Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
3.2 การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบประสาท และ 3.3 การพยาบาลในระบบหายใจ,…
3.2 การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบประสาท
และ 3.3 การพยาบาลในระบบหายใจ
3.2 การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบประสาท
การบาดเจ็บที่ศีรษะและสมอง
ข้อมูลสำคัญในการส่งต่อ
Neurological examination
การบาดเจ็บอื่นร่วมด้วย
Cardiovascular status
ผลการตรวจเลือด, CT brain
กลไกการบาดเจ็บ
ข้อมูลการรักษาเบื้องต้น
อายุ
ชนิดการบาดเจ็บศีรษะและสมอง
ความรุนแรง
Moderate head injury GCS 9-12
Severe head injury GCS 3-8
Mild head injury GCS 13-15
พยาธิสภาพส่วนต่างๆของสมอง
Skull frature
Intracranial lesion
กลไกการบาดเจ็บ
Blunt injury
Penetrating injury
หลักสำคัญในการพยาบาลผู้ป่วย
ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ให้ brain perfusion
ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว
ควรรีบวินิจฉัยตำแหน่งของสมองที่บาดเจ็บ
การป้องกัน Secondary brain injury
ให้ออกซิเจนอย่างเพียงพอ
สาเหตุการตายกับการบาดเจ็บศีรษะ
IICP
โรคแทรกซ้อนนอกกะโหลกศีรษะ
สมองบาดเจ็บเบื้องต้น
การบาดเจ็บที่ศีรษะ concussion
การพยาบาลเบื้องต้นในผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
ผู้ป่วย GCS 9-12
มีการบาดเจ็บบริเวณใบหน้า
จะเกิดอาการComa ร้อยละ10-20
ปวดหัวมาก ชัก อาเจียน
การดูแลผู้ป่วย
แพทย์จะส่งผู้ป่วยทํา CT Brain และ Admit เพื่อสังเกต Neurological signs
แพทย์จะทํา CT Brain ซำ้ ในช่วง12-24 ชั่วโมงแรก
ประเมินสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
มีอาการอารมณ์เปลี่ยนแปลง
ผู้ป่วย GCS 3-8
ผู้ป่วยที่มีภาวะ Hypotension โอกาสเสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า
ผู้ป่วยที่มีทั้ง Hypotension และ
Hypoxia มีโอกาสเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ75
มีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก
แพทย์จึงรีบทําการวินิจฉัยและส่งผู้ป่วยจะทํา CT Brain ทันที
มีอาการระดับความรู้สึกตัวลดลง
ผู้ป่วย GCS 13-15
ประเมินอาการได้ยาก
เกิด Talk and die ร้อยละ 3
หมดสติชั่วขณะ
หากพบ loss of conscious นานกว่า 5 นาที
แพทย์พิจารณาทำ CT brain
มีภาวะ Amnesia
คำแนะนำและการดูแลผู้ป่วย
ในรายที่หลับตลอดเวลา ควรปลุกตื่นทุก 1-2 ชั่วโมง ช่วยตรวจสอบการระดับความรู้สึก
เพื่อจะสามารถช่วยเหลือได้ทันทีถ้าอาการเลวลง
ให้รับประทานยาแก้ปวดพาราเซตตามอลได้ทุก 4-6 ชั่วโมง
ถ้ามีอาการปวดศีรษะมาก
จัดท่าให้นอนหนุนหมอน 3 ใบ หรือนอนศีรษะสูง 30 องศา
เพื่อช่วยการไหลกลับของเลือดดำจากสมองและ
จัดลำคอให้อยู่ในแนวครง ป้องกันการเกิดความดันสมองสูง
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่ปรึกษาพร้อมเบอร์โทรศัพท์เมื่อผู้ดูแลเกิดปัญหาขึ้นจะสามารถช่วยเหลือผู้ดูแลได้
การสังเกตอาการผิดปกติ แล้วนำส่งโรงพยาบาลทันที
