ามเนื้อหน้าท้องเกร็ง ปวดมากเวลาเคลื่อนไหว ท้องอืด
        
        ถ้าอักเสบรุนแรงอาจเกิดภาวะช็อก และเกิด orgen failure
  - - - ประเมินผู้บาดเจ็บได้รับอากาศเพียงพอ ไม่มีการอุดตัน
    - - โดยเฉพาะ Blunt abdominals trauma
      - ควบคุมค่าความอิ่มตัวของออกซิเจน>90%
        
        หายใจได้เองให้ออกซิเจน อัตรา8-9ลิตร/นาที
      - ช็อกไม่รู้สึกตัว รีบรายงานแพทย์ใส่เครื่องช่วยหายใจ
    - - ดูแลให้สารน้ำทดแทน ให้ Lactate ringer หรือ 5% D/N/2
      - ใส่สายสวนปัสสาวะ ติดตามบันทึกทุก1ชม.
        
        จำนวนปัสสาวะไม่น้อยกว่า 0.5 -1cc. /น้ำหนักตัว1กก./1ชม.
      - ใส่ NG tube ตามแผนการรักษา
        
        บันทึกสี ลักษณะ จำนวน
      - กรณีมีเลือดในช่องท้อง
        
        เจาะเลือด ส่งตรวจหาค่าฮีโมโกลบิน ฮีมาโตคริท จำนวนเม็ดเลือดแดง เกร็ดเลือด และหมู่เลือด
    - - Primary survey ใช้เวลาไม่เกิน 1นาที
        
        ที่สำคัญ Exposure การถอดเสื้อผ้าของผู้ป่วยตรวจหาร่องรอย
        
        ต้องระวังภาวะ hypothermia
      - Resuscitations
        
        เป็นการแก้ไขภาวะ immediate life threatening conditions
      - Secondary survey
        
        เป็นการตรวจละเอียด head to toe
      - Definitive care
        
        จัดลำดับความสำคัญของ safe life เป็นอันดับแรก
- - - - จะมีความเข้มขึ้นน้อยกว่าเลือด(พลาสมา)
        
        น้ำเข้าอยู่ในปอดจำนวนมาก จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดทันที
        
        ทำให้หัวใจวาย
        
        เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก hemolysis
    - - สำลักน้ำเข้าสู่ปอดเกิดภาวะปอดบวมน้ำ pulmonary edema
        
        เกิดภาวะช็อก
        
        คนจมน้ำมักตาย เนื่องจากขาดอากาศหายใจมากขึ้น
  - - - อายุ การสูดหายใจเข้าเต็มที่ก่อนจมน้ำ Diving reflexes
        รัประทานอาหารอิ่มใหม่ เมาสุรา
    - - การสูดสำลักน้ำเข้าเต็มปอดจะทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว
        
        ข้อดีการเผาผลาญลดลง brain anoxia ช้าลง
    - - ภายใน 10 นาทีโอกาสรอด 90%
      - ภายใน5นาที โอกาสรอด 96%
  - - - ผู้ป่วยสูดสำลักน้ำเข้าไป
        
        Tonicity ของสารน้ำ
        
        Hypotonic solution ได้แก่การจมน้ำจืด Pulmonary edema
        
        ทำให้ surface tension ลดลง เกิดภาวะ Atelectasis เกิดภาวะHypoxia
        
        Hypertonic solution
        
        จมน้ำทะเล เกิด pulmonary damage
        
        เกิด lung compliance ลดลง และ pneumonitis
    - - เกิดภาวะ circuratory arrest ทำให้
        cerebral perfusion ลดลง
        
        ทำให้สมองขาดเลือด ischemic brain
    - - น้ำจืด
        
        มีความเข้มข้นน้อยกว่าพลาสมา น้ำที่อยู่ในปอดจำนวนมากถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดทันที
        
        มีผลทำให้ระดับเกลือแร่ในเลือดลดลง
        
        ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจวาย
        และอาจเกิดhemolysis
      - น้ำเค็ม
        
        มีความเข้มข้นมากกว่าเลือด
        
        ทำให้เกิดภาวะปอดบวม Pulmonary edema
        
        ระดับเกลือแร่ในเลือดสูงเกิดหัวใจวายได้
    - - Acidosis
        
        จาก เยื่อถุงลมอักเสบ, ถุงลมขาดsurfactant, atelectasis, pulmonary Edema
        
        PO2 metabolic acidosis
        
        PCO2 respiratory acidosis
      - น้ำจืด
        
        เกิด hyponatremia, hypochloremia, hyperkalemia
      - น้ำเค็ม
        
        เกิด hyponatremia, hypochloremia, hypermagnesemia
    - - อุณร่างกายจะลดต่ำลงตามอุณหภูมิของน้ำ
        
        ผลกระทบ
        
        T37-35 องศา หนาวสั่น ทรงตัวไม่อยู่
        
        T35-32องศา สับสน หัวใจเต้นเร็ว
        
        T32-28องศา เกร็ง หัวใจเต้นช้า หายใจช้า
        
        T28-25 องศา หมดสติ หัวใจเต้นผิดปกติ
        
        T25-21 องศา หยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น
  - - - กระตุ้นให้หายใจลึกๆ
      - ปลอบโยนให้คลายความตกใจ
      - ดูแลร่างกายให้อบอุ่น
      - แนะนำไปพบแพทย์เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
    - - ให้ทำการเป่าปากช่วยหายใจทันที
        
        อย่ามัวเสียเวลาเอาน้ำออกปอด
        
        ให้ทำการผายลมปอดด้วยการเป่าปากต่อไป
        
        จนกว่าผู้ป่วยจะหายใจได้เองจึงนำส่งโรงพยาบาล
        
        เมื่อเป่าปากไปสักพัก
        
        ถ้ารู้สึกลมเข้าปอดไม่เต็มที่อาจจับให้นอนคว่ำ แล้วใช้มือ 2ข้าง วางอยู่ใต้ท้องผู้ป่วย
        
        ยกท้องขึ้นจะช่วยไล่น้ำออกจากท้องให้ไหลออกปากได้
    - - ควรจับผู้ป่วยนอนตะแคงข้าง
        
        อย่าให้ผู้ป่วยกินอาหารและน้ำดื่มทางปาก
- - - - การ control bleeding ดีที่สุดคือ
        
        Direct pressure ด้วย sterile pressure dressing
    - - ให้ทำการ Splint ให้เหมาะสม เพื่อลดอาการปวด
    - - พยาบาลควรทำ Immobilization
        
        โดยใส่ splint ให้ครอบคลุมข้อบน และข้อล่างของตำแหน่งที่กระดูกหัก
  - - - สาเหตุการเกิด ระยะเวลา สถานที่ การรักษาเบื้องต้น
    - - จะตรวจพบอาการปวด กดเจ็บ บวมผิดรูป คลำพบเสียงกระดูกขัดสีกันเมื่อขยับ มองเห็นกระดูกผิดรูป ไม่สามารถใช้อวัยวะแขนขาได้
      - การตรวจผู้ป่วยอุบัติเหตุมี 3 ลักษณะ
        
        1.การตรวจและรักษา Life threatening และ Resuscitations
        
        การตรวจคร่าวๆ เพื่อscreening test ใช้ระยะเวลาสั้นๆ
        
        กระดูกเชิงกราน และกระดูกซี่โครง
        
        หากผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดแสดงว่าอาจเกิดอาการหักของกระดูกซี่โครง
        
        กดบริเวณ Pubic symphysis ถ้ากระหักผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บปวด
        
        การเอกซเรย์
        
        ทำเมื่อผู้ป่วยปลอดภัยพ้นขีดอันตรายแล้ว
        
        ถ่ายx-Ray 2ท่าในแนวตั้งฉาก Anterior-posterior
        
        ถ่ายให้ครอบคลุมส่วนปลานที่หักทั้ง2ข้าง
  - - - ประเมินกระดูกหัก ข้อเคลื่อน
    - - เป็นการจัดกระดูกให้เข้าที่
        
        จะไม่จัดกระดูกใน Impacted fracture
        
        กระดูกเลื่อนหลุดกลายเป็น Displaced fractureได้
        
        การจัดมีแบบ Close reduction และ Open reduction
    - - เป็นการประคองให้กระดูกอยู่นิ่งกับที่โดยให้กระดูกติดกันแบบธรรมชาติ
        