มีอาการชักเกร็ง
เวียนศีรษะ
หายใจเร็วหรือช้า
อาเจียนพุ่ง
สับสนหรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง
สายตาพร่ามัว
บาดแผลบวมขึ้น
มึนศีรษะเล็กน้อย
มีแผลฉีกขาดเล็กน้อย
Primary Survey with Resuscitation
Circulation
ตรวจร่างกายระบบประสาทในผู้ป่วยความดันโลหิตตำ่
จะเชื่อถือไม่ได้
ควรหลีกเลี่ยงสารละลายhypotonic
อาจทําให้เกิดภาวะ hyponatremia
สาเหตุของความดันโลหิตตำ่
Open fracture
Pelvic hematoma
Scalp laceration
Multiple injury
ควรหลีกเลี่ยงสารละลายที่มีกลูโคส
เพราะอาจทําให้เกิด hyperglycemia
ความดันโลหิตตำ่ทําให้การทํางานของสมองเลวลง
สารน้ําที่เหมาะสม คือ normal saline หรือ ringer lactate
Breathing
หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออาจเสียชีวิตได้
แพทย์จะทําการใสท่อช่วยหายใจ
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Secondary brain injury มาก
ใช้เครื่องช่วยหายใจด้วยออกซิเจน100%
ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักเกิดการหยุดหายใจ
ในระยะสั้นๆ(Transient respiratory arrest)
รักษาระดับ SpO2 มากกว่า 98%
การทํา Hyperventilation
มีอาการ IICP ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น
ผู้ป่วยที่มีอาการทางระบบประสาทเลวลงอย่างรวดเร็ว
ผู้ป่วยที่มีอาการ brain herniation
Glasgow coma score ลดลง หรือ pupils dilatation
Airway with Cervical spine control
ในผู้ป่วยหมดสติที่สวมหมวกกันน๊อค(Helmet)
คนที่สอง ใช้มือข้างหนึ่งยึดขากรรไกรโดยที่นิ้วหัวแม่โป้งยึดมุม
ขากรรไกรข้างหนึ่งนิ้วชี้ยึดขากรรไกรด้านตรงข้ามมืออีกข้างยึด
บริเวณ Occipital region ประคองศีรษะอยู่ในแนวตรง
คนที่หนึ่ง ถอดหมวกออกทางด้านบนศีรษะ โดยถ่างขยายหมวก
ออกด้านข้างแล้วค่อยๆ เลื่อนหมวกออก
คนที่สอง ปลดสายรัดคาง
คนที่หนึ่ง ทําหน้าที่ประคองศีรษะให้อยู่ในแนวตรง
คนที่สอง ใส่ Collar
คนที่หนึ่ง มีหน้าที่ในการประคองศีรษะให้อยู่ในแนวตรง
ประเมินทางเดินหายใจผู้ป่วย
Secondary survey
ตรวจร่างกายอย่างละเอียด
ตรวจระบบประสาท เมื่อผู้ป่วยอาการคงที่แล้ว
ตรวจเท่าที่จำเป็นอย่างรวดเร็ว เพื่อดูการเปลี่ยนแปลง
การพยาบาลผู้ป่วยบาดเจ็บที่ศีรษะและสมอง
เน้นรักษาภาวะ Shock
เน้นการเคลื่อนย้ายจัดท่า
เน้นระบบหายใจ แก้ไขภาวะ airway obstruction
ประเมินสภาพของผู้ป่วยให้ถูกต้องครอบคลุมก่อน
ประเมินภาวะอันตรายที่คุกคามชีวิตนอกเหนืออันตรายต่อสมอง
ประเมินอาการทางระบบประสาท
การซักประวัติการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว
ประเมินภาวะ Cervical spine injury
จัดทางเดินหายใจให้โล่ง
ห้ามเลือด และช่วยการไหลเวียนเลือดให้เพียงพอ
ประเมินบาดแผล หยุดเลือดที่ออกจากบาดแผล
การป้องกันภาวะสมองบวมสาเหตุจาก
สาเหตุจากการนอนในท่าที่ไม่เหมาะสม
จัดบริเวณคอให้อยู่ในแนวตรง
หลีกเลี่ยงการจัดท่างอสะโพกเกิน 90 องศา
จัดผู้ป่วยนอนในท่าศีรษะสูง 15 – 30 องศา
หลีกเลี่ยงการผูกยึดผู้ป่วยกับเตียง
ทําการดูดเสมหะอย่างนิ่มนวล
ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับสารน้ําตามแผนการรกัษาของแพทย์
CO2 คั่ง หรือ O2 ตำ่
ไม่ดูดเสมหะโดยไม่จำเป็นถ้ายังไม่มีอาการหรืออาการแสดงใดๆ
ดูดเสมหะแต่ละครั้งต้องจํากัดเวลาดูดไม่ให้เกิน 15 วินาที
ดูดเสมหะในปากและลําคอ ตามความจําเป็น
ใส่ Oropharyngeal airway ใส่ให้ผู้ป่วย
จัดให้ผู้ป่วยนอนตะแคงในท่ากึ่งคว่ำ
การป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่สมอง
ใช้ผ้ากอซ Sterile ปิดแผลที่กะโหลกศีรษะ แล้วพันยืดเพียงเบาๆเพื่อมิให้หลุดเพราะถ้าพันแน่นไปจะดันกะโหลกที่แตกไปกดเนื้อสมอง
ห้ามใช้สําลีหรือผ้ากอซอุดในรูจมูก หรือรูหูข้างที่น้ําซึมออกมา
ควบคมุภาวะชัก
ควบคมุการอาเจียน
เตรียมพร้อมผู้ป่วยไปรับการตรวจวินิจฉัยทางรังสี
กรณีที่ผู้ป่วยได้รับการตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติของระดับความรู้สึกตัวและ เมื่อแพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน
ผู้ป่วยต้องได้รับคําแนะนําแก่ผู้ป่วยหรือญาติใกล้ชิด
การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง
สาเหตุ
ตกจากที่สูง
ใช้ความรุนแรง
อุบัติเหตุจราจร
Spinal shock
จะหายภายในระยะเวลาเป็นวันหรือไม่กี่สัปดาห์
การประเมิน reflex
deep tendon reflex
anal reflex
bulbocarvenosus
กล้ามเนื้อเกร็งกระตุก
ไขสันหลังบริเวณรอยโรค และส่วนที่ตำ่กว่ารอยโรค
มักจะหยุดทํางานชั่วคราว
เกิดเมื่อได้รับการบาดเจ็บที่ไขสันหลังใหม่ๆ
พยาธิสภาพ
Cord contusion
ไขสันหลังเกิดการชอกช้ำ กด เบียด ด้วยกระดูกสันหลังที่แตกหัก
Ischemia condition
ไขสันหลังขาดเลือดจากการกด เบียด หลอดเลือดที่มาเลี้ยงไขสันหลัง
Cord concussion
ไขสันหลังได้รับการกระทบกระเทือนและหยุดการทํางานชั่วคราวน้อยกว่า24ชั่วโมง
Cord transection
ไขสันหลังฉีกขาดทุกชั้น Dura, Arachnoid, Pia ซึ่งเป็นการบาดเจ็บที่รุนแรงที่สุด
Complete cord injury
ไม่มีการทํางานของประสาทสั่งงานหรือประสาทรับความรู้สึก
บริเวณทวารหนักและรอบทวารหนักเลย
ใช้ Sacral sparing definition
การพยาบาลผู้ป่วยที่บาดเจ็บกระดูกสันหลัง
ณ จุดเกิดเหตุ
การไหลเวียนของโลหิต
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างถูกต้อง
ดูแลเรื่องหายใจ
ก่อนเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
ใช้กายอุปกรณ์ประคองกระดูกคอ
เคลื่อนย้ายด้วยความระมัดระวังและรวดเร็ว
จัดท่ากระดูกสันหลังให้นิ่งก่อน
เป้าหมาย
การรักษาชีวิต
ป้องกันการทําลายสันหลังเพิ่มเติม
การพยาบาล
การให้ยา
Dopamine ช่วยรักษาความดันโลหิตให้สูงกว่า 80 - 90 มิลลิเมตรปรอท เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงไขสันหลังอย่างเพียงพอ
Methylprednisolone ช่วยให้มีการฟื้นตัวของระบบประสาท
ช่วยลดการบวมของไขสันหลัง
Atropine ใช้รักษาอัตราการเต้นของหัวใจ
โดยเฉพาะในรายที่ชีพจรช้ามาก
ยากลุ่ม histamineH2receptor antagonist เพื่อลด stress ulcer
เตรียมผ่าตัดตามแผนการรักษาตามข้อบ่งชี้
กระดูกสันหลังหักแบบเปิด
มีเศษกระดกูหลุดออกและทมิ่แทงเข้าไปในโพรงสันหลัง