        ใช้บ่อย casting traction internal fixation External fixation
    - - การฟื้นฟูสมรรถภาพของส่วนที่บาดเจ็บ
    - - แก้ไขซ่อมแซมส่วนที่สูญเสีย หรือภาวะแทรกซ้อนให้กลับมาดีขึ้น
    - - ส่งต่อรักษา
  - - - มี pelvic fracture ร่วมกับภาวะ hypovolemic shock
        
        ต้องคำนึงถึงภาวะ unstable pelvic fracture
      - ตรวจร่างกาย
        
        ดู จะพบ progressives flank
        
        พบ scrotum และ perineum
        
        คลำพบกระดูก Pelvic แตก PR examination
        
        พบ high-riding prostate gland
        
        มีเลือดออกบริเวณ Urethral meatus
        
        การเคลื่อนไหว
        
        พบขาข้างที่ผิดปกติสั้น
        
        ระบบไหลเวียนเลือด
        
        ความดันโลหิตต่ำ
      - การช่วยเหลือเบื้องต้น
        
        Control bleeding โดยการทำ stabilization Pelvic
    - - การฉีกขาดของหลอดเลือด การบาดเจ็บแบบBlunt trauma
      - ลักษณะการบาดเจ็บหลอดเลือดแดงเรียกว่า Hard sign
        
        ภาวะ shock หลังจากรักษาภาวะ shock แล้วจึงต้องประเมินซ้ำเปรียบเทียบกับข้างปกติ
      - การช่วยเหลือเบื้องต้น
        
        พยาบาลควรทำ Direct pressure บริเวณแผลเพื่อหยุดเลือด
    - - การบาดเจ็บกล้ามเนื้อรุนแรง
        
        เกิดภาวะ Rhabdomyolysis จะพบอาการตั้งแต่
        
        Creatinin kinase สูง เกิดRenal failure
        และDLC เสียชีวิตได้
      - อาการที่พบ
        
        Dark urine, Metabolic acidosis,hyperkalemia
      - การช่วยเหลือเบื้องต้น
        
        พิจารณาให้sodium bicarbonate
        
        เพื่อช่วยลด myoglobin ที่ไปทำลาย tubular system
        
        ระหว่างที่ให้สารน้ำและยา จะประเมิน Urine output ให้ได้ 100 cc./hr. จนกว่าปัสสาวะจะใส
- - - - อาการมืนงง วิงเวียนศีรษะ รู้สึกร้อนหรือหนาว ตีบแน่นในลำคอ ปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ความอยากอาหารลดลง
    - - ไม่หลับไม่นอน หลับๆตื่นๆ ฝันร้าย ตกใจง่าย ร้องไห้ไม่มีสาเหตุ เฉยเมย แยกตัว หวาดระแวง พึ่งสิ่งเสพติดมากขึ้น
    - - ช็อก ไม่ยอมรับสิ่งที่เห็น วิตกกังวล กล้า เศร้า โกรธ ฉุนเฉียว โทษตัวเองหรือผู้อื่น คาดเดาไม่ได้
    - - สับสน มึนงง ไม่มีสมาธิ มีปัญหาด้านความจำ ภาพจำผ่านเข้ามาวูบวาบ
        
        เกิดขึ้นและลดหายภายใน1เดือน ไม่หายพบจิตแพทย์
  - - - มึนงง สับสน หลงลืม จำไรไม่ได้ ความคิดแตกกระจาย ไม่สามารถเชื่อมโยงความคิด ปฏิเสธ ไม่ยอมรับ
        
        ทางกายมือสั่น ใจสั่น ตัวสั่น หายใจถี่
    - - ลักษณะตะโกนด่า กระวนกระวายเดินไปเดินมา ทำร้ายตัวเอง กล่าวโทษบุคคลอื่น ขู่ฆ่า
        
        การกระทำกำมือ ขบกราม เกร็ง ตาขวาง
    - - พูดซ้ำๆ พูดรุกเร้าขอให้ช่วย เรียกร้องต่อรอง
        