ความพร่องของระบบประสาทเพิ่มมากขึ้น
มีแผลทะลุเข้าสู่โพรงสันหลังและมีการทําลายไขสันหลัง
มีแรงกดไขสันหลังจากภายนอก
การพลิกตัวและการเคลื่อนย้าย
ต้องใช้ผู้ช่วย 3 – 4 คน
ต้องยกผู้ป่วยขึ้นพร้อมกัน แบบ Log roll and lift
ต้องให้แนวกระดูกสันหลังผู้ป่วยตรง
ติดตามเฝ้าระวังการตกเลือด สัญญาณชีพ การเต้นของหัวใจ
และความอิ่มตัวของ ออกซิเจนในเลือด
ตรวจและบันทึกสัญญาณชีพทุก 1/2-1 ชั่วโมง
ให้ยากระตุ้นหลอดเลือดหดตัว เพิ่มแรงดันเลือดและชีพจร
ถ้าพบว่าความดัน Systolicต่ำกว่านี้ ควรรีบรายงานแพทย์
รักษาความดัน Systolic ประมาณ 80 มม.ปรอท
ซึ่งสูงกว่า Renal filtration pressure
ในรายที่ท้องอืดดูแลให้
ใส่สายยางระบายน้ําและสารเหลวออก
จากกระเพาะอาหารที่ติอต่อเครื่องดูดอย่างมีประสิทธิภาพ
วัดรอบท้องเพื่อประเมินความก้าวหน้าของปัญหา
งดน้ําและอาหารทางปาก
การประเมินการหายใจ
ตรวจการหายใจว่าหายใจได้ เพียงพอหรือไม่
ใช้กล้ามเนื้อส่วนใดในการหายใจบ้าง
ทําทางเดินหายใจให้โล่ง
พิจารณาช่วยการหายใจต่อไป หากใช้กล้ามเนื้อกระบังลมเพียงเดียว
ทําทางเดินหายใจให้โล่ง โดยใช้วิธี Jaw thrust maneuver
ใส่สายสวนคาปัสสาวะไว้
ติดตามบันทึก จํานวน สี ลักษณะ
ใช้เทคนิคปราศจากเชื้อในการดูแลผู้ป่วย
ให้ระบายน้ําปัสสาวะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
การประเมินสภาพของผู้ป่วย
การตรวจร่างกายทั่วไป
การเปลี่ยนแปลงด้านอุณหภูมิ
การมีแขนขาอ่อนแรง
กล้ามเนื้อหดเกร็งบริเวณแนวกระดูกสันหลัง
หายใจลําบากหรือหยุดหายใจ
การผิดรูปของส่วนของร่างกาย
การตรวจหาการบาดเจ็บส่วนอื่นๆ
มักเกิดการบาดเจ็บหลายระบบ
การซักประวัติ
คาดเดากลไกการบาดเจ็บ
ตัดสินใจให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นและการเคลื่อนย้าย
ทราบสาเหตกุารบาดเจ็บ
การประเมินสภาพจิตใจ
ปฏิเสธโศกเศร้า กังวล
เตรียมส่งผู้ป่วยตรวจรังสี
ใช้ Cervical Hard Collar พัน ยึดรอบคอไม่ให้เอียงหรือขยับเขยื้อน
ใช้แผ่นกระดานรองหลังผู้ป่วยทุกครั้งก่อนการเคลื่อนย้าย
เคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยความระมัดระวัง
การพยาบาล Acute stroke
แบ่งออกได้เป็นชนิดต่างๆ
โรคหลอดเลือดสมองชนิดสมองขาดเลือด
(Ischemic Stroke)
แบ่งออกได้อีก2ชนิดย่อย ๆ
โรคหลอดเลือดขาดเลือด
จากภาวะหลอดเลือดสมองตีบ
(ThromboticStroke)
เกิดจากภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน
โรคหลอดเลือดสมอง
ชนิดเลือดออกในสมอง
(Hemorrhagic Stroke)
เกิดจากการอุดตันของหลอดเลอืด
สาเหตุมาจากไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือด
เกิดจากอุดตันของหลอดเลือดจนทําให้เลือดไปเลี้ยงสมอง
ไม่เพียงพอ ร่วมกับภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง
โรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออกในสมอง
(Hemorrhagic Stroke)
แบ่งได้อีก 2 ชนิดย่อย ๆ
โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง (Aneurysm)
เกิดจากความอ่อนแอของหลอดเลือด
โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติ
(Arteriovenous Malformation)
เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดสมองตั้งแต่กําเนิด
เกิดจากภาวะหลอดเลือดสมองแตกหรือฉีกขาด
ทําให้เลือดรั่วไหลเข้าไปในเนื้อเยื่อสมอง
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
อายุ:ในผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี เนื่องจาก อายุมากขึ้น
เพศ:เพศชายมีความเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง
ประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงได้
ไขมันในเลือดสูง
การสูบบุหรี่
เบาหวาน
โรคหัวใจ ทั้งโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือโรคลิ้นหัวใจต่างๆ
ความดันโลหิตสูง
ส่งผลให้เนื้อเยื่อในสมองถูกทําลาย
ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆขึ้นความผิดปกติของ
โรคหลอดเลือดสมอง
อาการของโรคหลอดเลือดสมอง
มีปัญหาเกี่ยวกับการพูด
มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
อาการชา
การสูญเสียการมองเห็นบางส่วน
อาการอ่อนแรง
เกิดจากสมองขาดเลือดไปเลี้ยงเนื่องจากหลอดเลือดตีบหลอดเลือด อุดตันหรือหลอดเลือดแตก
อาการบ่งชี้หลอดเลือดสมอง
Arms ยกแขนไม่ขึ้น 1 ข้าง
Speech มีปัญหาด้านการพูดแม้ประโยคง่ายๆ
Face เวลายิ้มพบว่ามุมปากข้างหนึ่งตก
Time ต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา
โดยด่วนภายใน 3 ชั่วโมง
แนวทางการพยาบาลเบื้องต้น
เมื่อผู้ป่วยมาถึงห้องฉุกเฉิน
ซักประวัติอาการสําคัญ
การพูดผิดปกติ
เวียนศีรษะ
การมองเห็นผิดปกติ
ปวดศีรษะรุนแรงโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
อาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ
เวลาที่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการ
การประเมิน
พิจารณา Basic life support / Advanced life support
อาการแสดงทางระบบประสาท (neurologicalsigns)
สัญญาณชีพ(vital signs)
ประเมินระดับความรุนแรงของโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน
จัดให้มีพยาบาลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเข้าสู่ห้องฉุกเฉินโดยเร็ว
(ภายใน3 นาที)
รายงานแพทย์ทันทีในกรณีต่อไปนี้
ผู้ป่วยที่มีอาการแสดงตามแผนภูมิ
สัญญาณชีพและอาการแสดงทางระบบประสาทผิดปกติ
SpO2 <94%
GCS ≤10 คะแนน
SBP ≥ 185 mmHg - DBP ≥ 110 mmHg
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการผิดปกติ
อาการอื่น ๆ
ส่งตรวจพิเศษ CT brain non contrast
ส่งตรวจทางหอ้งปฏิบัติการ
3.3 การพยาบาลในระบบหายใจ
ลักษณะและอาการแสดง
ของการได้รับบาดเจ็บบริเวณทรวงอก
ภาวะอกรวน (Flail Chest)
ทรวงอกบริเวณกระดูกซี่โครงที่หักขยับเขยื้อน
ขณะผู้ป่วยหายใจเข้าจะทําให้บริเวณที่หักยุบ
และขณะหายใจออกบริเวณที่หักจะยกสูงกว่าส่วนอื่น
Penetrating Chest Wounds
Tension Pneumothorax
เกิดจากการมีลมรั่วจากปอดข้างที่ได้รับ
บาดเจ็บลมรั่วจากอากาศภายนอกเข้าไปในโพรงเยื่อหุ้มปอด
Massive Hemothorax
เกิดเลือดออกในโพรงเยื่อหุ้มปอดอย่าง
เฉียบพลันมากกว่า1,500 ml.