        อาจคาดหวังปฏิหาริย์ บนบานศาลกล่าว
        
        ใช้คำพูดหลอกตัวเอง
    - - เศร้า ร้องไห้ ปากสั่น ไม่พูดจา หมดเรี่ยวแรง ยืนไม่ไหว
        
        อารมณ์เศร้าเกิดขึ้นพร้อมกับรู้สึกผิด โทษตัวเอง
  - - - เกิดความหวาดกลัว หวาดผวา
        
        ไม่สามารถทำงานได้ เกิดปัญหาทางด้านจิตเวช
        
        มองดูตัวเองไรค่าที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองหรือญาติ ในเหตุการณ์ได้
    - - นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ เนื่องจาก นอนไม่หลับฝันร้ายในตอนกลางคืนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    - - ไม่สนใจตัวเองและสิ่งแวดล้อม แยกตัว
  - - - รพ.สต. อสม. เจ้าหน้าที่มูลนิธิ ตัวแทน อปท. แกนนำชุมชน เช่นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
    - - จิตแพทย์ พยาบาลจิตเวช นักจิตวิทยาคลินิก จิตแพทย์ นักสังคมสงเคราะห์ เภสัช นักวิชาการสาธารณสุข ตำรวจ ทหาร
    - - จิตแพทย์ พยาบาลจิตเวช นักจิตวิทยาคลินิก จิตแพทย์ นักสังคมสงเคราะห์ เภสัช นักวิชาการสาธารณสุข ตำรวจ ทหาร
    - - ให้คำปรึกษาและสนับสนุนแก่ทีม MCATTในพื้นที่
  - - - เตรียมพร้อมทั้งระดับบุคคล องค์กรและชุมชน
        
        จัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต
        
        จัดทีมเพื่อช่วยเหลือเยียวยาจิตใจ
    - - a.ระยะวิกฤติ 72ชม.แรกหลังเกิดเหตุ
        
        เครียด กลัว หวาดผวา ช็อค สับสน
        
        ผู้ประสบภาวะวิกฤติจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
        
        มุ่งขอความช่วยเหลือเฉพาะหน้า
        
        เป็นระยะที่สำคัญ ต้องให้การพยาบาลทางด้านจิตใจ
      - ระยะฉุกเฉิน 72ชม.-2สัปดาห์
        
        ผู้สูญเสียและผู้รอดชีวิตจะมองโลกในแง่ดี
        
        การช่วยเหลือหลั่งไหลเข้ามา
        
        ผู้ประสบภาวะวิกฤติเกิดกำลังใจ
    - - 1.เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤติ ทีม MCATT
        
        ลงพื้นที่ช่วยเหลือทางกายเพื่อประเมินด้านสุขภาพจิต
      - 2.คัดกรองและค้นหากลุ่มเสี่ยง
        
        โดยใช้เวชระเบียน และปฐมพยาบาลทางด้านจิตใจ
      - 3.สำรวจความต้องการช่วยเหลือทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
        
        ช่วยเหลือเยียวยาทางด้านจิตใจ โดยใช้ วิธี PEF สร้างสัมพันธภาพกับผู้ประสบภาวะวิกฤติ สำรวจความต้องการ
      - 4.กรณีพบความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิต
        
        ให้จดทะเบียนกลุ่มเสี่ยงวางแผนติดตามต่อเนื่อง
      - 5.สรุปสถานการณ์เบื้องต้นพร้อมทะเบียนกลุ่มเสี่ยง
  - - - สังเกตฤติกรรมและภาษาท่าทาง
        
        Nonverbal ได้แก่ แววตา ท่าทาง การเคลื่อนไหว
        
        Verbal ได้แก่ พูดสับสน ด่าทอ ร้องขอความช่วยเหลือ
        พูดซ้ำ
      - สร้างสัมพันธภาพ
        
        มีท่าทีสงบนิ่ง มีการแนะนำ มีการมองหน้าสบตา รับฟังด้วยท่าทีที่สงบ
      - การสื่อสาร
        
        พูดคุยเบื้องต้น โดยเน้นถึงความรู้สึกขณะนั้น
    - - โดยใช้หลักการประเมิน 3 ป.
        