ทําให้เกิดอากาศหรือเลือดออกในระหว่างปอด
กับผนังทรวงอกทําให้ปอดแฟบ
Cardiac temponade
เกิดจากเลือดเข้าไปอยู่ในโพรงเยื่อหุ้มหัวใจ
เมื่อการบีบตัวของหัวใจลดลง
ทําให้ Cardiac filling ลดลง
กระดูกซี่โครงหัก(Fractures of the Ribs)
มีอาการปวดบริเวณที่หัก และหายใจลําบาก
ภาวะฉุกเฉินรุนแรงที่เกิดจาก
การบาดเจ็บทรวงอก
Hypercapnia
เกิดจากการ Ventilation ไม่เพียงพอ
จากการเปลี่ยนแปลงความดัน ในช่องอก
ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดภาวะสมองพร่องออกซิเจน
และระดับความรู้สึกตัวลดลง
Metabolic acidosis
เกิดจากการเพิ่ม Lactic acid ในร่างกาย
ที่มาจาก Tissue hypoperfusion จากภาวะ Shock
Tissue hypoxia
เกิดภายหลังการบาดเจ็บทรวงอกจน ทําให้เกิดการเสียเลือด
ทําให้การขนส่งออกซิเจนไปส่วนต่างๆของร่างกายไม่เพียงพอ
การพยาบาลเบื้องต้นภาวะฉุกเฉิน
จากการบาดเจ็บทรวงอก
Breathing
หาความผิดปกติของการหายใจ
รวมถึงการโป่งพองของเส้นเลือดดําที่คอ
ประเมินจากการ ดู คลํา เคาะ ฟัง
Circulation
ตรวจความดันโลหิต สี อุณหภูมิ บริเวณปลายมือปลายเท้า
คลําชีพจร ประเมินอัตรา ความแรง จังหวะความสม่ำเสมอ
ประเมินความโป่งพองของเส้นเลือดดําที่คอ (Neck vein)
Airway
ประเมินทางเดินหายใจ หากเกิดการบาดเจ็บของ
กล่องเสียง จะฟังพบเสียงหายใจที่ผิดปกติ
ฟังเสียงหายใจและค้นหาสิ่งแปลกปลอม
ที่อุดกั้นทางเดินหายใจ
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บทรวงอก
Early interventions
เพื่อป้องกันแก้ไขภาวะ hypoxia
Immediately life-threatening injuries
กรณีตรวจพบ Flail chest
ใช้ผ้าพันรอบทรวงอกเช่นเดียวกับ Fractured Ribs
ใช้ mouth-to-mask หรือ bag-valve-mask resuscitation devices
อาจใช้หมอน รองบริเวณที่หัก
ให้ออกซิเจน หรือช่วยฟื้นคืนชีพแล้วนําผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
ไม่ให้บริเวณที่หักเกิดการเคลื่อนไหว
กรณีตรวจพบ Penetrating Chest Wounds
วัสดุที่ใช้ปิดแผลเช่น Vaseline gauze, plastic wrap เป็นต้น
ให้เปิดรูมุมด้านหนึ่งของวัสดุที่ปิดแผล
ป้องกันไม่ให้มีอากาศเข้าไปใน chest cavity มากขึ้น
ให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วย
ให้รีบปิดแผลอย่างเร็วที่สุด
กรณีตรวจพบกระดูกซี่โครงหักแบบธรรมดา
กรณีมีแผลเปิดแล้วมีลักษณะปากแผลถูกดูดขณะ
หายใจเข้าให้สงสัยว่าเกิดภาวะ Pneumothorax
กรณีซี่โครงหักหลายซี่ในจุดเดียวกันให้นอนทับ
ด้านที่บาดเจ็บ เพื่อให้ปอดข้างที่ดีทํางานได้เต็มที่
ให้แน่นทับบริเวณที่กระดูกซี่โครงหักแล้วอ้อมรอบลําตัว
ไปผูกปมที่ไม่หัก ก่อนผูกปมใหผู้บาดเจ็บหายใจออกให้เต็มที่ก่อน
กรณีไม่มีการบาดเจ็บอื่นร่วมด้วยหรือไม่รู้สึกตัว
ให้ทําการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในท่านั่ง
ให้ใช้ผ้าพับให้มีความกว้าง 2 นิ้วพัน
บริเวณทรวงอกจนถึงส่วนล่างสุดของซี่โครง
ทําการสํารวจขั้นต้น
ดูแลการไหลเวียน
ควรให้สารน้ําทางหลอดเลือดดํา ในผู้ป่วย shock
ให้เลือด ในรายที่เสียเลือดมาก
วัดสัญญาณชีพ
เพื่อดูอาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ทางเดินหายใจ และการหายใจ
ช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวก
ให้ออกซิเจน
จิดาภา ตั้งอยู่ดำรงกุล 6001210217 Sec B (10)