        ประเมินและตอบสนองความต้องการทางด้านร่างกาย
        
        บาดเจ็บทางด้านร่างกายต้องบรรเทาความเจ็บปวด
        โดยใช้ยา
        
        มีอาการอ่อนเพลีย ควรให้น้ำดื่ม หาอาหารให้รับประทาน
        
        เป็นลม ควรจัดหายาดมแอมโมเนีย ผ้าเย็นเช็ดหน้า
        
        สิ่งแวดไม่ปลอดภัย เช่นมีเศษแก้วควรเคลื่นย้ายผู้ป่วยไปในที่ปลอดภัย
        
        ประเมินทางด้านจิตใจ
        
        ผู้ประสบปัญหาอยู่ในภาวะช็อกปฏิเสธ
        
        ดูแลร่างกายให้อยู่ในสถานที่สงบ ปลอดภัย
        
        จิตใจใช้เทคนิคการสัมผัส
        
        สังคม สอบถามความต้องการ
        
        ผู้ประสบภัยอยู่ในภาวะโกรธ
        
        ดูแลทางการ จัดสถานที่ปลอดภัย ดูแลอย่างใกล้ชิด
        
        ดูแลทางจิตใจ ให้ระบายความรู้สึก ใช้ทักษะการฟังอย่างตั้งใจ
        
        ผู้ประสบปัญหาอยู่ในภาวะต่อรอง
        
        อดทนรับฟัง สนองความต้องการ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
        
        ผู้ประสบปัญหาอยู่ในภาวะเสียใจ
        
        ใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้า
        
        ใช้การสัมผัส
        
        หาสิ่งยึดเหนี่ยวในชีวิต
        
        ประเมินภาวะการฆ่าตัวตาย
        
        ผู้ป่วยรับฟังมากขึ้น ยอมรับข้อมูล
        
        อารมณ์สงบ
        
        ลดเงื่อนไขการต่อรองลง
        
        ประเมินความต้องการทางสังคม
        
        ผู้ประสบภาวะวิกฤติต้องการพบญาติ
        
        ผู้ประสบภาวะวิกฤติไร้ญาติขาดมิตร
        
        ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
        
        ผู้ประสบภาวะวิกฤติต้องการความช่วยเหลือด้านการเงิน
        
        ติดต่อพัฒนาสังคม บรรเทาสาธารณภัยจังหวัด
    - - a.การฝึกกำหนดลมหายใจ Breathing exercise
        
        ลดการหายใจถี่แรง ใจสั่น
      - b.การสัมผัสกาย touching skill
        
        แตะมือ แตะบ่า บีบนวดเบา คำนึงถึงความเหมาะสมในแต่ละวัย
      - C.ทักษะการ Grounding
        
        เรียกสติกลับคืนมา
      - d.การนวดสัมผัส และการนวดกดจุดคลายเครียด
        
        สร้างความรู้สึกอบอุ่นใจปลอดภัย เพื่อดึงสติกล้บคืนมา
      - e. ลดความปวดทางใจ
        
        ฟังอย่างตั้งใจ Active Listening
        
        ประสบเหตุการรุนแรง พูดกวน ให้สรุปประเด็นเป็นช่วงๆ
        
        ใช้ท่าที่ที่เป็นมิตร
        
        สะท้อนความรู้สึก
        
        ใช้ภาษาเรียบง่าย สงบ ปราศจากการตัดสินใจ
        
        การเงียบ
        
        ต้องพิจารณาว่าการเงียบที่เกิดขึ้นนั้นเป็น
        ทางบวกหรือทางลบ
        
        การทวนซ้ำ
        
        ผู้ป่วยบอกเล่าอีกครั้งโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงภาษาความรู้สึกที่แสดงออก เพื่อผู้ป่วยเข้าใจชัดเจนในสิ่งที่ปรึกษา
      - f. เสริมสร้างทักษะ
        
        ทำกิจกรรม หลีกเลี่ยงการหมกหมุ่น พยายามทำกิจวัตรประจำวันให้ได้มากที่สุด จัดตารางกิจกรรมที่สร้างความสุข
    - - ต.1 ตรวจสอบความต้องการ
        
        ตรวจสอบความต้องการและการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
      - ต.2 เติมเต็มความรู้
        
        ให้ความรู้เบื้องต้น และผลกระทบทางจิตใจที่อาจเกิดขึ้น พร้อมบอกวิธีการปฏิบัติตัว
      - ต.3 ติดตามต่อเนื่อง
        
        ร่วมกันวางแผนและหาแนวทางการช่วยเหลือเพิ่มเติม